Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาที่ใช้รักษาผู้ป่วย HIV : - Coggle Diagram
ยาที่ใช้รักษาผู้ป่วย HIV :
Isoniazid 100 mg 3x hs
ปัญหาของผู้ป่วยและเหตุผลในการใช้ยา
เป็นยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย นำมาใช้ป้องกันและรักษาวัณโรค
กลไกการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงของยา
กลไกการออกฤทธิ์ : INH ขับยั้งการสังเคราะห์ mycolic acid ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ cell wall ของ mycobacteria INH จะออกฤทธิ์ได้ต้องอาศัยเอนไซม์ mycobacterial catalase peroxidase (Kat G) ของเชื้อจึงจะได้ active form ซึ่ง active form ของ INH จะจับเข้ากับ Acyl carriers protein (AcpM) และ beta-kctoacyI carrier protein synthase (KasA) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสังเคราะห์ mycolic acid โดยการจับเป็นแบบ covalent ทำให้เกิดการขับยั้งการสังเคราะห์ mycolic acid
ผลข้างเคียง: เหน็บ ชา แสบมือและเท้า คลื่นไส้ อาเจียน ท้องไส้ปั่นป่วน และมีผลตรวจการทำงานของตับผิดปกติ หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์
TEEVIR
กลไกการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงของยา
กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสเอชไอวีในกระบวนการที่ 2 (Reverse transcription)
ผลข้างเคียง:ปวดศีรษะ ท้องไส้ปั่นป่วน อาเจียน ท้องเสีย เหนื่อย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ง่วงนอน มีปัญหาในการนอนหลับ ขาดสมาธิ หรือฝันผิดปกติ
ปัญหาของผู้ป่วยและเหตุผลในการใช้ยา
รักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV
เป็นยาต้านไวรัสสูตรผสมซึ่งประกอบด้วยยา 3 ชนิด
Tenofovir disoproxil fumarate (TDF) 300 mg
Efavirenz 600 mg
Emtricitabine 200 mg
RIFAMPICIN 300 MG. รับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 1 ครั้ง.ก่อนนอน
กลไกการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงของยา
กลไกการออกฤทธิ์ : ยาไรแฟมพิซินจะออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างพันธุกรรมหรือดีเอนเอ (DNA) ของแบคทีเรีย โดยตัวยาจะไปรวมตัวกับเอนไซม์ที่มีชื่อว่า RNA polymerase และทำให้เอนไซม์หยุดลง (ไม่มีผลต่อเอนไซม์ในร่างกายมนุษย์) จึงทำให้แบคทีเรียไม่สามารถขยายพันธุ์ เจริญเติบโต และตายในที่สุด
ผลข้างเคียง : การรับประทานยานี้อาจทำให้ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำตา น้ำลาย เหงื่อ และเสมหะ ออกเป็นสีส้มแดง ซึ่งไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด (ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มอาจทำให้เลนส์ติดสีถาวรได้) ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ง่วงซึม เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดยอดอก รู้สึกไม่สบายในช่องท้อง ปวดท้อง ท้องเดิน ฯลฯ
ปัญหาของผู้ป่วยและเหตุผลในการใช้ยา
ยารักษาวัณโรค
การพยาบาลเกี่ยวกับการใช้ยา
แนะนำผู้ป่วยว่ายาอาจทำให้สีของปัสสาว: อุจจาระ น้ำลาย เสมหะ มีสีส้มแดง
สังเกตอาการข้างเคียงของยา เช่น อาการเบื่ออาหาร มีไข้หนาวสั่น ปวดศีรษะ ตาตัว เหลือง เป็นต้น หากมีอาการควรหยุดยาและปรึกษาแพทย์
ให้รับประทานยาขณะท้องว่าง เพราะอาหารจะขัดขวางการดูดซึมยา นิยมให้ตอนเช้า ก่อนอาหารนานๆ และดื่มน้ำตามมากๆ
4.ขณะได้รับยา Rifampicin ให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการคุมกำเนิดโดยวิธีรับประทาน ควรใช้การ คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เพราะ Rifampicin อาจลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิด โดย เร่งการกำจัดกลูโคคอร์ติคอยด์ และเอสโตรเจน ทำให้การคุมกำเนิดไม่ได้ผลและแนะนำ ให้ผู้ป่วยงดการดื่มสุรา ไม่ควรให้ยานี้พร้อมกับพีเอเอส เพราะพีเอเอสจะทำให้ Rifampicin ถูกดูดซึมน้อยลง
หากผู้ป่วยเกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในคนที่ได้รับการรักษาชนิดเว้นระยะ แพทย์ต้อง ระวังติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดไตวายเฉียบพลันได้
Pyrazinamide 500 mg 2.5 x hs
กลไกการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงของยา
กลไกการออกฤทธิ์ : pyrazinamide ถูกเปลี่ยนแปลงเป็น active form คือ pyrazinoic acid โดยเอนไซม์mycobacterial pyrazinam idase กลไกการออกฤทธิ์ของ pyraz inam ide ยังไม่ทราบการดื้อยา pyrazinamide เกิดจากการ mutaion ที่ pnc A gene ซึ่งเป็น gene ที่ codo เอนไซม์ mycobacterial pyrazinmidase ทำให้ pyrazin amide ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็น active form ได้นอกจากนี้การดื้อยาอาจเกิดจากการลดการ uptakc ของ pyrainamidc เข้าสู่เชื้อก็ได้
ผลข้างเคียง เช่น เจ็บกล้ามเนื้อหรือข้อ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เป็นต้น หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์
ปัญหาของผู้ป่วยและเหตุผลในการใช้ยา
ยารักษาวัณโรค
Ethambutol 400 mg
2xhs
ปัญหาของผู้ป่วยและเหตุผลในการใช้ยา
ยารักษาวัณโรค
กลไกการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงของยา
กลไกการออกฤทธิ์ : Ethambutol เป็น inhibitor ของเอนไซม์ mycobacterial arabinosyl transferase ซึ่งเป็นเอนไซม์ในกระบวนการpolymerization ของ arabinogly can ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของ mycobacterial cell wall การรบกวน arabinogly can synthesis จะทำให้ barrier ของ mycobacteria สูญเสียไปและทำให้ยาหลายชนิดเข้าเซลล์ได้ดีขึ้น
ผลข้างเคียง : เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อาเจียน ไม่อยากอาหาร ปวดท้อง รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนแรง
VITAMIN B6 (PYRIDOXINE) 50 MG*
รับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
ชื่อสามัญ : Cyanoco
กลไกการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงของยา
กลไกการออกฤทธิ์ : เป็น Coenzme ที่จำเป็นต่อการผลิตสารสื่อประสาทหลายชนิด เช่น Gamma aminobutyrio acid (GABA), Dopa & Dopamine เป็น Coenzyme ที่สำคัญต่อปฏิกิริยาทั้งหมดใน เมตะบอลิสมของกรดอะมิโน เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์เม็ดเลือดแดง
ผลข้างเคียง :เดินเซเพิ่มเมตะบอลิสมของ L-dopa จึงควรระวังในผู้ป่วยโรค Parkinson สึกเสียปหากได้รับเป็นเวลานานอาจมีการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย
ปัญหาของผู้ป่วยและเหตุผลในการใช้ยา
ร่างกายต้องการวิตามิน มากขึ้น ได้รับยาเม็ดคุมกำเนิด Isoniazid, L-dopa ผู้ที่ขาด วิตามินบี6เพราะได้รับยาบางชนิด ดื่มสุราจัด มีภาวะดูดซึมบกพร่อง
การพยาบาลเกี่ยวกับการใช้ยา
แนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคขาดวิตามินบี รับประทานอาหารที่มีวิตามินบี: สูง ระวัง นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย สตรีมีครรก็ เก็บยาให้พ้นแสง โดยใส่ขวดหรือซองสีชา
AGETYLCYSTEINE 100 MG/ซอง. ละลายน้ำดื่มครั้งละ 2 ซอง วันละ 3 ครั้ง,หลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น
ปัญหาของผู้ป่วยและเหตุผลในการใช้ยา
ยาขับเสมหะ หรือยาละลายเสมหะ ใช้รักษาอาการป่วยจากการรับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาด เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายที่ตับ และรักษาภาวะอาการที่เกิดมูกเหลวเหนียวข้นขึ้นจนเกิดปัญหาการหายใจ จากภาวะหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในระบบทางเดินหายใจ
กลไกการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงของยา
กลไกการออกฤทธิ์ : เป็นยาในกลุ่มยาละลายเสมหะ ออกฤทธิ์โดยในโครงสร้างของอะเซทิลซิสเทอีน มีหมู่ซัลไฮดริลอิสระเป็นองค์ประกอบ ซึ่งสามารถเปิดพันธะไดซัลไฟด์ของมิวโคโปรตีน (Mucoprotein) ของเสมหะ ส่งผลให้ความข้นหนืดของเสมหะลดลง
ผลข้างเคียง : เป็นหวัด น้ำมูกไหล ผิวหนังเนื้อตัวเย็นซีด ง่วงนอน มีไข้ มีอาการอักเสบระคายเคืองบริเวณปาก หรือ ลิ้นคลื่นไส้ อาเจียน
การพยาบาลเกี่ยวกับการใช้ยา
2.ยานี้อาจก่อให้เกิดอาการมองเห็นภาพไม่ชัด หากผู้ป่วยรู้สึกถึงอาการดังกล่าวไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ หรือทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องจักร
1.หากลืมรับประทานยาตามเวลาปกติที่รับประทาน ถ้าปกติรับประทาน 1 เม็ด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้จำนวน 1 เม็ดโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ดแทนเม็ดที่ลืมรับประทาน ในกรณีลืมรับประทานยาใกล้กับเวลารับประทานถัดไป ให้รับประทานยาในมื้อถัดไปในขนาด 1 เม็ด โดยข้ามยาในมื้อที่ลืมไป และไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ด
COLISTIN SULFATE 150 MG INJ IV 150 MG q 12 hr
การพยาบาลเกี่ยวกับการใช้ยา
สังเกตอาการผิดปกติ เช่น การพูด การได้ยิน การมองเห็น อาการเวียนศีรษะ เป็นต้น หากพบควรระวังการเกิดอุบัติเหตุ และรายงานแพทย์ทราบ
หากฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อมัดใหญ่และฉีดลึกๆ
รายงานแพทย์ทราบทันทีที่มีอาการผิดปกติ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง หายใจลำบาก เป็นตัน เพื่อพิจารณาหยุดยา และเตรียมให้เครื่องช่วยหายใจ
ยาที่ผสมแล้ว หากใช้ไม่หมดควรเก็บไว้ในตู้เย็น จะอยู่ได้นานถึง 7 วัน
ปัญหาของผู้ป่วยและเหตุผลในการใช้ยา
หากให้ทางปากจะมีประโยชน์ในการรักษาลำไส้อักเสบ และท้องเดินจากเชื้อแบคทีเรีย ยานี้ ไม่ถูดูดซึมทางเดินอาหารไม่สามารถกระจายเข้าสู่น้ำไขสันหลังได้ ยาถูกขับออกทางไตเป็น ส่วนใหญ่ ยานี้สามารถใช้เป็นยาทาแผลภายนอกได้ ให้ผลดีในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย แกรมลบแทบทุกชนิด รวมทั้ง Pseudomonas
กลไกการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงของยา
ผลข้างเคียง :เป็นพิษต่อไตสูงมาก อาจทำให้ไตพิการอย่างถาวร และบางครั้งอาจรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต อาจเป็นพิษต่อระบบประสาท ทำให้ซารอบๆ ปาก อาจมีอาการเดินเซ มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อ หายใจหยุดทำงาน โดยเฉพาะในกรณีที่ฉีดเข้าหลอดเลือดดำโดยตรง อาจเกิดอาการแพ้ย เช่น มีไข้ เป็นผื่นที่ผิวหนัง เป็นต้น
กลไกการออกฤทธิ์ : เป็นยาที่มีพิษต่อร่างกายสูงที่สุด เพราะทั้งคนและแบคทีเรียต่างมีเยื่อหุ้มเชลล์ที่จะถูกทำลาย