Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Nersing care plan NTEMI - Coggle Diagram
Nersing care plan
NTEMI
เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนเนื่องจากบริโภคนิสัยไม่เหมาะสมและขาดการออกกำลังกาย
ข้อมูลสนับสนุน
S : กินอาหารที่แคลอรี่สูงๆ เช่นอาหารทอดอาหารมัน เวลาทำงานจะได้ไม่หิว ไม่ได้ออกกำลังกาย น้ำหนัก94 กิโลกรัมสูง 165 เซนติเมตร
O : ชอบรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูงผิวหนังเยื่อบุไม่ซีดไม่มีอาการอ่อนเพลีย มีอาการกลืนลำบาก เสียง bowel Sound 10 ครั้ง BMI = 34.50
ประเมิณผล
ผู้ป่วยบอกว่าจะลดน้ำหนักเเละการกินอาหารไขมันสูง จะตั้งใจลดน้ำหนักเพื่อลูกให้ได้ 2-3 กิโลกรัมใน 1 เดือน เเละจะออกกำลังกายโดยการเดินรอบๆบ้าน
จุดมุ่งหมายทางการพยาบาล
ส่งเสริมให้มีการปรับเปลี่ยนการบริโภคอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักให้ใกล้เคียงกับเกณฑ์มาตรฐาน
เกณฑ์การประเมิณ
ลดปริมาณการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์และให้แคลอรี่สูงทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันมากขึ้น ออกกำลังกายแบบที่ผู้ป่วยชอบ น้ำหนักลดลงสัปดาห์ละ 0.5 ถึง 1.0 กิโลกรัม
กิจกรรมการพยาบาล
1.อธิบายถึงอันตรายที่จะเกิดจากภาวะอ้วนเพื่อทำให้ผู้ป่วยเกิดความตระหนักเเละตั้งใจในการลดน้ำหนัก
2.ให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารลดน้ำหนักที่มีประโยชน์ เช่นอาหารครบ 5 หมู่แต่ละหมู่กินให้หลากหลาย บริโภคผักและผลไม้ที่ไม่มีรสหวาน ดื่มน้ำให้มากๆ
3.ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการคิดรายการอาหารสำหรับการลดน้ำหนัก
4.แนะนำผู้ป่วยทำกิจกรรมต่างๆโดยอาศัยสิ่งที่อำนวยความสะดวก เช่นการขึ้นลงบันได
เจ็บแน่นหน้าอกเนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง
เกณฑ์การประเมิณ
ไม่มีอาการแน่นหน้าอก เหงื่อออก ตัวเย็น ซีด หน้ามืดเป็นลม
กิจกรรมการพยาบาล
1.แนะนำให้ผู้ป่วยหยุดทำกิจกรรมทุกอย่างแล้วนั่งพักเพื่อลดความเครียดของกล้ามเนื้อหัวใจ
2.ดูแลให้ร่างกายและกล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
3.ให้ยาอื่นตามแผนการรักษาเช่นยาขยายหลอดเลือด
4.ประเมินอาการเจ็บหน้าอกเกี่ยวกับความรุนแรงความถี่ระยะเวลาที่เจ็บหน้าอกติดตามผลการตรวจ EKG เพื่อตรวจสอบการเต้นของหัวใจที่อาจผิดปกติได้
5.ประเมินสัญญาณชีพค่าความดันโลหิตปกติ
จุดมุ่งหมายทางการพยาบาล
บรรเทาอาการเจ็บหน้าอกและป้องกันการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงมากขึ้น
ประเมิณผล
อาการเจ็บหน้าอกลดลงหลังจากผู้ป่วยได้พักและได้ยาจุดจุดจุดสัญญาณชีพปกติไม่มีอาการแสดงของภาวะหัวใจเต้นผิดปกติให้มีอาการเหนื่อยหรือเจ็บแน่นหน้าอก
ข้อมูลสนับสนุน
S : จุกแน่นใต้ลิ้นปี่เจ็บแน่นหน้าอกแบบซิตี้โดยเฉพาะเวลาออกแรงมากขึ้นจะเจ็บมากถ้าพักอาการจะทุเลาลง
O : โครงการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG ผิดปกติ
การเกิดภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากมีความดันโลหิตสูง
เกณฑ์การประเมิณ
ไม่มีอาการปวดศีรษะ ตาพร่ามัว คลื่นไส้อาเจียน BP ปกติไม่เกิน 140/85 mmhg
ไม่เกิดภาวะเครียดหรือภาวะเอครียดลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ติดตามประเมิณความดันโลหิตทุก 4 ชั่วโมง
2.ประเมินอาการที่แสดงถึงการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงเช่นปวดหัว ตาพร่ามัว มองห็นภาพซ้อน คลื่นไส้อาเจียน
3.ดูแลให้ได้รับยาครบถ้วนและตรงตามแผนการรักษาของแพทย์เช่นยาลดความดัน
4.แนะนำอาหารที่ช่วยลดไขมันในเลือดโดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง
5.แนะนำการรับประทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้นและดื่มน้ำมากๆ
6.แนะนำให้ผู้ป่วยระมัดระวังการเปลี่ยนท่าอาจทำให้ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงและเกิดอุบัติเหตุได้
จุดมุ่งหมายทางการพยาบาล
ปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนความดันโลหิตสูง
ประเมิณผล
ไม่เกิดอันตรายจากภาวะความดันโลหิตสูงความดันโลหิตสูงระหว่าง 150/90 mmhg ผู้ป่วยพยาบาลเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มันและไไม่หวานแต่ยังไม่สามารถออกกำลังกายให้สม่ำเสมอได้
ข้อมูลสนับสนุน
S : ผู้ป่วยบอกว่าอาการปวดศีรษะ ตาพร่ามัว
O : :BP. 155/105
นอนไม่หลับเนื่องจากมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคที่เป็น
ข้อมูลสนับสนุน
S : ผู้ป่วยบอกว่า ปกติเป็นคนหลับง่ายแต่ตอนนี้คิดมากเกี่ยวกับโรคที่ตนเองกำลังเป็นอยู่นอนไม่ค่อยหลับมีเสียงรบกวน
O : ป่วยมีอาการง่วงนอนดูท่าทางออกเพลียมากหาวบ่อย
จุดมุ่งหมายทางการพยาบาล
พื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถพักผ่อนนอนหลับได้มากขึ้น
เกณฑ์การประเมิณ
ได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงมีความสุขมากขึ้นหรือว่านอนไม่หลับพักผ่อนไม่เพียงพอเช่นหาบ่อยอ่อนเพลีย ปวดศีรษะมึนงง
กิจกรรมการพยาบาล
1.รับฟังปัญหาของผู้ป่วยเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกและซักถามปัญหา
2.อธิบายเกี่ยวกับโรคให้ผู้ป่วยทราบตามความเหมาะสมและให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเพื่อลดความวิตกกังวล
3.จัดสิ่งแวดล้อมให้เย็นสบายและเงียบสงบ เช่นปิดไฟ ไม่มีเสียงรบกวน
4.แนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติสิ่งที่จะช่วยเน้นให้ช่วยให้นอนหลับได้เช่น ดื่มน้ำ อ่านหนังสือ สวดมนต์
ประเมิณผล
หลังจากได้พูดคุยเกี่ยวกับโรคที่เป็นผู้ป่วยบอกว่าสบายใจขึ้นและนอนหลับได้ดีขึ้นประมาณ 6-8 ชั่วโมงไม่มีอาการมึนงงอ่อนเพลียปวดศีรษะ
มีภาวะเครียดเนื่องจากต้องปรับเปลี่ยนแบบแผนการดำเนินชีวิตเมื่อทราบว่า เป็น โรค
เกณฑ์การประเมิณ
1.สามารถบอกวิธีปฏิบัติตัวได้ถูกต้องและให้ความร่วมมือในการรักษา 2.สีหน้าเครียดลดน้อยลง
กิจกรรมการพยาบาล
1.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและญาติซักถามในสิ่งที่สงสัยและตอบปัญหาต่างๆให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจ
2.สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วยและครอบครัวอธิบายให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจว่าผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติและยืนยาวได้อย่างมีคุณภาพที่ดีถ้ามีการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง
3.ให้ความรู้และแนะนำวิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเมื่อกลับบ้านได้แก่เรื่องอาหาร การใช้ยา การออกกำลังกาย การรักษาความสะอาด
สังเกตอาการที่มาพบแพทย์ก่อนถึงเวลานัด
5.ย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการมาตรวจตามนัด
จุดมุ่งหมายทางการพยาบาล
ภาวะเครียดลดลงและสามารถปรับตัวให้เข้ากับแบบแผนการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป
ประเมิณผล
ผู้ป่วยไม่แสดงอาการ สีหน้าเครียดพูดคุยกับพยาบาลมากขึ้นมีสีหน้ายิ้มแย้มมากขึ้นสามารถบอกวิธีปฏิบัติตัวหลังจากกลับบ้านได้
ข้อมูลสนับสนุน
S : บ่นว่าหากตนเองเป็นอะไรไป ใครจะอยู่ดูแลลูกทั้งสองคน มีสีหน้าเครียด ไม่ค่อยพูดหรือขณะพูดจะน้ำตาคลอ เสียงสั่นเครือ
O : สีหน้าไม่สดชื่น ผู้ป่วยมีแววตาครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาสายตาเหม่อมองออกไปทางด้านนอก