นาฏศิลป์ไทย
ระบำ
รำ
ละคร
โขน
ฟ้อน
โขนฉาก
โขนนั่งราว หรือโขนโรงนอก
โขนหน้าจอ
โขนโรงใน
โขนกลางแปลง
ละครรำ
ละครปรับปรุงขึ้นใหม่
ละครพันทาง
ละครเสภา
ละครดึกดำบรรพ์
ละครชาตรี
ละครนอก
ละครใน
ศิลปะการรายรำตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเน้นความงดงามของกระบวนการ ความพร้อมเพรียงของผู้แสดง รูปร่าง สัดส่วนที่เท่ากัน การแปลแถว เครื่อง แต่งกาย เพลงร้อง และดนตรี การแสดงระบำเป็นการประดิษฐ์ทารำที่แปล ความหมายตามบท อง และการประดิษฐ์ทาราที่ไม่ต้องด่านึงถึงบทร้อง
รำเดี่ยว
รำคู่
ผู้แสดงต้องมีฝีมือในขั้น ยอดเยี่ยม มีเทคนิคในการ ครบอง สามารถ แสดงออกถึงอารมณ์ของบทบาท
เป็นการแสดงที่ใช้ง แสดงเพียง 2 คน
ใช้แสดงในทุกโอกาส เช่น เบิกโรง รอยลาย พรามหมณ์ รํามโนราห์ บูชายัญ
องค์ประกอบของการ แสดง ได้แก่ ลีลาการ ทํานองเพลง
จังหวะ และ เครื่องแต่งกายที่มีความ กลมกลืนสัมพันธ์กัน
ลักษณะการฟ้อนจะใช้ผู้แสดงจำนวนมาก
อาศัยความพร้อมเพรียงเป็นหลัก
การเคลื่อนไหวจะเบื้อง แมนวลตามทำนองและจังหวะดนตรี
เป็นการแสดงทางภาคเหนือและภาคอีสาน
ลักษณะของฟ้อนมี 5 ประเภท
ฟ้อนแบบม่าน เช่น ฟ้อนม่านมุ้ยเชียงดา
ฟ้อนแบบเงี้ยว หรือแบบไทยใหญ่ เช่น ฟ้อนไต ฟอนเงี้ยว
ฟ้อนแบบเมือง เช่น ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟ้อนสาวไหม
ฟ้อนที่ประดิษฐ์ขึ้นในการแสดงละครพันทาง
เช่น ฟ้อนลาวแพนฟ้อนม่านมงคล
ฟ้อนที่สืบเนื่องมาจากการนับถือผี
เช่น ฟ้อนผีเม็ง ฟ้อนมด ฟ้อนผีบ้านผีเมือง
เป็นละครที่เล่นตามพื้นบ้านของชาวบ้าน
ละครที่ใช้ เช่น เรื่องการะเกด เรื่องคาวี เรื่องชัยตัด เรื่องพิกุจทอง เรื่องมโนราห์ เรื่องโม่งป่า เรื่องมณิพิชัย เป็นต้น
เพลงที่ใช้มีจังหวะเร็ว ให้ถ้อยคำในการเจรจา
เป็นภาษาระดับชาวบ้าน ไม่นิยมใช้คำราชศัพท์
ผู้แสดงจะมีการร่ายรำที่กระลับกระเลง ล่องไว
เหมือนกิริยาของชาวบ้าน
ผู้แสดงจะมีการร่ายรำที่กระลับกระเลง ล่องไว
เหมือนกิริยาของชาวบ้าน
ละครขาดรีได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในภาลใต้นิยมแสดงเรื่องสธนมโนราห์ ภาคใต้เรียกว่าโนราห์ ส่วนภาคกลางเรียกว่าขาตรี หรือโนราห์าตรี
ละครชาตรีเป็นละครที่ต้องเรไปแสดงตามสถานที่ต่างๆ
เครื่องดนตรีจะใช้น้อยขึ้น ได้แก่
บี่ กลองเล็ก ฆ้อง 2 ใบ
ละครชาตริมีผู้แสดงหลักสามคน คือ
ตัวพระ ตัวนาง และตัวตลก
เป็นละครที่มีผู้แลดงเป็นผู้หญิงล้วนที่ ได้รับการฝึกหัดเพื่อแลดงภายในราชอำนักเป็นละครที่มุ่งให้เห็นความปราณีดงดงาม ของศิสปะการร่ายรำมากกว่าเนื้อเรื่อง
ละครที่ใช้ เช่น อิเหนา รามเกียรติ์ อุณรุท
การดำเนินเรื่องจะเป็นไปตามเรื่องขนบธรรมเนียม ประเพณี ยืดจิสปะการร่านรำเป็นหลักเพลง
ผู้แสดงคัดเลือกจากสตริที่มีรุบงาม มีท่วงทิสลาจง่างาม
มีฝีมือในการร่ายรำ
การแต่งกายจะครบเครื่องคามแบบแผนของกษัตริย์
ที่เรียกว่า ยืนเครื่อง
ละครหลวงวิจิตรวาทการ
เป็นการแสดงละคร ที่นำเอาจะครโอเปร่ามาปรับปรุงให้เข้ากับละคร
ดึกดำบรรพ์ของไทย ในประเภทละครรำ เกิดขึ้นในสมัยรังกาลที่ 5
ในสมัยนั่นมีเจ้านายขาวต่างชาติเข้ามา อยู่หลายครั้ง
จึงทำให้มีการจะเล่นให้แขกบ้านแขกเมืองได้รับชม
มีการตัดเนื้อเรื่อง ตอนต่างๆ จากวรรณคดีไทย
จะครที่ใช้เช่น ลังข์ทอง คาวี
ใช้หญิงล้วนแสดง
เกิดขึ้นในรัชกาลที่ ๔ ละครเจาาจะดำเนินเรื่องด้วยการขับเสภา มาจากการเล่านิทาน ผู้เอ่าจะคิดแต่งเป็นกลอนใส่ทำนอง และมีดนตรีบรรเลง
ผู้แสดงทั้งหญิง และชาย มีความสามารถในการรำและการขับร้อง
การแต่งกายตามสภาพชีวิตและคามเชื้อชาติของ
ตัวละคร เหมือนละครพันทางละครที่ใช้ เช่น เรื่องขนข้างขนแผน เรื่องไกลทอง
เป็นจะครที่มีการผสมผสนรปแบบการแสดง และนำเอาลิลาท่าที
ของขนต่างขาติมาปรับปรุงกับท่ารำไทย ได้รับวิทธิพล จากตะวันตก
ตัวละครที่มีเชื้อขาคิต่างๆ เช่น พม่า มอญ จีน ลาว
ละครที่ใช้ เรื่อง พระลอ ราชาธิราช สามก๊ก
ลักษณะการแต่งตัวของละครพันทางจะ
แต่งคามเชื้อชาติ และความเป็นจริงของตัวละครในบทนั้น
เป็นละครที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีการเปลี่ยนการปกครอง เป็นระบบประชาธิปไตย เนื้อหา ของละคร จะเกียวกับประวัติศาสตร์ บจกใจให้ประชาชนเกิดความรักชาติ ตัวเอกของ เรื่องจะเจียสละชีวิตเพื่อชาติ ลักษณะการแสดงบางเรื่องเป็นละครรำ
ละครที่ใช้ เช่น เรื่อง ราชธิดาพระร่วง
จะดำเนินเรื่องด้วยการพูด การรำ
และการขับร้องเพลง
เพลงที่ใช้จะเป็นเพลงที่ขับร้อง
มีทั้งแบบไทยและสากล
การแต่งกายจะแต่งกายตามยุคสมัย
จากเนื้อเรื่อง