Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
คำแนะนำสตรีตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2 (15-28 สัปดาห์), •ธาตุเหล็ก…
คำแนะนำสตรีตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2 (15-28 สัปดาห์)
การมีเพศสัมพันธ์
ไตรมาสที่สอง จะมีความรู้สึกทางเพศมากขึ้น ยิ่งมีการดิ้นของทารกเกิดขึ้นก็จะภาคภูมิใจ ทำให้ความรู้สึกทางเพศเพิ่มขึ้น
อาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ เนื่องจากอาจเป็นอาการคลอดก่อนกำหนด
ปวดหลังบริเวณเอว
มีของเหลวไหลออกมาจากช่องคลอด
มีอาการหดตัวของมดลูก เกิดขึ้นทุก 10 นาที
มีอาการน้ำเดิน
อาการพบบ่อยขณะตั้งครรภ์
แสบร้อนยอดอก
สาเหตุ
เพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนส่งผลให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัวร่วมกับขนาดมดลูกที่โตขึ้นกดเบียดกระเพาะอาหารทำให้กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับเข้าสู่กล้ามเนื้อเรียบบริเวณหลอดอาหารที่มีการคลายตัว
คำแนะนำ
รับประทานทีละน้อยแต่บ่อยครั้งเป็นอาหารรสอ่อน และเคี้ยวให้ละเอียด โดยแบ่งมื้อย่อย 5-6 มื้อต่อวัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน อาหารรสจัด
ท้องผูก
สาเหตุ
การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนทำให้กล้ามเนื้อลำไส้คลายตัวลำไส้จึงมีการบีบตัวและเคลื่อนไหวช้าลงทำให้มีอาการท้องผูก
คำแนะนำ
ดื่มน้ำมากๆอย่างน้อย 8-12 แก้ว ต่อวันเพื่อช่วยให้อุจจาระอ่อนตัว เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีกากใยได้แก่ ธัญพืช มะละกอสุก ลูกพรุน หลีกเลี่ยงการซื้อยาระบายมารับประทานเอง และเลี่ยงการสวนอุจจาระเพราะจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหดรัดตัวของมดลูกทำให้คลอดก่อนกำหนดได้
ริดสีดวงทวาร
สาเหตุ
อาการท้องผูกหากใช้แรงเบ่งมากเกินไป ทำให้เกิดการพองตัวของหลอดเลือดดำที่ทวารหนัก จึงสามารถเกิดริดสีดวง
คำแนะนำ
นั่งแช่น้ำอุ่นประมาณ 20 นาที ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ถ้าริดสีดวงทวารโผล่พ้นทวารหนักให้ประคบความเย็นได้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดและอาการบวม
อารมณ์แปรปรวน
สาเหตุ
ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
คำแนะนำ
บอกสาเหตุให้คนรอบตัวเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ แนะนำการผ่อนคลายความเครียด เช่น การฟังเพลง
ความดันโลหิตต่ำเมื่อนอนหงาย
สาเหตุ
มดลูกกดทับ inferoir vena cava ทำให้เกิดการไหลกลับของเลือดสูบหัวใจน้อยลง ปริมาณเลือดสูบออกจากหัวใจลดลง
คำแนะนำ
หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่ายืนเป็นเวลานาน แนะนำการนอนตะแคงซ้ายใช้หมอนเล็กๆหนุนที่บริเวณท้องและระหว่างขาทั้งสองข้างเพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ
มดลูกหดรัดตัว
สาเหตุ
มดลูกต้องการให้เลือดไหลเวียนไปบริเวณรกมากขึ้น ทำให้ท้องแข็งไม่สม่ำเสมอ
คำแนะนำ
ประคบอุ่นบริเวณหน้าท้อง 15 นาทีเพื่อส่งเสริมการไหลเสียนเลือดไปที่มดลูก
การรับประทานอาหาร
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
อาหารสุกๆ ดิบๆ เนื่องจากอาจมีสารปนเปื้อน พยาธิ หรือ แบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษ ท้องร่วง
อาหารรสจัด
อาหารรสจัด : เช่น หวานจัด เค็มจัด อาหารเหล่านี้จะไปรบกวนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
อาหารรสหวานจัด : ถ้ากินมากเกินไปจะทำให้ร่างกายใช้งานไม่หมด จากนั้นก็ไปสะสมเป็นไขมัน ส่งผลให้อ้วนได้ง่าย
อาหารเค็มจัด : ก็จะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากยิ่งขึ้น อาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำ หรืออาจเกิดโรคต่าง ๆ แทรกซ้อนขึ้น เช่น ความดันโลหิตสูง
อาหารหมักดอง อาหารเหล่านี้จะมีเกลือในปริมาณที่สูงมาก อาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำหรือเกิดโรคความดันโลหิตสูง ถ้ากินเยอะๆบ่อย ๆ อาจส่งผลต่อการเต้นของหัวใจและมีผลทำให้หัวใจหยุดเต้นแบบเฉียบพลัน
ไส้กรอกหรือเนื้อสัตว์แปรรูปต่างๆ เนื่องจากมีเกลือ สารกันบูด ไนเตรท ทำให้อาจก่อให้เกิดมะเร็งและไม่มีผลดีต่อร่างกาย
สตรีตั้งครรภ์ต้องการสารอาหารมากกว่าก่อนตั้งครรภ์ หรือเพิ่มจาก 2,200 kcal เป็น 2,500 kcal ควรรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ อาจแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ 5-6 มื้อ/วัน
อาหารที่ควรรับประทาน
สตรีตั้งครรภ์ต้องการสารอาหารมากกว่าก่อนตั้งครรภ์ หรือเพิ่มจาก 2,200 kcal เป็น 2,500 kcal ควรรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ อาจแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ 5-6 มื้อ/วัน
คาร์โบไฮเดรต : ควรทานเท่าเดิมก่อนตั้งครรภ์ เช่น ข้าว วันละ 9 ทัพพี
(2-3 ทัพพี/มื้อ) ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน เพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย
ไขมัน อาหารไขมันที่สามารถรับประทานได้ เช่น นม เนย และอาหารที่มีกรดไขมัน DHA สูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ไข่แดง เป็นต้น เพื่อให้พลังงานอย่างเพียงพอแก่ร่างกาย
ผักและผลไม้ มีกากใยช่วยในการขับถ่าย เช่น มะละกอ ฝรั่ง แตงโม สัปปะรด กล้วย ชมพู่ เป็นต้น
ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละอย่างน้อย 8-12 แก้วหรือ 2 ลิตร เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อาจจะเป็นการจิบน้ำบ่อยครั้ง
แร่และวิตามิน
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย
อาจมีเหงือกอักเสบ
ปัสสาวะบ่อย
เลือดมาเลี้ยงอุ้งเชิงกรานมากขึ้น ทำให้ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น
รู้สึกร้อนและมีเหงื่อออกมากขึ้น
ช่องคลอดและกล้ามเนื้อฝีเย็บขยายใหญ่
ผิวหนังสีคล้ำขึ้น มีฝ้า ตกกระขึ้นที่หน้าผาก แก้ม และสันจมูก
หน้าท้องมีสีคล้ำตรงกลางหน้า
มดลูกขยายใหญ่ขึ้น
ผนังหน้าท้องยืดขยายขึ้น
เต้านมขยายใหญ่ขึ้น คัดเจ็บเต้านม
•ธาตุเหล็ก เพื่อบำรุงเลือดและสร้างเม็ดเลือดแดง : ตับ เลือด เนื้อหมู เนื้อวัว ไข่แดง ผักใบเขียว
•แคลเซียม ช่วยในการสร้างกระดูกและโครงสร้างของเด็ก : นม เนย ปลาเล็กปลาน้อย
•ไอโอดีน เพื่อช่วยในการทำงานของต่อม thyroid ช่วยในการเผาผลาญ : อาหารทะเล ปลาทู เกลือไอโอดีน
•โฟเลต ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด : ผักตระกูลกะหล่ำ มะเขือเทศ แตงกวา แครอท องุ่น
•วิตามินเอ ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน : ตำลึง กวางตุ้ง ฟักทอง มะเขือเทศ มะละกอสุก
•สังกะสี ช่วยในเรื่องพัฒนาการของสมอง ขนาดของศีรษะทารก : ไข่ หอยนางรม ถั่ว กล้วย นม