Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

peptic perforate - Coggle Diagram

- - - - ตรวจวัดสัญญาณชีพทุก 15 นาที 1 ชั่วโมง ทุก 30 นาที 1 ชั่วโมง และทุก 1 ชั่วโมง จนสัญญาณชีพปกติ เพื่อประเมินอาการและภาวะช็อกหลังผ่าตัด
      - ระหว่างผ่าตัดสูญเสียเลือด 200 มิลลิลิตร ดูแลให้สารน้า 0.9% NSS 1,000 มิลลิลิตร ทางหลอดเลือดดำ 100 มิลลิลิตร/ชั่วโมง และ PRC 1 unit เพื่อทดแทนสมดุลของสารน้าและเลือด ในร่างกาย สังเกตอาการแทรกซ้อนขณะให้สารน้ำและเลือด
      - สังเกตอาการ เพื่อเฝ้าระวังการเสียเลือดในช่องท้อง ได้แก่ กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น ท้องอืด แผลหน้าท้องมีเลือดซึม
      - ประเมินจำนวนปัสสาวะที่ออกทุก 1 ชั่วโมง เพื่อประเมินภาวะช็อก ถ้าจำนวนปัสสาวะออกน้อยกว่า 30 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง รายงานแพทย์ทราบทันที
      - ดูแลให้ยา levophed 4 มิลลิกัม ผสมใน 5% D/W 250 มิลลิลิตร (4: 250) ทางหลอดเลือดดำ 5 มิลลิลิตร/ชั่วโมง keep systolic pressure มากกว่า 80 มิลลิเมตรปรอท ตามแผนการรักษา
      - เจาะเลือดตรวจ Hct ภายหลังเลือดหมด เพื่อประเมินภาวะซีดจากการเสียเลือด
  - - - ประเมินดูลักษณะบาดแผล ได้แก่ รอยบวมแดง แผลแยก มีลักษณะ discharge สีผิดปกติ มีหนอง เพื่อประเมินการติดเชื้อ
      - ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาลทุกครั้ง
      - ทำแผลโดยยึดหลักปราศจากเชื้อทาแผลผ่าตัดแบบ dry dressing โดยใช้ สำลีชุบ NSS เช็ดบริเวณริมแผล suture วนจากด้านในออกด้านนอกรอบแผล ถ้ามีเลือดเปื้อนระหว่างรอยเย็บแผล เช็ดออกจนสะอาดแล้วจึงปิดแผล
      - สังเกตลักษณะของ discharge ทุกครั้งที่ทำแผล
      - สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับการดูแลบาดแผล ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำ ไม่ใช้มือหรือวัตถุสิ่งของถูกต้องบริเวณบาดแผล เพราะอาจจะเป็นการเพิ่มเชื้อโรคสู่บาดแผล
      - วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงประเมินภาวะติดเชื้อที่แผล
      - อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติ รักษาความสะอาดของร่างกายทั่วไป เช่น ผม ปาก เล็บ ฟัน และผิวหนัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
      - ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา คือ Tazocin 4.5 g7. ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา คือ Tazocin 4.5 g
  - - - สังเกตและประเมินอาการของการเกิดภาวะ
        โพแทสเซียมในเลือดต่ำ ได้แก่ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
      - ติดตามดู Monitor EKG และประเมิน
        สัญญาณชีพ ทุก 2 ชั่วโมง
      - ดูแลให้ 0.9% NSS 1,000 มิลลิลิตร ผสม
        KC( 40 mEq IV 100 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง โดยใช้
        Infusion pump ติดตาม ประเมินระดับโปแตสเชียมในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
  - - - ประเมินภาวะ cyanosis ปลายมือปลายเท้า ซีด เย็น หายใจเหนื่อยหอบ กระสับกระส่าย
      - 3.ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง โดยดูดเสมหะทุกครั้งเมื่อมีเสมหะ
      - 4.จัดท่านอนให้ศีรษะสูง 30-45 องศา เพื่อให้กระบังลมหย่อน เพิ่มพื้นที่การขยายของปอด ทำให้ได้รับออกซิเจนมากขึ้น
      - ติดตามชีพจร อัตราการหายใจ ความอิ่มตัวออกซิเจนปลายนิ้ว ลักษณะคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
      - 5.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับ O2 canular 5 lit/min
  - - - แนะนำให้ใช้มือประคองแผลผ่าตัดขณะมีการเคลื่อนไหวร่างกายและให้เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ เวลาเปลี่ยนท่า เพื่อลดการกระทบกระเทือนเนื้อเยื่อบริเวณบาดแผล
        
        4.ให้ผู้ป่วยได้รับยาแก้ปวด Morphine 4 มิลลิกรัม ทางหลอดเลือดดำ 72 ชั่วโมง
      - ดูแลจัดท่า Fowler’s position ช่วยให้ผนังหน้าท้องหย่อนตัว ลดการดึงรั้งของแผล ช่วยลดอาการปวดแผลบริเวณหน้าท้องได้ และช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
      - สอบถามถึงความเจ็บปวด บริเวณที่ปวด ระยะเวลาของความเจ็บปวดเพื่อประเมินความรุนแรง ของอาการเจ็บตึงแผล
- - - - ต่ำกว่าปกติ ภาวะโลหิตจาง, ขาดสารอาหาร เช่น วิตามินบี12 กรดโฟลิค หรือธาตุเหล็ก
      - Cl 96 mmol /L
        
        ต่ำกว่าปกติ อาจเกิดจากการที่ผู้ป่วยได้รับยา levophed
        
        CO218 mmol /L
        
        ต่ำกว่าปกติ อาจเกิดจากที่ผู้ป่วยท้องเสียและกำลังมีภาวะไตวายระยะเริ่มต้น