Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เลือด (Blood) - Coggle Diagram
เลือด
(Blood)
การแข็งตัวของเลือด
(blood clotting)
ปัจจัยที่ทำให้เลือดแข็งตัว
วิตามิน K
แคลเซียม
เพลตเลต
เซลล์ที่ชำรุด
ปัจจัยอื่นในพลาสมา
การทำงาน
ผนังของหลอดเลือดฉีกขาด
เพลตเลตจะเคลื่อนที่ไปบริเวณที่หลอดเลือดฉีกขาด
ปล่อยสารที่ดึงดูดเพลตเลตมารวมตัวกันอุดผนังหลอดเลือดที่ฉีกขาด
การจัดหมู่เลือดและการให้เลือด
ส่วนที่ใช้จำแนกหมู่เลือด
โปรตีน (antigen)
จำแนกได้ 2 ระบบ
หมู่เลือดระบบABO
ประกอบด้วยหมู่โลหิตหลัก 4 หมู่
หมู่บี (B)
มีแอนติเจนBบนผิวเม็ดเลือดแดง มีแอนติบอดีAในพลาสมา
หมู่โอ (O)
ไม่มีแอนติเจนทั้งAและBบนผิวเม็ดเลือดแดง แต่มีทั้งแอนติบอดีAและBในพลาสมา
หมู่เอ (A)
มีแอนติเจนAบนผิวเม็ดเลือดแดง มีแอนติบอดีBในพลาสมา
หมู่เอบี (AB)
มีแอนติเจนทั้งAและBบนผิวเม็ดโลหิตแดง แต่ไม่มีทั้งแอนติบอดีAและBในพลาสมา
การให้เลือด
แอนติเจนบนผิวเซลล์เม็ดเลือดแดงของผู้ให้ต้องไม่ตรงกับแอนติบอดีในพลาสมาของผู้รับ
หมู่เลือดระบบ Rh
ประเภท
Rh+
ผิวเซลล์เม็ดเลือดแดง
มี Antigen Rh
พลาสมา
ไม่มี Antibody Rh
Rh-
ผิวเซลล์เม็ดเลือดแดง
ไม่มีมี Antigen Rh
พลาสมา
ไม่มี Antibody Rh
การให้เลือด
ถ้าผู้รับเลือด Rh- ได้รับเลือด Rh+ เข้าร่างกาย
ร่างกายผู้รับจะสร้าง Antibody Rh ขึ้น
ในตอนแรกไม่เป็นอันตราย
หากได้รับ Rh+ ในครั้งถัดไป
Antibody Rh ในร่างกายผู้รับจะต่อต้าน Antigen Rh ของผู้ให้ ทำให้เป็นอันตราย
ส่วนประกอบ
เซลล์เม็ดเลือดขาว
กลุ่มของเซลล์
เม็ดเลือดขาว
แกรนูโลไซต์
(granulocyte)
อีโอซิโนฟิล (eosinophil)
มีแกรนูลย้อมติดสีส้มแดง ทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมโดยการหลั่งเอนไซม์ หรือสารเคมี
นิวโทรฟิล (neutrophil)
มีแกรนูลย้อมติดสีม่วงชมพู ทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมโดยวิธีฟาโกไซโทซิส
เบโซฟิล (basophil)
มีแกรนูลย้อมติดสีน้ำเงินทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมโดยการหลั่งสารเคมีทำให้เกิดอาการแพ้
อะแกรนูโลไซต์
(agranulocyte)
ลิมโฟไซต์ (lymphocyte)
เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของร่างกายแบบจำเพาะ
โมโนไซต์ (monocyte)
มีนิวเคลียสลักษณะคล้ายไต เมื่อแทรกออกจากหลอดเลือดสู่เนื้อเยื่อต่างๆ จะเจริญเป็นไมโครฟาจมีหน้าที่ทำลายเชื้อโรคโดยวิธีฟาโกไซโทซิส
ทำหน้าที่
ต่อต้านและทำลายเชื้อโรค สิ่งแปลกปลอมในระบบภูมิคุ้มกัน
พลาสมา
ส่วนประกอบ
น้ำประมาณร้อยละ 90
สารอื่น ๆ ประมาณร้อยละ 10
หน้าที่
ลำเลียงสารต่าง ๆ ไปทั่วร่างกาย
เอนไซม์
ฮอร์โมน
สารอาหารธาตุอาหาร
แอนติบอดี
ลำเลียงของเสีย
ยูเรีย
สารที่ร่างกายไม่ต้องการ
โปรตีน
อัลบูมิน (albumin)
พบมากที่สุด
หน้าที่
ช่วยรักษาแรงออสโมติกของเลือดให้คงที่
โกลบูลิน (globulin)
แอนติบอดีที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
เรียกว่า
อิมมูโนโกลบูลิน (immunoglobulin)
ไฟบริโนเจน
เปลี่ยนเป็นไฟบริน
ในกระบวนการแข็งตัวของเลือด
ปริมาณที่อยู่ในร่างกาย
ร้อยละ 55
ลักษณะ
ของเหลวค่อนข้างใส
มีสีเหลืองอ่อน
ซีรัม (serum)
ส่วนของเหลวใสที่ได้จากการปั่นแยกของเลือดที่แข็งตัว
เพลตเลต
ลักษณะ
ขนาดเล็กมาก
รูปร่างไม่แน่นอน
มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 ไมโครเมตร
มีจำนวน 250,000 - 400,000 ชิ้นต่อเลือด 1 ไมโครลิตร
ไม่ใช่เซลล์
เป็นชิ้นส่วนของไซโทรพลาสซึมของเซลล์ชนิดหนึ่งในไขกระดูกที่หลุดเป็นชิ้น ๆ เข้าสู่หลอเลือด
อายุ
ประมาณ 10 วัน
ส่วนสำคัญที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว
เซลล์เม็ดเลือดแดง
ระยะเอมบริโอ
เซลล์เม็ดเลือดแดง สร้างจากตับ ม้าม และไขกระดูก
ระยะเติบโต
นิวเคลียสจะถูกดันหลุดออกไปและออร์แกแนลส่วนใหญ่จะสลายไป
ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงเจริญเติบโตเต็มที่ไม่มีนิวเคลียสและฮีโมโกบิน
อายุ
เซลล์มีเลือดแดงอายุ100-120วัน จะถูกทำลายที่ตับและม้าม
ขนาด
มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ7-8ไมโครเมตร หนาประมาณ2ไมโครเมตร
เซลล์เม็ดเลือดผิดปกติ
เกิดโรคต่างๆได้ เช่น ธาลัสซีเมีย และโรคโลหิตจาง
หน้าที่
ลำเลียงแก๊สออกซิเจนและแก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์