Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบย่อยอาหาร (Digestive system), 2.ลำไส้เล็กส่วนกลาง (Jejunum), A6480036…
ระบบย่อยอาหาร (Digestive system)
1.ท่อทางเดินอาหาร (Gastrointestinal tract หรือalimentary canal)
โครงสร้างของผนังท่อทางเดินอาหารสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชั้น ได้แก่
ชั้นเยื่อเมือก (Mucosa)
2.ชั้นใต้เยื่อเมือก (Submucosa)
3.ชั้นกล้ามเนื้อเรียบ(Muscularis external)
4.Serosa (Adventitia)
ปาก (Mouth)
คอหอย (Pharynx)
หน้าที่ของคอหอย
ช่วยในการทำให้เกิดเสียง
เป็นทางผ่านของอาหารจากปากไปสู่หลอดอาหาร
หลอดอาหาร (Esophagus)
:ยาวประมาณ 10-12 นิ้ว
:เริ่มจากปลาย laryngopharynx และลอดผ่านกะบังลมทางรูเปิดที่เรียกว่า esophageal hiatus สิ้นสุดโดยเปิดเข้าสู่ส่วบนของกระเพาะอาหาร
หน้าที่ของหลอดอาหาร
เป็นทางผ่านของอาหารที่เคี้ยวแล้ว โดยการบีบตัวเป็นคลื่นของหลอดอาหารทให้ส่งอาหารไปสู่กระเพาะอาหาร โดยการกระตุ้นของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 10
ตำแหน่งที่เป็นรอยคอดของหลอดอาหาร (esophagealconstriction)
หลอดอาหารจะพบตำแหน่งรอยคอดอยู่ 3 แห่งได้แก่
Upper esophageal constriction(Cervical constriction)
Middle esophageal constriction (Broncho-aorticconstriction)
Lower esophageal constriction (Diaphragmaticconstriction)วัตถุมักติดในตำแหน่งที่เป็นรอยคอดของหลอดอาหาร (esophageal constriction)
กระเพาะอาหาร (stomach)
กระเพาะอาหาร แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่
Cardia เป็นส่วนต่อมาจากหลอดอาหาร
Fundus เป็นส่วนโค้งด้านบนสุดของกระเพาะอาหาร
Body เป็นส่วนกลางของกระเพาะอาหาร
Pylolus เป็นส่วนปลายของกระเพาะอาหารก่อนเข้าลำไส้เล็กส่วนต้น
หน้าที่ของกระเพาะอาหาร
เป็นที่พักและกักเก็บอาหาร
สร้างเอนไซม์และขับน้ำย่อย (Gastric juice)
คลุกเคล้าอาหารให้ผสมกับน้ำย่อย
ลำไส้เล็ก (Small intestine)
เริ่มตั้งแต่ pyloric sphincter ไปจนถึง
Ileocaecal valve จึงเปิดเข้าสู่ลำไส้ใหญ่
ลำไส้เล็กแบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่
1.ลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenum)
-ยาวประมาณ 10 นิ้ว
-เริ่มจาก pyloric sphincter ไปจนถึง duodenojejunal flexure
-ไม่มีเยื่อแขวนลำไส้
3.ลำไส้เล็กส่วนปลาย (Ileum)
ยาวประมาณ 12 ฟุต เป็นส่วนที่มีการดูดซึมมากที่สุด ติดต่อกับลำไส้ใหญ่ส่วนต้น บริเวณ ileocaecal vavle
ผนังของลำไส้เล็ก มี 4 ชั้นคือ
Mucosa พบ globelt cell, Villi, หลอดน้ำเหลือง LactealIntestinal crypt
Submucosa
Muscularis
Serosa
การเพิ่มพื้นที่ผิวในการดูดซึมของลำไส้เล็ก
ความยาว
Plica circulares
Villi
หน้าที่ของลำไส้เล็ก
หลั่งน้ำย่อย
เคลื่อนไหวเพื่อคลุกเคล้าอาหารให้ผสมกับน้ำย่อยต่างๆและทำให้อาหารเคลื่อนที่ไปตามท่อของลำไส้เล็ก
ลำไส้ใหญ่ (Large intestine)
-ยาวประมาณ 1.5 เมตร
-เริ่มตั้งแต่ลำไส้ใหญ่ส่วน Cecum ไปจนถึง Anus
-ลำไส้ใหญ่แบ่งได้ดังนี้ คือ
Cecum
พบ
-Ileocecal vale
-Vermiform appendix
Colon
1) Ascending colon
2) Transverse colon
3) Descending colon
Rectum
ต่อจาก Signoid colon เริ่มต้นจาก S3 รูปร่างโค้งตามความโค้งของ sacrum และ coccyx ส่วนปลายสุดจะหักขึ้นไปด้านหลังและลงข้างล่างแคบเป็น anal canal ทางด้านล่างของ rectum ในผู้ชายอยู่หลังต่อมลูกหมาก ในผู้หญิงอยู่หลังVagina
Anal canel
มีกล้ามเนื้อที่สำคัญ 2 มัด คือ
Internal anal sphincter (smooth muscle)
External anal sphincter (skeletal muscle
ผนังของลำไส้ใหญ่ มี 4 ชั้นคือ
Mucosa ไม่มี villi และ มี goblet cells จำนวนมาก
Submucosa
Muscularis พบ taeniae coli แรงตึงตัวทำให้เกิด haustra
Serosa ผนังนี้มีไขมันมาสะสมเป็นติ่งไขมันเรียกว่าepiploic appendage
หน้าที่ของลำไส้ใหญ่
ดูดน้ำและสารละลายบางอย่างกลับเข้าสู่ร่างกาย เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างน้ำกับสารละลายภายในร่างกาย
ขับถ่ายกากเหลือจากการย่อยอาหาร
เยื่อบุช่องท้อง (Peritoneum)
แบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ
ชั้นนอก (Parietal peritoneum) คือ เยื่อบุช่องท้องที่ติดกับผนังช่องท้องด้านใน
2.ชั้นใน (Visceral peritoneum) คือ เยื่อบุช่องท้องส่วนหุ้มอวัยวะต่างๆในช่องท้องมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป
การจัดเรียงตัวของเยื่อบุช่องท้อง
Peritoneal cavity ประกอบด้วย greater sac และ lessersac (omentum bursa)
-เยื่อบุช่องท้องในเพศหญิง พบแอ่ง เรียก rectouterine pouch และ เกิดแอ่งเรียก uterovesical pouch
-เยื่อบุช่องท้องในเพศชายจะไม่พบ
หน้าที่ของเยื่อบุช่องท้อง
สร้าง Peritoneal fluid มาหล่อลื่น เพื่อลดแรงเสียดทานเมื่ออวัยวะภายในมีการเคลื่อนไหว
ป้องกันการกระจายของเชื้อโรค
แขวนอวัยวะต่างๆให้คงอยู่ในตำแหน่งและเป็นที่เกาะของหลอดเลือด หลอดน้ำเหลือง และเส้นประสาท
ทวารหนัก (Anus)
อวัยวะเสริมในย่อยอาหาร (Accessory digestive organs)
ฟัน (Teeth)
1.ตัวฟัน (Crown)
คอฟัน (Neck)
รากฟัน (Root)
หน้าที่ของฟัน
ช่วยในการทำเสียงเวลาพูด
ช่วยรักษาขนาดและรูปร่างของขากรรไกร
ช่วยในการเคี้ยวอาหารและบดอาหาร
ฟันในคน มี 2 ชุด เรียก dentation ได้แก่
ฟันน้ำนม (Deciduous teeth) เป็นฟันชุดแรกมี 20 ซี่ เริ่มงอกอายุประมาณ 6 เดือน
ฟันชุดที่ 2 ฟันแท้ (Permanent teeth) มีจำนวน 32 ซี่ เริ่มงอกอายุประมาณ 6 ปี
ลิ้น (Tongue)
กล้ามเนื้อของลิ้น
1.Extrinsic muscles of tongue ได้แก่ กล้ามเนื้อที่มีจุดเกาะต้นจากที่อื่นนอกลิ้น และมาเกาะที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันของลิ้น ได้แก่
Genioglossus
Hyoglossus
Styloglossus
Palatoglossus
Intrinsic muscles of tongue ได้แก่ กล้ามเนื้อที่มีต้นกำเนิดและเกาะที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
ภายในลิ้น กล้ามเนื้อเหล่านี้มีการเรียงตัว 3 แนว ได้แก่
longitudinal (superior & inferior)
transverse
vertical muscles
intrinsic muscles ถูกเลี้ยงด้วย hypoglossal nerve
ต่อมน้ำลาย (Salivary glands)
มีหน้าที่สร้างน้ำลาย (saliva) และถูกขับออกมาเข้าไปในช่องปาก
แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ
Minor salivary glands
Major salivary glands
ต่อมน้ำลายข้างกกหู (Parotid (Gland
-ผลิตน้ำลายที่มีลักษณะเป็นน้ำใส
-25 % ของน้ำลายทั้งหมด
ต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกรล่าง(Submandibulary Gland)
-ผลิตน้ำลายที่มีลักษณะข้น
-5 % ของน้ำลายทั้งหมด
ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น (Sublingual Gland)
-ผลิตน้ำลายที่มีลักษณะเป็นน้ำใสปนเมือกเหนียว
-70 % ของน้ำลายทั้งหมด
ตับ (Liver)
ตั้งอยู่บริเวณชายโครงขวา (rib 5-10) และมีกะบังลมคลุมอยู่ยื่นผ่านแนวกลางลำตัวไปทางด้านซ้าย
Ligaments/Peritoneal Attachments of the Liver
Coronary ligament
ยึดผิวด้านบนของตับไว้กับกะบังลม
Falciform ligament
-ยึดผิวด้านหน้าของตับไว้กับกะบังลมและผนังหน้าท้อง
Round ligament of liver (ligamentum teres hepatis)
-ยึดระหว่างตับกับสะดือ ซึ่งเป็นส่วนเหลือของ umbilical vein ในตัวอ่อน
Lesser omentum
-ยึดขั้วตับไว้กับกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น
-Hepatogastric ligament
-Hepatoduodinal ligament
ลักษณะภายนอกของตับแบ่งออกเป็น 4 กลีบ (Lobe)
Left and Right lobe
Caudate and Quadrate
ลักษณะทางจุลกายวิภาคของตับ
-เนื้อตับประกอบด้วยหน่วยโครงสร้างพื้นฐาน เรียกว่า hepatic lobule
-ประกอบด้วย Central vein เป็นจุดศูนย์กลาง
-ตรงมุมหกเหลี่ยมมีโครงสร้าง เรียกว่า portal triad
ภายในตับประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนิด คือ
1.Liver cell หรือ hepatocytes ทำหน้าที่สร้างน้ำดี และขับออกที่ช่องแคบ ๆ เรียก bile canaliculi
Kuller cel บุอยู่ใน sinusoid ทำหน้าที่เก็บกินเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ และแบคทีเรียที่ปนมากับเลือด
หน้าที่ของตับ
ช่วยเผาผลาญสารอาหารต่างๆ
กำจัดและทำลายพิษของยาและฮอร์โมนบางชนิด เช่นpenicillin, estrogrn,thyroxine
สร้างน้ำดีขับออกสู่ลำไส้เล็กสำหรับย่อยและดูดซึมสารอาหารพวกไขมัน
เก็บสะสมอาหารเช่น glucose ไว้ในรูปของ glycogen และเป็นแหล่งสะสมธาตุเหล็กและทองแดง วิตามิน A, D, B12
สร้างเม็ดเลือดแดงในทารก
สลาย HB ของเม็ดเลือดแดงให้เป็น โกลบิน และฮีม
สร้างสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด
สร้างโปรตีน เช่น โปรทรอมบิน ไฟบริโนเจน อัลบูมิน
สังเคราะห์กรดอะมิโน
ถุงน้ำดี (Galbladder)
-วางตัวอยู่ตามขอบข้างขวาของ quadrate lobe ทำหน้าที่ทำให้น้ำดีที่คัดหลังจากตับเข้มข้นขึ้น เพื่อปล่อยลงสู่ลำไส้เล็ก ทาง common bile duct
-มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 ซม.
-มีความยาวประมาณ 7-10 ซม
-มีความจุถึง 30-60 มล.
ถุงน้ำดีแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
Fundus
Body
Neck
ระบบทางเดินน้ำดี
ระบบทางเดินน้ำดีประกอบด้วย
Common hepatic duct
Cystic duct
Common bile duct
ตับอ่อน (pancreas)
วางตัวอยู่ในกระดูกสันหลัง ระดับ L1-L2
ทำหน้าที่
สร้างน้ำย่อย (pancreatic juice)
สร้าง glucagon และ insulin
แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
Head
Body
Tail
ท่อของตับอ่อน
Main pancreatic duct ไปรวมกับ common bile ductรวมเป็น hepatopancreatic ampulla แล้วเปิดเข้าสู่ลำไส้เล็กทาง Major duodenal papilla
Accessory pancreatic duct เปิดเข้าสู่ลำไส้เล็กทางMinor duodenal papilla
จุลกายวิภาคของตับอ่อน
-เนื้อต่อม 1% เป็น Pancreatic islets (islets ofLangerhans)
-สร้าง glucagon, insulin
-เนื้อต่อมส่วนที่เหลือ เป็น Acini cell ทำหน้าที่สร้างน้ำย่อยของตับอ่อน (Pancreatic Juice) ประกอบด้วย
โซเดียมไบคาร์บอเนต (NaHCO3)
น้ำย่อยอะไมเลส (Amylase)
น้ำย่อยลิเพส (Lipase)
2.ลำไส้เล็กส่วนกลาง (Jejunum)
-ยาวประมาณ 8 ฟุต มีการดูดซึมไขมันและ B12 มาก
A6480036 นายธนาบัติ พิมพาเกษ