Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ลุงสองต้องถอนฟัน, Renin, ACE - Coggle Diagram

- - - - ฟันที่ต้องถอนเพื่อการใส่ฟัน
      - ฟันที่ได้รับอุบัติเหตุ
      - ฟันที่ต้องถอนเพื่อการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน
      - ฟันที่อยู่ในบริเวณที่ต้องได้รับการฉายรังสีรักษา
      - ฟันน้ำนมไม่หลุดตามระยะเวลา
      - ฟันคุด ฟันชน ฟันเกิน หรือฟันที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
      - ฟันผุมาก
      - ในผู้ป่วยที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ
      - ฟันที่อยู่ใน fracture line
      - ฟันที่มีพยาธิสภาพของกระดูกรอบ ๆ รากฟัน
      - ฟันที่เป็นโรคปริทันต์รุนแรง
    - - ปัญหาบวม (Edema)
      - ปัญหาฟกช้ำ (Ecchymosis )
      - ปัญหาอ้าปากได้จำกัด (Trismus)
      - ปัญหาเลือดออกหรือเลือดออกไหลไม่หยุด (Hemorrhage)
      - ปัญหาเจ็บปวดและไม่สบายหลังผ่าตัด (Pain and Discomfort)
      - ปัญหาการติดเชื้อ (Post operative infection)
      - Hematoma
      - Alveolar osteitis (Dry socket)
    - - วิธีการนำรากฟันออก
        
        2.ตำแหน่งของทันตแพทย์และผู้ช่วย
        
        3.ต้องมองเห็นรากที่หักอย่างชัดเจน โดยใช้เครื่องดูดเลือดและน้ำลายช่วย
        
        1.แสงสว่างเพียงพอ
      - การนำรากฟันบนที่หักใกล้โพรงอากาศเเม็กชิลลาร์ออก
        
        การถ่ายภาพรังสี ใช้หัวกรอกรอออก หรือใช้Williams apical pick ตัด
        
        ถ้าเอาออก ไม่ได้ให้ใช้straight root tip pick จากนั้นใช้ apical fragment forceps นํารากฟันออก
  - - - วัดจากระดับความดัน
        
        optimol <120 /<80
        Normol120-129 / 80-84
        High normol130-139 / 85-89
        Grade1 hypertension 140-159 / 90-99
        Grade2 hypertension 160-179 / 100-109
        Grade3 hypertension มากกว่าหรือเท่ากับ180/ มากกว่าหรือเท่ากับ110
        Isolated systolic hypertensionมากกว่าหรือเท่ากับ140/ มากกว่า90
    - - รักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
        
        หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
        -การกินอาหาร
        -การออกกำลังกาย
      - รักษาด้วยการใช้ยา
        
        Calcium channel blockers (CCBs) ยาต้านแคลเซียม
        3.1 กลุ่ม Dihydropyridines CCB ได้แก่ nifedipine , amlodipind
        3.2 กลุ่ม Non- Dihydropyridines CCB ได้แก่ Verapamil
        
        ยาที่มีฤทธิ์ต้านระบบชิมพาเทติก
        4.1 Alpha-bloker ได้แก่ Prazoin
        4.2 Beta-bloker ยากลุ่มออกฤทธิ์ต้านเบต้า ได้แก่ Propranolol, nadolol
        
        Diuretics : ยาขับปัสสาวะ
        2.1 กลุ่ม Loops diuretic ได้แก่ Furosemide
        2.2 กลุ่ม Thiazide diuretics ได้แก่ Hydrochtorothiazide ( HCTZ)
        2.3 กลุ่ม Potassium sparing ได้แก่ spironolactone
        
        Direct vasodilators: ยาขยายหลอดเลือด ได้แก่ Hydralazine
        
        1.ยาที่ยับยั้งระบบ renin-angiotensis-aldosterone system ( RAAS )
        1.1 angiotensin converting enzyme inhibitor ( ACEI) ได้แก่ Captopri,Enalapril,Fosinopril,Lisinoprl
        1.2Angiotensin II receptor blokers (ARBs )ได้แก่ Losartan,
        Valsartan,Candesartan,Olmesartan.Irbesartan
        
        ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ได้แก่ Warfarin (วาร์ฟาริน )
    - - ระหว่างทำทันตกรรม
        
        -การใช้ยาชาที่มีส่วนผสมของสารบีบหลอด
        
        -ลดความเครียดและความวิตกกังวล
        
        ระวังการเกิดPosturalhypotensionขณะปรับเก้าอี้ทําฟัน
      - หลังทำทันตกรรม
        
        -ระมัดระวังการจ่ายยา
      - ก่อนทำทันตกรรม
        
        -วัดความดันโลหิตทุกครั้งก่อนให้การรักษา
        
        -พิจารณให้การักษา
        
        -การซักประวัติ
      - เเนวทางการวางเเผนเเละรักษาทางทันตกรรม
        
        140/90 ให้การรักษาทางทันตกรรมไม่เร่งด่วนได้
        
        140-159/90-99 ให้นั่งพัก ให้การรักษาทางทันตกรรมไม่เร่งด่วน
        
        160/100 ให้การรักษาทางทันตกรรมไม่เร่งด่วนได้
        
        160-179/100-109 ให้นั่งพัก ให้การรักษาเฉพาะกรณีฉุกเฉิน
        
        180/110 ให้นั่งพัก เลื่อนการรักษาทันตกรรม
    - - ปวดศีรษะมักปวดบริเวณท้ายทอยโดยเฉพาะเวลาตื่นนอนในช่วงเช้า เวียนศรีษะ(dizziness)พบเกิดร่วมกับอาการปวดศีรษะ เลือดกำเดาไหลและเหนื่อยหอบขณะทำงานหรืออาการเหนื่อยหอบนอนราบไม่ได้(AHA,2015)
    - - Angiotensinogen
        
        Angiotensin |
        
        Angiotensin ||
        
        ADH
        
        หลอดเลือดตีบ
        
        Adrenal gland
        
        Symphathetic activity
  - - - วัดจากระดับน้ำตาลในเลือด
        
        พลาสมากลูโคสขณะอดอาหาร (FPG)<100มก./ดล=ปกติ, 100-125มก./ดล.=เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ,_>126มก./ดล.=โรคเบาหวาน
        
        พลาสมากลูโคสที่2ชม.หลังดื่มน้ำตาลกลูโคส75ก.2h-PG(OGTT)<140มก./ดล=ปกติ,140-199มก./ดล.=เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน,_>200มก./ดล.=โรคเบาหวาน
        
        พลาสมากลูโคสที่เวลาใดๆในผู้ที่ทีอาการชัดเจน _>200มก./ดล.=โรคเบาหวาน
        
        ฮีโมโกลบินเอวันซี(A1C)<5.7%=ปกติ, 5.7-6.4%= เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน, _>6.5%=โรคเบาหวาน
    - - รักษาโดยการปรับพฤติกรรม
        
        รับประทานอาหารให้ครบ 5หมู่ เน้นผลไม้ หลีกเลี่ยง (หวาน มัน เค็ม)
        
        ไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
        
        ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดปีละครั้ง
        
        ควบคุมนํ้าหนักตัวและรอบเอวให้เหมาะสม
        
        ออกกําลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที (5 ครั้ง / สัปดาห์)
      - รักษาด้วยยา
        
        กลุ่มยา Biguanide
        ออกฤทธิ์ผ่าน AMP kinase ในตับ กล้ามเนื้อ และ ไขมัน ลดการสร้างกลูโคสจากตับ(ลดgluconeogenesis):เพิ่ม peripheral glucose uptake: ลดการดูดซึมกลูโคสจากระบบทางเดินอาหาร
        -> Metformin
        
        กลุ่มยา
        Sulfonylurea
        กระตุ้นการหลั่งอินซุลินจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อน
        -> Glipizied
        -> Climepiride
        -> Glyburide
        
        กลุ่มยา
        Meglitinides
        กระตุ้นการหลั่งอิซูลินจากเบต้าเซลล์โดยขึ้นกับระดับกลูโคส
        -> Repaglinied
        -> Neteglinide
        
        กลุ่มยา
        α-Glucosidaseinhibitors
        ชะลอการดูดซึมกลูโคสในลำไส้โดยการยับยั้งการแตกตัวของน้ำตาลเชิงซ้อน
        -> Acarbose
        -> Migitol
        
        กลุ่มยา
        GLP-1 agonist
        ผลจาก incretin คือทำให้อารหารในกระเพาะผ่านไปลำไส้จนหมด (gastric emptying) ได้ช้าลง;ส่งเสริมการสร้างอินซูลินในช่วงหลังอาหาร; ทำให้การทำงานของเบต้าเซลล์ดีขึ้น; ลดความอยากอาหาร
        -> Semaglutide
        -> Albiglutide
        -> Lixisenatide
        -> Exenatide
        -> Liraglutide
        -> Dulagludite
        
        กลุ่มยา
        DPP-4 inhibitors
        ยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ลดการสลาย GLP-1 ในร่างกาย
        -> Saxagiptin
        -> Sitaglipin
        -> Alogliptin
        -> Linagliptin
        
        กลุ่มยา
        Amylin analog
        ยับยั้งการหลั่ง glucagon หลัง อาหาร: ทำให้อาหารในกระเพาะ ผ่านไปลำไส้จนหมด (gastric emptying) ได้ช้าลง; ทำให้รู้สึกอิ่ม
        ->Pramlintide
        
        กลุ่มยา
        Thiazolidinediones
        ยับยั้งPPAR-V: เพิ่มการ ตอบสนองต่ออินซูลินที่ตับ กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อไขมัน: ลด กลูโคสที่มาจากตับ
        -> Rosiglitazone
        -> Pioglitazone
        
        กลุ่มยา SGLT-2 inhibitors
        ทำให้กลูโคสถูกขับออกทางปัสสาวะมากขึ้นมีผลให้ระดับกลูโคสในเลือดลดลง
        -> Canagliflozin
        -> Dapagliflozin
        -> Empagliflozin
        -> Ertugliflozin
        
        กลุ่มยา
        Bile-acid sequestrant(ไม่ทราบ)
        -> Colesevelam
        
        กลุ่มยา Dopamine-2 agonist
        ปรับการควบคุมการเผาผลาญ ของhypothalamus; เพิ่มการ ตอบสนองต่ออินซูลิน
        -> Bromocriptine
        (quickrelease)
    - - ภาวะกินมากเกินไป/ ดื่มน้ำมากผิดปกติ
      - ภาวะง่วงซึม/ภาวะมึนงง
      - น้ำหนักลด
      - หอบ/หายใจเข้าลึกๆอย่างเร็ว
      - มองเห็นภาพซ้อน
      - กลิ่นปากมีกลิ่น Acetone
      - คลื่นไส้/อาเจียน/ปวดท้อง
      - ภาวะปัสสาวะมากกว่าปกติ /ปัสสาวะหวาน
    - - DM type1
        
        พันธุกรรมเบาหวาน/ภูมิคุ้มกันผิดปกติ/ติดเชื้อไวรัส
        
        เบต้าเซลล์ถูกทำลาย
        
        ไม่ผลิตอินซูลิน
        
        ภาวะ ketoacidosis
        
        ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
      - DM type2
        
        ภาวะอ้วนเกินไป
        
        เบต้าเซลล์ปกติ
        
        ผลิตอินซูลิน
        
        เซลล์ไขมันต่อต้าน
        
        Insulin resistance
        
        1 more item...
        
        ตั้งครรภ์
        
        ฮอร์โมนผลิตระหว่างตั้งครรภ์แย่งจับตัวรับอินซูลิน
        
        Insulin resistance
        
        ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
    - - หลังทำทันตกรรม
        
        ควรให้ยาฆ่าเชื้อชนิดBectericidal ในผู้ป่วยที่มีแนวโน้มติดเชื้อง่าย
        
        เมื่อผู้ป่วยสามาาถกินอาหารได้ดีแล้ว ให้กลับมาฉีดอินซูลินและยาควบคุมระดับน้ำตาลตามปกติ
        
        ถ้าผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อเป็นหนองควรรีบปรึกษาแพทย์
      - ระหว่างทำทันตกรรม
        
        ใช้หลักการStress reduction protocal
        
        คำนึงถึงHypoglycemia
        
        ผู้ป่วยสามารถดื่มน้ำหวาน น้ำผลไม้ หรือลูกอมเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้
        
        ระวังการติดเชื้อง่ายและแผลหายช้า
      - ก่อนทำทันตกรรม
        
        ซักประวัติ
        
        ให้ผู้ป่วยกินข้าวเช้า ฉีดอินซูลินหรือกินยาควบคุมระดับน้ำตาลตามปกติ
        
        ทดสอบระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วย
        
        ประเมินผู้ป่วย
        
        Well and moderate control DM
        (HbA1c 7-8%)
        
        สามารถทำการรักษาทางทันตกรรมได้
        เหมือนผู้ป่วยทั่วไป
        
        Poorly - controlled DM
        (HBA1c > 8%)
        
        ชะลอการรักษาทางทันตกรรมที่ไม่เร่งด่วนออกไปก่อน
- - - - By producing the enzyme renin, they help regulate blood pressure, and their hormone erythropoietin stimulates red blood cell production in the bone marrow