Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบ ย่อยอาหาร - Coggle Diagram
ระบบ
ย่อยอาหาร
ฮอร์โมนทางเดินอาหาร
แกสทริน (Gastin)
ผลิตจากเซลล์ที่อยู่บริเวณกระเพาะอาหาร
กระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณกระเพาะอาหารกับหลอดอาหาร
กระตุ้นการหลั่งอินซูลินหลังกินอาหารโปรตีน
โคลีซีสโทไคนิน CCK
สร้างจาก l Cell อยู่ที่ชั้นเยื่อเมือกของลำไส้ส่วนต้น
เส้นประสาทส่วนปลายในไอเลียมและโคลอน
เซลล์ในประสาทสมอง สร้างความวิตกกังวลและระงับปวดซีซีเค
ซีครีทีน (Secretin)
สร้างจาก s cell อยู่ในชั้นลึกสุดของชั้นเนื้อเยื่อเมือกส่วนบนของลำไส้เล็ก
เพิ่มการหลั่งสารน้ำและน้ำย่อยที่เป็นด่างโดยทำงานผ่าน CAMP
ไซแอกทีฟอินเทสทีนัล เพปไทด์ (VIP)
เป็นกรดอะมิโน 23 ตัว
หลั่งจากเซลล์ประสาทระบบเอ็นเทอริกทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัวที่ผนังทางเดินอาหาร
หูรูดทำให้ท่อทางเดินอาหารและน้ำดีหลั่งน้ำอิเล็กโทรไลต์
แกสทริกอินธิบิทอรี่ (GIP)
กรดอะมิโน 43 ตัว สร้างจากเซลล์เคในชั้นดูโอดีนัมและเจจูนัมเพียงอย่างเดียว
ตัวกระตุ้นกลูโคสและไขมันอยู่ในโอดีนัม
โมทิลิน (Motilin)
กรดอะมิโน 22 ตัว
สร้างจากเซลล์เอนเทอโรโคราแมฟฟินและ MO Cell ในผนังของกระเพาะอาหาร
ควบคุมการเคลื่อนไหว
นิวโรเทนซิน (neurotensin)
กรดอะมิโน 13 ตัว
ในชั้นเยื่อบุของไอเลียมตัวกระตุ้นคือ กรดไขมันยับยั้งการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร
สารพี (Substance):P
หลั่งจากประสาทเอ็นเทอริกในทางเดินเข้าสู่กระแสเลือด
ออกฤทธิ์เพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก
Gastin releasing peptide:GRP
กรดอะมิโน 27 ตัว
somatostatin
พบครั้งแรกในไฮโพทาลามัส
เป็นเพปไทด์ยับยั้ง growth hormone
Glucagon
สร้างขึ้นมาในรูปแบบของโมเลกุล
สายเพปไทด์มีกรดอะมิโน 179 ตัว
จับกับตัวรับเซลล์
ตับกระตุ้นการสร้าง CAMP
เร่งการสลายไกลโคเจนเป็นกลูโคส
ออกฤทธิ์ยับยั้งหรือเป็นตัวรับที่ต่างกันบนเซลล์ตับเดียวกัน
อวัยวะในระบบทางเดินอาหาร
ลำไส้ใหญ่
ดูดซึมน้ำและเกลือแร่
เป็นที่เก็บพักกากอาหาร
รวมทั้งจุลินทรีย์มีหูรูดภายในและภายนอกที่ทวารหนักคววบคุมการขับถ่าย
ลำไส้เล็ก
ย่อยและการดูดซึมสารอาหารทุกประเภท
อาศัยน้ำย่อยจากตับอ่อนและน้ำดีจากตัว
กระเพาะอาหาร
มีการย่อยอาหารโปรตีน อาหารที่ย่อยแล้วได้เป็น Acid hyme
คอหอย
ทางเดินอาหารผ่านทางเดินอากาศหายใจเข้าออกจากปอด
หลอดอาหาร
เป็นท่อที่กั้นแยกอาหารออกจากอวัยวะในช่องอกโดยมีกล้ามเนื้อหูรูดส่วนบนและส่วนล่าง
ปาก และช่องปาก
ช่วยกัด บด ฉีก น้ำลายช่วยคลุกเคล้าอาหาร ลิ้นช่วยเคี้ยวและกลืน
การเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร
การเคี้ยวและการกลืน
การเคี้ยว chewing mastication
เป็นรีเฟลกซ์เป็นกระบวนการที่ร่างกายใช้ฟันหดตัว กัด ฉีก และตัดอาหารให้เล็กลง
เลือดในน้ำลายทำให้อาหารที่เคี้ยวเรียบร้อยแล้ว bolus ลิ้นและสะดวกในการกลืน
การกลืน swallowing deglutition
เป็นรีเฟลกซ์เพื่อขับอาหารออกจากคอหอยสู่หลอดอาหาร
รีเฟลกซ์นี้จะยับยั้งการหายใจ
และป้องกันมิให้อาหารเข้าสู่หลอดเลือด หลอดลมใหญ่ในระหว่างการกลืน
การเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร
มีกล้ามเนื้อเรียบสามชั้นประกอบด้วยเป็นผนังคือ
เรียงตัวแบบเรียงแบบวงแหวน
มีการบีบตัวตัวอาหาร
ส่วนต้นประกอบด้วย
ฟันดัส
เป็นส่วนที่ 2 มีลักษณะเป็นกระพุ้ง
คอร์ปัส
คอร์ปัสประมานหนึ่งเป็นที่เก็บอาหาร
คอร์ปัสสองในสามส่วน แอนทรีม และไพลีนจะมีชั้นกล้ามเนื้อที่หนากว่าส่วนต้น
หน้าที่ หดตัวและคลายตัวเป็นจังหวะเพื่อคลุกเคล้าอาหารให้เข้ากับน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร
การเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก
อยู่ต่อจากหูรูดไพลอรัสถึง ileocecal valve ยาวประมาน 6เมตร
ส่วนต้นดูโอดีนัม ไม่มีเยื่อยึดลำไส้เป็นส่วนที่อยู่กับที่มีความสำคัญ เพราะเป็นส่วนที่รับไคน์จากกระเพาะอาหารรับน้ำดีจากท่อน้ำดีร่วม
ทำหน้าที่ย่อยและดูดซึมสารอาหาร และเป็นส่วนในการต่อต้านเชื้อโรค
การเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่
อยู่ระหว่างไอเลียมและทวารหนักแบ่งเป็น 3ส่วน
ซีคัม
ไส้ติ่งโคลอน
โคลอนส่วนขึ้น
โคลอนส่วนขวาง
โคลอนส่วนลง
โคลอนส่วนซิกมอยด์
ไส้ตรง
มีความยาวประมาณ 150 ซ.ม.
ผนังลำไส้แตกต่างจากลำไส้เล็ก
กล้ามเนื้อเรียงตัวตามยาวจะเรียงตัวเป็นแถบ 3 แถบ tenia coil ทำให้เกิดเป็นกระพุ้งหรือปล้องขนาดใหญ่
การบีบตัวจนเกิดเป็นปล้อง ทำให้มีการผลักดันอาหารให้เคลื่อนไปในปล้องที่อยู่ใกล้เคียง เกิดจากการหดตัวและการบดของหาร
เพื่อให้น้ำและอิเล็กโทรไลต์สัมผัสกับผนังลำไส้ใหญ่
การขับถ่ายอุจจาระ
ทำงานร่วมกันของกล้ามเนื้อเรียบในหูรูดชั้นในอุ้งเชิงกรานและกระบังลม
โดยกล้ามเนื้อหูรูดชั้นในปกติจะมี tonic contaction
ป้องกันการสูญเสียอาหารออกไป
ควบคุมด้วยประสาทสัมผัสอัตโนมัติ
และการกระตุ้นซิมพาเทติกจะทำให้หูรูดชั้นในคลายตัว
ปัจจัยที่ช่วยในการขับถ่าย
อาหารพวกเส้นใยจากพืช
ออกกำลังกาย
กระบวนการทำงานของทางเดินอาหาร
การเคลื่อนไหว
การหดตัวและการคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบในผนังทางเดินอาหาร
เพื่อปกคลุมคลุกเคล้าอาหารและน้ำย่อยให้ผสมกัน
บีบไล่อาหารจากปากลงไปยังส่วนล่างของทางเดินอาหาร
การหลั่ง
เซลล์และต่อมจะหลั่งเข้าสู่โพรง lumen ของทางเดินอาหารประมานวันละ 7 ลิตร
น้ำลายจะหลั่งจากกระเพาะอาหารลำไส้เล็ก
การย่อยอาหาร
สลายสารอาหารโมกุลใหญ่ให้มีขนาดเล็กลง
สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้
การย่อยเชิงกล
กัด
ฉีก
บด
ลิ้น
ฟัน
เคี้ยว
กลืน
แล้วอาหารจะผ่านสู่ลำไส้เล็ก
การย่อยเชิงเคมี
อาศัยน้ำย่อยที่เป็นเอนไซม์
การดูดซึม
การขนส่งสารอาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยเรียบร้อยแล้ว
ไอออนจากโพรงทางเดินอาหารผ่านผนังของเซลล์ทางเดินอาหารเข้าสู่หลอดเลือด
การขับถ่าย
ของเสียกากอาหารที่ดูดซึมไม่ได้จะถูกเก็บชั่วคราวในลำไส้ใหญ่
และถูกขับออกจากร่างกาย
เส้นใยจะขับออกซิเจนเร็วกว่าไขมัน
สารคัดหลั่งในระบบทางเดินอาหาร
การคัดหลั่งจากต่อมน้ำลาย
ต่อมน้ำลายในกกหู
ให้น้ำลายชนิดใส serous มีอะไมเลสมาก สร้างน้ำลายร้อยละ25
ต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกร
สร้างน้ำลายชนิดเหนียว ประมานร้อยล้ะ70
ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น
หลั่งน้ำลายทั้งใสและเหนียวผสมกัน
สารคัดหลั่งจากกระเพาะอาหาร
กระเพาะอาหารมี 4 กลุ่มเซลล์
เซลล์เมือก
ลักษณะหนืดแต่ลื่น เป็นกันชนกระเพาะอาหาร
เซลล์พาไรเอดัล
หลั่งกรดเกลือ
เซลล์ชิฟ
สร้างเอนไซม์
เซลล์อาร์เจนทัฟฟิน
หลั่งซีโรโทนิน
สารคัดหลั่งจากลำไส้เล็ก
เป็นอวัยวะสำคัญในการย่อยและการดูดซึมอาหาร
อาศัยน้ำย่อยจากลำไส้เล็ก ตับ ตับอ่อนรวมทั้งฮอร์โมน secretin และโคลีซีสโทไคนิน
ความสามารถในการย่อยอาหารสร้างโดยการสร้างเอนไซม์น้ำตาลโมเลกุลคู่และโปรตีนโมเลกุลคู่
สารคัดหลั่งจากตับอ่อน
ตับอ่อนเป็นต่อมขนาดใหญ่
ให้สารคัดหลั่งมีทั้งชนิดจากท่อมไร้ท่อและต่อมมีท่อ
สารคัดหลั่งจากต่อมไร้ท่อม
ฮอร์โมนอินซูลิน
กลูคากอน
โพลีเพปไทด์
ซึ่งออกฤทธิ์เกี่ยวกับเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต
สารคัดหลั่งจากต่อมมีท่อ
น้ำย่อย
ด่าง
ตับอ่อนมีตัวยับยั้งทริปซิน
เพื่อป้องกันมิให้ตับอ่อนถูกย่อย
สารคัดหลั่งจากลำไส้ใหญ่
ลำไส้ใหญ่จะไม่หลั่งน้ำย่อย
หลั่งเมือกที่เป็นด่าง
มีแบคทีเรียอาศัยอยู่โดยไม่ทำให้เกิดโรคแก่ร่างกาย
ช่วยสลายกากอาหารให้เป็นยูเรีย และก๊าซรวมทั้งวิตามิน
ตับ
เป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย
รูปร่างคล้ายลิ่ม
แบ่งเป็น 2กลีบ
กลีบใหญ่
ซ้าย
ขวา
และทางด้านล่างมีอวัยวะอื่นๆ
น้ำดี
ลำไส้เล็ก
หน้าที่ของตับ
ทางชีวเคมี
สร้างโปรตีนที่พบในกระแสเลือด ช่วยในการแข็งตัวของเลือด
การเมตาบอลิซึมสารอาหารในร่างกาย
เมตาบอลิซึมในคาร์โบไฮเดรตสร้างไกลโคเจนเก็บไว้ที่ตับ และควบคุมเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต
หน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงสารต่างๆภายในร่างกาย
เปลี่ยนแปลงและขับออกยาและสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย
หน้าที่ในการสร้าง เก็บ และหลั่งน้ำดี
การย่อยและการดูดซึมอาหาร
การย่อยและการดูดซึมคาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตอยู่ในรูปแบบ
Polysaccharides
Disaccharides
Monosaccharides
น้ำย่อยต้องเปลี่ยน monosaccharides ถึงจะดูดซึมได้
คาร์โบไฮเดรตส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของแป้ง จะถูกอะไมเลสในปากย่อยบางส่วน
เมื่ออาหารตกถึงกระเพาะอะไมเลสจะหยุดทำงานเพราะความเป็นกรดของกระเพาะ
การย่อยและการดูดซึมโปรตีน
โปรตีนจะถูกน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารและตับอ่อนให้เป็นเพปไทด์และกรดอะมิโน
มีการดูดซึมแบบใช้พลังงานโดยอาศัยตัวพาและโซเดียม
เพปไทด์จะถูกย่อยด้วยเพปดิดีนจาก brush borderของเซลล์บุลำไส้
การย่อยและการดูดซึมไขมัน
ไขมันในอาหารเป็นไตรีกลีเซอไรด์ 90% นอกนั้นเป็นคอเลสเตอรอล ฟอสโฟลิพิด และวิตามินละลายไขมันได้
ไขมันจะถูกย่อยด้วยไลเปส จากน้ำลาย กระเพาะ ตับอ่อน
โดยมีน้ำดีช่วยและรวมตัวเป็นมิคไมเซลล์พาไปที่ผนังของลำไส้เล็ก
ไขมันที่ย่อยแล้วนี้จะแพร่เข้าสู่เซลล์
โดยที่เกลือน้ำดีจะค้างอยู่ในโพรงลำไส้ เพื่อจับไขมันที่ย่อยแล้วตัวใหม่
การย่อยและดูดซึมเกลือแร่และวิตามิน
ร่างกายจะได้รับสารน้ำจากสารอาหารและเครื่องดื่ม 1-2 ลิตร
ขณะเดียวกัน จะหลั่งสารคัดหลั่งจากอวัยวะต่างๆของร่างกายประมาน 7-8 ลิตร
ของเหลวที่มาถึงลำไส้จะถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก โดยจะถูกหลั่งน้ำออกมาตามความดันออสโมซิส
เกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายมีอยู่ 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก Macronutrient
โซเดียม
โปตัสเซียม
แคลเซียม
แมกนีเซียม
ฟอสฟอรัส
กำมะถัน
คลอรีน
กลุ่มสอง Micronutrient
เหล็ก
ไอโอดีน
ทองแดง
สังกะสี
แมงกานีส
โคบอลท์
ซีลีเนียม
ฟลูออรีน