Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบย่อยอาหาร (Digestive system), A6480058 นางสาวอารียา บังทอง - Coggle…
ระบบย่อยอาหาร (Digestive system)
1.ท่อทางเดินอาหาร (Gastrointestinal tract หรือ alimentary canal)
โครงสร้างผนังของทางเดินอาหาร
2.ชั้นใต้เยื่อเมือก (Submucosa)
3.ชั้นกล้ามเนื้อเรียบ(Muscularis axterna)
1.ชั้นเยื่อเมือก (Mucosa)
4.Serosa (Adventitia)
ช่องปาก (The Mouth,Oral Cavity)
คอหอย(pharynx)
ช่วยในการทำให้เกิดเสียง
เป็นทางผ่านของอาหารจากปากไปสู่หลอดอาหาร
หลอดอาหาร
(Esophagus)
ยาวประมาณ 10-12 นิ้ว
เริ่มจากปลาย laryngopharynx และลอดผ่านกะบังลมทางรูเปิดที่เรียกว่า esophagus hiatus สิ้นสุดโดยเปิดเข้าสู่ส่วนบนของกระเพาะอาหาร
เป็นทางผ่านของอาหารที่เคี้ยวแล้ว โดยการบีบตัวเป็นคลื่นของหลอดอาหารให้ส่งอาหารไปสู่กระเพาะอาหาร โดยการกระตุ้นของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 10
ตำแหน่งที่เป็นรอยคอดของ
หลอดอาหาร(esophagus constriction)
1.Upper esophageal constriction
(Cervical constriction)
Middle esophageal constriction
(Broncho-aortic constriction)
Lower esophageal constriction
(Diaphragmatic constriction)
กระเพาะอาหาร(stomach)
แบ่งเป็น 4 ส่วน
• Fundia เป็นส่วนโค้งด้านบนสุดของกระเพาะอาหาร
• Body เป็นส่วนกลางของกระเพาะอาหาร
• Cardia เป็นส่วนต่อมาจากหลอดอาหาร
• Pylolus เป็นส่วนปลายของกระเพาะอาการก่อนเข้าลำไส้เล็กส่วนต้น
หน้าที่ของกระเพาะอาหาร
1.เป็นที่พักและกักเก็บอาหาร
2.สร้างเอนไซม์และขับน้ำย่อย (Gastric juice)
3.คลุกเคล้าอาหารให้ผสมกับน้ำย่อย
ลำไส้เล็ก(Small Intestine)
เริ่มตั้งแต่ pyloric sphincter ไปจนถึง ileocaecal valve จึงเปิดเข้าสู่ลำไส้ใหญ่
ลำไส้เล็กแบ่งเป็น 3 ส่วน
•ลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenum)
ยาวประมาณ 10 นิ้ว
เริ่มจาก pyloric sphincter ไปจนถึง duodenojejunal flexure
ไม่มีเยื่อแขวนลำไส้
•ลำไส้เล็กส่วนกลาง (Jejunum)
ยาวประมาณ 8 ฟุต มีการดูดซึมไขมันและ B12 มาก
•ลำไส้เล็กส่วนปลาย(IIeum)
ยาวประมาณ 12 ฟุต เป็นส่วนที่มีการดูดซึมมากที่สุด ติดต่อกับลำไส้ใหญ่ส่วนต้น บริเวณ ileocaecal vavle
ผนังของลำไส้เล็ก มี 4 ชั้น
Mucosa พบ globelt cell, Villi, หลอดน้ำเหลือง Lacteal, Intestinal crypt
Submucosa
Muscularis
Serosa
หน้าที่ของลำไส้เล็ก
1.หลั่งน้ำย่อย
2.เคลื่อนไหวเพื่อคลุกเคล้าอาหารให้ผสมกับน้ำย่อยต่างๆและทำให้อาหารเคลื่อนที่ไปตามท่อของลำไส้เล็ก
การเพิ่มพื้นที่ผิวในการดูดซึม
ของลำไส้เล็ก
1.ความยาว
2.Plica circulares
3.Villi
ลำไส้ใหญ่ (Large lntestine)
เริ่มตั้งแต่ลำไส้ใหญ่ส่วน Cecum ไปจนถึง Anus
ลำไส้ใหญ่แบ่งได้ดังนี้ คือ
1.Cecum
พบ
• Ileocaecal vale
• Vermiform appendix
2.Colon
1.) Ascending colon
2.)Transverse colon
3.)Descending colon
4.) Sigmoid colon
3.Rectum
ต่อจาก Sigmoid colon เริ่มต้นจาก S3 รูปร่างโค้งตามความโค้งของ sacrum และ coccyx ส่วนปลายสุดจะหักขึ้นไปด้านหลัง
และลงข้างล่างแคปเป็น anal canal ทางด้านล่างของ rectum ในผู้ชายอยู่หลังต่อมลูกหมาก ในผู้หญิงอยู่หลัง Vagina
ยาวประมาณ 1.5 เมตร
Anal canel
มีกล้ามเนื้อ 2 มัด
Internal anal sphincter (smooth muscle)
External anal sphincter (skeletal muscle)
ผนังของลำไส้ใหญ่
มี 4 ชั้น คือ
1.Mucosa ไม่มี villi และมี goblet cells จำนวนมาก
2.Submucosa
3.Muscularis พบ taeniae coli แรงตึงตัวทำให้เกิด haustra
Serosa ผนังนี้มีไขมันมาสะสมเป็นติ่งไขมันเรียกว่า epiploic appendage
หน้าที่ของลำไส้ใหญ่
1.ดูดน้ำและสารละลายบางอย่างกลับสู่ร่างกาย เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างน้ำกับสารละลายในร่างกาย
2.ขับถ่ายกากเหลือจากการย่อยอาหาร
เยื่อบุช่องท้อง (Peritoneum)
แบ่งออกเป็น 2 ชั้น
1.ชั้นนอก(Parietal peritoneum) คือ เยื่อบุช่องท้องที่ติดผนังช่องท้องด้านใน
2.ชั้นใน (Visceral peritoneum) คือ เยื่อบุช่องท้องส่วนหุ้มอวัยวะต่างๆในช่องท้องมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป
การจัดเรียงตัวของเยื่อบุช่องท้อง
Peritoneal cavity ประกอบด้วย greater sac และ lesser sac (omentum bursa)
เยื่อบุช่องท้องในเพศหญิง พบแอ่ง เรียก rectouterine pouch และ เกิด แอ่งเรียก uterovesical pouch
เยื่อบุช่องท้องในเพศชายจะไม่พบ
หน้าที่ของเยื่อบุช่องท้อง
1.สร้าง Peritoneal fluid มาหล่อลื่น เพื่อลดแรงเสียดทานเมื่ออวัยวะภายในมีการเคลื่อนไหว
2.ป้องกันการกระจายของเชื้อโรค
3.แขวนอวัยวะต่างๆให้คงอยู่ในตำแหน่งและเป็นที่เกาะของหลอดเลือด หลอดน้ำเหลือง และเส้นประสาท
2.อวัยวะเสริมในการย่อย
(Accessory digestive organs)
ฟัน (Teeth)
2.คอฟัน (Neck)
3.รากฟัน (Root)
1.ตัวฟัน (Crown)
หน้าที่
2.ช่วยรักษาขนาดและรูปร่างของขากรรไกร
3.ช่วยในการเคี้ยวอาหารและบดอาหาร
1.ช่วยในการทำเสียงเวลาพูด
ฟันในคน มี 2 ชุด
เรียก dentation ได้แก่
1.ฟันน้ำนม (Deciduous teeth) เป็นฟันชุดแรกมี 20 ซี่ เริ่มงอกอายุประมาณ 6 เดือน
2.ฟันชุดที่ 2 ฟันแท้ (Permanent teeth) มีจำนวน 32 ซี่ เริ่มงอกอายุประมาณ 6 ปี
ลิ้น (Tongue)
ทำหน้าที่คลุกเคล้าอาหาร ช่วยในการกลืนและช่วยในการออกเสียง
รับรสอาหารชนิดต่างๆได้โดยมีต่อมรับรส (Taste bud)
กล้ามเนื้อของลิ้น
Extrinsicmusclesoftongue ได้แก่
กล้ามเนื้อที่มีจุดเกาะต้นจากที่อื่นนอก
ลิ้น และมาเกาะที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันของ
ลิ้น
Hyoglossus
Styloglossus
Genioglossus
Palatoglossus
Intrinsic muscles of tongue ได้แก่กล้ามเนื้อ
ที่มีต้นกำเนิดและเกาะที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันภาย
ในลิ้น กล้ามเนื้อเหล่านี้มีการเรียงตัว 3 แนว
transverse
vertical muscles
longitudinal (superior & inferior)
ต่อมน้ำลาย (Salivarygland)
มีหน้าที่สร้างน้ำลาย (Saliva) และ
ถูกขับออกมาเข้าไปในช่องปาก
แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ
Minor salivary glands
Major salivary glands
ตับ(Liver)
ตั้งอยู่บริเวณชายโครงขวา (rib 5-10) และมีกะบังลมคลุมอยู่ ยื่นผ่านแนวกลางลำตัวไปทางด้านซ้าย
Ligaments/Peritoneal Attachments of the Liver
Coronary ligament
ยึดผิวด้านบนของตับไว้บนกระบังลม
Falciform ligament
ยึดผิวด้านหน้าของตับไว้กับกะบังลมและผนังหน้าท้อง
Round ligament of liver
(ligamentum teres hepatis)
ยึดระหว่างตับกับสะดือซึ่งเป็นส่วนเหลือของ umbilical vein ในตัวอ่อน
4.Lesser omentum
ยึดขั้วตับไว้กับกระเพาะอาหารและสำไส้ส่วนต้น
Hepatogastric ligament
Hepatoduodinal ligament
ลักษณะภายนอกของตับ
แบ่งออกเป็น 4 กลีบ (Lobe)
• Left and Right lobe
• Caudate and Quadrate
ลักษณะทางจุดกายวิภาคของตับ
ประกอบด้วย Central vein เป็นจุดศูนย์กลาง
ตรงมุมหกเหลี่ยมมีโครงสร้าง เรียกว่า portal triad
เนื้อตับประกอบด้วยหน่อยโครงสร้างพื้นฐาน เรียกว่า hepatic lobule
ภายในตับประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนิด
Liver cell หรือ hepatocytes ทําหน้ําที่สร้างน้ำดีและขับออกที่ช่องแคบๆ เรียก bilecanaliculi
Kuffercellบุ อยู่ใน sinusoid ทําหน้ําที่เก็บกินเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ และแบคทีเรียที่ปนมากับเลือด
หน้าที่ของตับ
1.ช่วยเผาผลาญสารอาหารต่างๆ
2.กำจัดและทำลายพิษของยาและฮอร์โมนบางชนิด
3.สร้างน้ำดีขับออกสู่ลำไส้เล็กสำหรับย่อยและดูดซึมสารอาหารพวกไขมัน
4.เก็บสะสมอาหาร เช่น glucose ไว้ในรูปของ glycogen และเป็นแหล่งสะสมธาตุเหล็กและทองแดง วิตามิน A,D,B12
5.สร้างเม็ดเลือดแดงในทารก
6.สลาย HB ของเม็ดเลือดแดงให้เป็น โหลบินและฮีม
7.สร้างสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด
8.สร้างโปรตีน เช่น โปรทรอมบิน ไฟบริโนเจน อัลบูมิน
9.สังเคราะห์กรดอะมิโน
ถุงน้ำดี (Gallbladder)
มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 ซม.
มีความยาวประมาณ 7-10 ซม.
วางตัวอยู่ตามขอบข้างขวาของ quadrate lob ทำหน้าที่
ทำให้น้ำดีที่คัดหลั่งจากตับเข้มข้น เพื่อปล่อยลงสู่ลำไส้เล็ก
ทาง common bile duct
มีความจุถึง 30-60 มล.
ถุงน้ำดีแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
Fundus
Body
Neck
ระบบทางเดินน้ำดี
• Common hepatic duct
• Cystic duct
• Common bile duct
ตับอ่อน (Pancreas)
วางตัวอยู่ในกระดูกสันหลัง ระดับ L1-L2 ทำหน้าที่
1.สร้างน้ำย่อย (pancreaticjuice)
สร้าง glucagon และ insulin
แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
•Head
•Body
•Tail
ท่อของตับอ่อน
Main pancreatic duct ไปรวมกับ common bile duct รวมเป็น hepatopancreatic ampulla แล้วเปิดเข้าสู่ลําไส้เล็กทําง Major duodenal papilla
2.Accessory pancreatic duct เปิดเข้าสู่ลําไส้เล็ก ทาง Minor duodenal papilla
จุดกายวิภาคของตับอ่อน
เนื้อต่อม 1% เป็น Pancreaticislets(isletsofLangerhans)
สร้าง glucagon, insulin
เนื้อต่อมส่วนที่เหลือ เป็น Acini cell ทำหน้าที่สร้างน้ำย่อยของตับอ่อน (Pancreatic Juice) ประกอบด้วย
โซเดียมไบคาร์บอเนต (NaHCO3)
น้ำย่อยอะไมเลส (Amylase)
น้ำย่อยลิเพส (Lipase)
A6480058 นางสาวอารียา บังทอง