Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Parkinson's Disease (PD) - Coggle Diagram
Parkinson's Disease (PD)
สาเหตุ
เกิดจากกลุ่มของเซลล์เล็ก ๆ ในสมองทำงานผิดปกติ ส่วนสาเหตุของโรคที่แท้จริงยังไม่ทราบ จึงเรียกว่า Idiopathic Parkinsonism (IPD) ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม มลภาวะ หรือจากปัจจัยหลายประการรวมกัน
พยาธิสรีรภาพ
มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านสรีรวิทยา เช่น มีการสูญเสียความเข้มของสี (depigmentation) และมีการเสื่อมสลายของเซลล์ประสาท (neurons) ใน Substantia nigra ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์ประสาทที่อยู่ส่วนบนก้านสมอง (brain stem) ทำให้มีปริมาณ dopamine ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทตัวหนึ่ง (neurotransmitter) ลดลง ทำให้เกิดความไม่สมดุลของสารสื่อประสาท ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของร่างกาย
แบบประเมิน
-
ระดับทุพพลภาพ
-
ระยะที่ 1 มีอาการเพียงข้างใดข้างหนึ่ง มีภาวะบกพร่องของการทำงานส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย น้อยมากหรือไม่มีเลย
-
-
ระยะที่ 3 การทรงตัวขณะหันหรือหมุนเริ่มเสียไป การทำหน้าที่ของร่างกายเริ่มจำกัดลง แต่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้ มีภาวะทุพพลภาพอยู่ในระดับเล็กน้อย-ปานกลาง
อาการและอาการแสดง
อาการสั่น โดยมีลักษณะเฉพาะคือ การมีอาการสั่นในขณะพัก (resting tremor) ที่มีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า pill rolling
อาการเกร็ง เป็นอาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง (muscular rigidity) เพื่อต่อต้านการยึดกล้ามเนื้อหรือการเคลื่อนไหว ทำให้ท่าทางการเดินแบบกระตุก ๆ (jerky) และทำให้รู้สึกปวดเมื่อยเป็นเหน็บชาและปวดตามร่างกายได้
อาการเคลื่อนไหวช้า จะอยู่นิ่ง ๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนอิริยาบถและการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น จะสูญเสียการเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ เช่น การแกว่งแขนขณะเดิน การกะพริบตา หรือการกลืนน้ำลาย
การสูญเสียการทรงตัว จากปัญหาในการควบคุมการเคลื่อนไหวและการทรงตัวไม่ดีทำให้มีบปัญหาในการยืน เกิดภาวะเสียงต่อการหกลัม (falls)
-
การรักษา
การรักษาโดยการใช้ยา
-
-
ผลข้างเคียงจาการใช้ยา
-
อาการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทอัตโนมัติจากภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่อยา 1. อาการ "On" คือ ภาวะที่ร่างกายของผู้ป่วยสามารถทำหน้าที่ได้ในระดับที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าอาจจะมีอาการ dyskinesia 2. อาการ "Of" คือภาวะที่ผู้ป่วยแสดงอาการของพาร์กินสัน
-
-
-
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
- มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้ จาก neurogenic bladder, stress incontinence, urges incontinence หรือ overflow incontinence
- มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะท้องผูกเนื่องจากการเคลื่อนไหวบกพร่อง
- มีความภาคภูมิใจในตนเองลดลงมีระดับการช่วยเหลือตัวเอง ลดลง
- ผู้ป่วยและผู้ดูแลขาดความรู้เรื่องโรคและการรักษา
- ผู้ดูแลมีโอกาสเกิดภาวะเครียดเนื่องจากภาระในการดูแล
- ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอเนื่องจากกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการเคี้ยวและการกลืนอ่อนแรง สั่นหรือหดเกร็ง
- การสื่อสารบกพร่อง เนื่องจากอาการสั่นหรือหดเกร็งของกล้ามเนื้อริมฝีปากหรือลิ้น
- มีระดับการช่วยเหลือตนเองลดลงเนื่องจากมีการเคลื่อนไหวบกพร่อง
กิจกรรมพยาบาล
ให้ทำกิจกรรมยืดเส้นยืดสายในแต่ละวัน (daily stretching activities) ควรทำโปรแกรมการทำ passive และ active stretching exercise
สบตาผู้ป่วยขณะสื่อสาร ตั้งใจฟังและพูดช้า ๆ ชัดเจน หลีกเลี่ยงการตะโกนเสียงดัง ยกเว้น ผู้ป่วยมีอาการหูตึงและให้เวลากับผู้ป่วยไม่เร่งรีบ
ดูแลให้รับประทานอาหารข้น ๆ หลีกเลี่ยงให้รับประทานอาหารชิ้นใหญ่ เพราะผู้ป่วยมีปัญหาในการฉีกอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ และหลีกเลี่ยงอาหารเหลวหรือเป็นน้ำ เนื่องจากผู้ป่วยมีปัญหาในการกลืนอาจมีอาการไอเกิดการสำลักได้ง่าย
ลดการดื่มน้ำหลัง 6 โมงเย็น เพื่อลดความต้องการปัสสาวะในตอนกลางคืน หรือใส่สายสวนปัสสาวะตามแผนการรักษาของแพทย์
กระตุ้นให้ออกกำลังกายทั้ง active and passive exercise เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้
-