Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

แบบประเมินผู้ป่วย ตามกรอบแนวคิดแบบแผนสุขภาพ, น.ส.ลักษณา โครตสมบัติ รหัส…

- - - - APGAR score
        
        1 นาที = 9
        
        5 นาที = 10
        
        10 นาที = 10
      - คลอดเมื่ออายุครรภ์ 33+4 สัปดาห์
        น้ำหนักแรกคลอด 1,960 กรัม
        กรุ๊ปเลือด B
      - การวินิจฉัย
        Early onset neonatal sepsis
        Preterm NB , Neonatal jaundice
        การวินิจฉัยโรคปัจจุบัน
        Early onset neonatal sepsis
        Preterm NB
        
        Early onset neonatal sepsis
        
        พยาธิสภาพตามทฤษฎี
        หมายถึง การติดเชื้อในกระแสเลือดของทารกแรกเกิดภายในอายุ 72 ชั่วโมง ซึ่งอาจมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส พยาธิในทารกเกิดก่อนกำหนดนั้นส่วนใหญ่มักเริ่มต้นจากการติดเชื้อในโพรงมดลูก ซึ่งต่อมากระตุ้นให้ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์หรือมารดาเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด โดยเชื้อแบคทีเรียท่ีตรวจพบในโพรงมดลูก ได้แก่ Ureaplasma,anaerobicbacteria,E.coliและGBS
        
        ข้อวินิจฉัย ทารกมีการติดเชื้อในทารกแรกเกิด (Early neonatal sepsis) เนื่องจากระบบภูมิต้านทานยังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์
        ข้อมูลสนับสนุน
        S : ทารกคลอดก่อนกำหนด (อายุครรภ์ 33+4 สัปดาห์)
        S : ได้รับยา Ampicillin และ Dexamethasone
        O : อุณหภูมิ 36.7-37.7 °C
        O: น้ำหนักแรกเกิด 1,960กรัม
        วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากภาวะติดเชื้อในทารกแรกเกิด
        เกณฑ์การประเมินผล
        • ทารกไม่มีอาการแสดงในการติดเชื้อ เช่น มีไข้ ตัวเย็น ซึมลง ความดันโลหิตต่ำลง ผิวหนังปวดบวมแดงร้อน
        • สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินอาการของทารกที่มีปัจจัยที่ทำให้ติดเชื้อ โดยประเมินอาการของการติดเชื้อ ได้แก่ สัญญาณชีพ ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด อาการภาวะติดเชื้อ เช่น มีไข้ ตัวเย็น ซึมลง ความดันโลหิตต่ำลง ผิวหนังปวดบวมแดงร้อน
        
        ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาลทุกครั้ง
        
        เมื่อมีการขับถ่าย เช็ดทำความสะอาดด้วยสำลีชุบน้ำให้สะอาดทุกครั้ง
        
        ถ้าผู้ดูแลและญาติป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ให้ผูก Mask ตลอดเวลาขณะให้การพยาบาลเด็ก
        
        ทำความสะอาดร่างกายทารกวันละ 2 ครั้ง
        
        เช็ดสะดือเด็กด้วย 70% Alcohol หลังเช็ดตัวทุกครั้ง
        
        อุปกรณ์ทุกชนิดที่จะนำมาใช้กับทารกต้องทำความสะอาดทำลายเชื้อตามมาตรฐานของอุปกรณ์ในแต่ละอย่าง
        
        ดูแลสิ่งแวดล้อมให้สะอาดปราศจากเชื้อ
        
        Preterm NB
        
        พยาธิสภาพตามทฤษฎี
        ทารกเกิดก่อนกำหนดมีอัตราตายสูงในระยะขวบปีแรก การรอดชีวิตของทารกเหล่านี้ขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ น้ำหนักแรกเกิด การมีหรือไม่มีภาวะแทรกซ้อน หรือความพิการแต่กำเนิด และ การดูแลในระยะแรกเกิด ปัจจุบันอัตราการรอดชีวิตของทารกเกิดก่อนกำหนดสูงกว่าสมัยก่อนๆ เนื่องจากความก้าวหน้าของวิทยาการทางการแพทย์ การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพสูง ตลอดจนการปรับปรุงคุณภาพการรักษาและการดูแลทารกเหล่านี้ อย่างไรก็ตามทารกพวกนี้มักจะมีปัญหาที่หลงเหลืออยู่ จากสาเหตุการเกิดก่อนกำหนดและมักเป็นปัญหาพัฒนาการพฤติกรรมทางระบบประสาท (Neurobehavioral development) เช่น สมองพิการ (Cerebral palsy) ปัญหาการได้ยิน (Hearing disorder) และปัญหาทางจอประสาทตา เช่น Retinopathy of prematurity เป็นต้น
        
        อาการสภาพตามทฤษฎี
        น้ำหนักน้อย แขนขาเล็ก ศีรษะมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัว เปลือตาบวมและนูนออกมา ตามักปิดตลอดเวลา ผิวหนังบางแดงและเหี่ยวย่น มองเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนัง ไขมันคลุมตัวน้อย พบขนอ่อนบริเวณใบหน้า หลัง และแขน ผมน้อย ใบหูนิ่มเป็นแผ่นเรียบ ลายฝ่ามือฝ่าเท้าน้อย กระดูกซี่โครงค่อนข้างอ่อนนิ่ม ขณะหายใจเกิด Intercostal retraction หัวนมเล็ก ท้องป่อง อวัยวะเพศเล็ก (ชายลูกอัณฑะอาจยังไม่ลงในถุงอัณฑะ) มักเหยียดแขนขา เคลื่อนไหวน้อย เสียงร้องเบา Reflex น้อย หายใจไม่สม่ำเสมอ กลั้นหายใจเป็นระยะ
    - - มารดาอายุ 31 ปี ชาวพม่า G1,P1,A0,L1
        หมู่เลือด O, Rh +, VDRL Nonreactive, HBsAg Neg, Anti HIV Neg
        
        คลอด Normal labor , คลอดก่อนกำหนด
        
        ฝากครรภ์ 7 ครั้ง
        
        มีน้ำเดิน <8 ชั่วโมงระหว่างคลอด
        
        ยาที่รับขณะคลอด
        • Dexamethasone 6 mg M
        • Ampicilin 2 gm V
- - - - ข้อวินิจฉัย ทารกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เนื่องจากทารกดื่มนมได้น้อยจากการหลับขณะกินนม
        ข้อมูลสนับสนุน
        S: ทารกเกิดก่อนกำหนดอายุครรภ์ 33+4 สัปดาห์
        S : ทารกดื่มนมได้น้อย ต้องคอยกระตุ้นให้ดูดนมตลอด
        O : น้ำหนักทารกลดลงจาก 1,960 กรัม เหลือ 1,880 กรัม
        O: Reflexs คือ Rooting : ทารกอ้าปากหัยชนตามข้างที่Sucking : ดูดเก่ง แต่มักนอนหลับขณะกินนม
        วัตถุประสงค์ : ทารกได้รับสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
        เกณฑ์การประเมิน
        • น้ำหนักตัวไม่ลดลงหรือลดลงไม่เกินวันละ 20 กรัม
        • ทารกสามารถกินนมได้ 35-40 ml x 8 feed
        • ทารกได้รับสารอาหารตามความต้องการของร่างกาย คือ 235 กิโลแคลอรี่/วัน
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        สังเกตอาการแสดงของภาวะขาดสารน้ำและสารอาหาร เช่น ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ตึงตัวไม่ดี เหี่ยวย่น กระหม่อมบุ๋ม
        
        ดูแลให้ทารกได้รับสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกายคือทารกต้องการพลังงาน 235 กิโลแคลอรี่/วัน
        
        ลดการใช้พลังงานของทารกโดยให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวลและรวดเร็ว
        
        สนับสนุนและส่งเสริมให้มารดาบีบน้ำนมใส่ขวด กรณีที่เด็กไม่สามารถดูดนมได้
        
        ดูแลและกระตุ้นให้ทารกดูดนม และหลังให้นมจัดให้ทารกนอนศีรษะสูง
        
        บันทึกปริมาณนมที่ได้รับและปริมาณนมที่เหลือ
        
        สังเกตภาวะขาดสารอาหาร โดยชั่งน้ำหนักทุกวันก่อนให้นม เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวการ
  - - - ข้อวินิจฉัย ทารกมีโอกาสเกิดภาวะอุณหภูมิกายต่ำ (Hypothermia) เนื่องจากพื้นที่ผิวกายมาก เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวและมีไขมันสะสมน้อย
        ข้อมูลสนับสนุน
        S: On Radiant warmer ที่อุณหภูมิ 36.5 °C
        O: ทารกคลอดก่อนกำหนด (อายุครรภ์ 33+4 สัปดาห์)
        O: น้ำหนักแรกเกิด 1,960 กรัม
        O: อุณหภูมิกาย 36.7-37.8 องศาเซลเซียส
        O: พื้นที่ผิวกายมีมาก เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวและไขมันใต้ผิวหนังน้อย
        วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ
        เกณฑ์การประเมินผล
        • อุณหภูมิอยู่ในระดับ 36.8-37.5 องศาเซลเซียส
        • ร่างกายทารกแห้งและอบอุ่น ผิวหนังสีแดง
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        จัดให้ทารกอยู่ใน Radiant warmer ที่มีอุณหภูมิ 29.0-31.8 องศาเซลเซียส
        
        ประเมินอุณหภูมิร่างกายทุก 15 นาที 2 ครั้งหรือจนกว่าอุณหภูมิของร่างกายคงที่อยู่ในระดับปกติ ต่อไปวัดทุก 4 ชั่วโมงหรือเมื่อทารกมีระดับอุณหภูมิปกติพร้อมที่จะออกจากตู้ ให้การพยาบาลโดยสวมเสื้อผ้าและห่อตัวทารกให้อบอุ่นพร้อมบันทึกอุณหภูมิทุกครั้ง
        
        ประเมินภาวะอุณหภูมิต่ำ เช่น ปลายมือปลายเท้าเขียว แขนขาเย็น
        
        ประเมินภาวะอุณหภูมิสูงจากการอยู่ใน Radiant warmer เช่น หน้าแดง หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็วขึ้น ผิวหนังร้อนกว่าปกติ
        
        ดูแลให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการนำเด็กออกนอก Radiant warmer โดยไม่จำเป็น
        
        ดูแลความสะอาดร่างกายทารก โดยเปลี่ยนผ้าอ้อมทุกครั้งที่อุจจาระและปัสสาวะ
        
        ดูแลให้ความอบอุ่นร่างกาย เมื่อจำเป็นต้องนำเด็กออกนอก Radiant warmer โดยห่อด้วยผ้าสำลีหรือใช้เครื่องให้ความอบอุ่นขณะให้การพยาบาล
        
        เมื่อทารกมีระดับอุณหภูมิปกติ พร้อมที่ออกจาก Radiant warmer ให้การพยาบาลโดยสวมเสื้อผ้าและห่อตัวทารกให้อบอุ่นแล้วลดอุณหภูมิลงครั้งละ 0.1 องศาเซลเซียลใน 15 นาทีแล้วปิดสวิทซ์ไฟ วัดอุณหภูมิทารกถ้าไม่ต่ำลงนำทารกออกจาก Radiant warmer ได้ ติดตามวัดอุณหภูมิทุก 1 ชั่วโมงจนปกติ ต่อไปวัดทุก 4 ชั่วโมง