Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิดทฤษฎีการบริหารทางการพยาบาล - Coggle Diagram
แนวคิดทฤษฎีการบริหารทางการพยาบาล
การจัดการแบบคลาสสิก
(Classical approaches to management)
ทฤษฎีการบริหารตามวิทยาศาสตร์
(Scientific Management)
ใช้วิธีตั้งปัญหาเพื่อหาแนวทางไปสู่จุดหมายที่ต้องการ
เน้นการบริหารที่ตัวงาน
นักทฤษฎี
Frederick Winslow Taylor
บิดาแห่งการบริหารงานเชิงวิทยาศาสตร์
พัฒนาหลักการ 4 ข้อ
งานทุกงานจะต้องทางานตามวิธีทำงาน
เพื่อทดแทนวิธีที่ทำกันมาแบบ ลองผิดลองถูก
มีหลักเกณฑ์ในคัดเลือกคนงานชัดเจน
คนงานต้องได้รับการอบรมก่อนทำงาน
ฝ่ายบริหารต้องควบคุมดูแลและร่วมมือกับพนักงานปฏิบัติงาน หัวใจสำคัญคือ
“การกำหนดวิธีการทำงานที่ดีที่สุด”
(One Best way)
Frank&Lillian Gilbreth
ทฤษฎีการจัดการเชิงบริหาร
(Administrative Principles)
นักทฤษฎี
Henri Fayol
(1841-1925)
ให้หลักการและข้อคิดสาคัญเกี่ยวกับการบริหาร อย่างเป็นรูปธรรม การจัดกิกรรมการบริหารจาก มุมมองของผู้บริหาร มิใช่ระบบปฏิบัติการ
POCCC
Commanding
การบังคับบัญชาและการสั่งการ
ผู้บริหารจะต้องมีหน้าที่สั่งการ โดยจะต้องมีความเข้าใจคนงาน มีการติดต่อสื่อสารกับ ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด
Co-ordinating การประสานงาน
ผู้บริหารทำหน้าที่ประสานหรือเชื่อมโยงงานต่างๆ ให้เข้ากันได้ และ ไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน
Organization การจัดองค์การ
การกำหนดตำแหน่งงาน ภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ ตลอดจนจำนวนคน ให้ครอบคลุมการทำงานครบทุกกระบวนการ
Planning การวางแผน
เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์บวกกับจิตนาการในการบริหารจัดการที่คาดการณ์ล่วงหน้า
Controlling การควบคุม
การหน้าที่ในการติดตามผลดูแล กำกับให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพที่สุด
หลักการบริหารของ FAYOL นำมาใช้ในการบริหารการพยาบาล
การแบ่งงานกันทำตามความถนัดหรือความชานาญ พยาบาลที่มีความถนัดด้านใดมจะจัดให้อยู่ในแผนกนั้นๆ
มีการกาหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้บริหารการพยาบาลชัดเจน
“ผู้บริหารสูงสุด คือ รองผู้อำนวยการกลุ่มงานภารกิจบริการ วิชาการ ทำงานตามระเบียบข้าราชการพลเรือน ฝ่ายการพยาบาลจะมี ปรัชญา เป้าหมาย และพันธกิจที่สอดคล้องกับองค์การ มีความเป็น เอกภาพในทิศทางเดียวกัน”
Luther Gulick
(1892 – 1992)
POSDCORB MODEL
Planning
การวางแผนเป็นกระบวนการแรกที่ มีความสำคัญ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงนโยบาย (Policy)
แผนระยะสั้น
แผนระยะยาว
Budgeting
การจัดทางบประมาณการเงิน การจัดทางบประมาณเริ่มตั้งแต่
การวางแผน, จัดทำโครงการใช้จ่ายเงิน, การบัญชี, การควบคุมการดูแลการใช้จ่ายให้รัดกุม
Reporting
การรายงานเป็นกระบวนการ 3 ทาง
1 การรายงานเสนอผู้บังคับบัญชา
การรายงานเสนอผู้ใต้บังคับบัญชา
การรานงานระดับเดียวกัน
Directing
การอำนวยการเป็นกระบวนการที่เก่ียวข้องกับ
ภาวะผู้นำ (Leadership)
การวินิจฉัยสั่งการ (Decision making)
การควบคุมดูแล (Controlling)
การนิเทศงาน (Supervise)
Organizing
กำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานย่อยของตาแหน่งต่างๆ ในหน่วยงานให้ชัดเจน
Staffing
การวางแผนกำลังคน
การบรรจุบุคลากร
การพัฒนาบุคลากร
การออกจากงาน
การธารงรักษา
การประเมินผล
การสรรหาบุคคลเข้าทำงาน
Co-ordinating
การประสานงานโดยจัดวางระเบียบ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ี เพื่อไม่ให้งานซ้าซ้อน
การบริหารการพยาบาลมีความสาคัญต่อผลที่เกิดในองค์กรพยาบาล
ช่วยให้บุคลากรพยาบาลร่วมกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล, ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มความสำเร็จขององค์กรในอนาคต
ช่วยให้องค์กรพยาบาลมีความก้าวหน้า การคงอยู่ อย่างยั่งยืน, เป็นเครื่องมือในการจัดระเบียบองค์กรพยาบาลที่ซับซ้อน, เป็นเครื่องมือช่วยให้บุคลากรทางการพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ที่มีคุณภาพต่อผู้ใช้บริการ
การบริหารงานพยาบาล
หมายถึง การดำเนินงานที่อาสัยความร่วมมือของ บุคลากรทางการพยาบาลทุกระดับในการดูแลรักษาพยาบาลผู้รับบริการ
ความหมายและความสำคัญของการ บริหารการพยาบาล
การดำเนินงานตามกระบวนการบริหารโดยอาศัยปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นต่อการบริหาร เพื่อให้บุคลากรทางการพยาบาลสามารถให้การบริการพยาบาลอย่างมีคุณภาพ
ทฤษฎีระบบราชการ
(Bureaucratic Management)
นักทฤษฎี Max Weber 1864-1920
ให้ความสนใจ ศึกษาและพยายามพัฒนาแนวความคิด เกี่ยวกับระบบโครงสร้างอำนาจหน้าที่ ภายในองค์การ
ลักษณะระบบราชการ
มีการแบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน
มีสายการบังคับบัญชาลดหลั่นกันลงมา
มีระเบียบและกฎเกณฑ์อย่างเป็นทางการ
ไม่มีความเป็นส่วนตัว
การก้าวหน้าในอาชีพการงานยึดถือหลักคุณธรรม
ข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
มีกฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ และขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน
การทำงานเปรียบเสมือนการผลิตสิ่งของด้วยเครื่องจักร
การแบ่งงานกันทำตามความชานาญเฉพาะด้าน
ข้อเสีย
ทำให้การทางานเกิดความล่าช้า ,เป็นระบบการทำงานที่ใหญ่โต เทอะทะ มีงานจำนวนมาก ศูนย์อำนาจอยู่ท่ีผู้บังคับบัญชาระดับสูง,
มองคนเป็นแค่วัตถุสิ่งของ
การจัดการเชิงพฤติกรรม
(BEHAVIORAL APPROACHES TO MANAGEMENT)
William G. Quchi
ทฤษฎี Z
มุ่งแสวงหาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างกัน ภายใต้กรอบปรัชญาองค์การ
มีจิตสานึกที่ดี มีความผูกพันทางใจ ความรัก ความสามัคคี ทางานไม่บกพร่อง ไว้วางใจได้
ขาดความคุ้นเคยกัน เกิดช่องว่างของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเพราะ สภาพแวดล้อม
Douglas Mc Gregor
1906-1964
ทฤษฎี X
ทำงานล่วงหน้าเวลาได้เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของงาน
ไม่เอาเวลาว่างกับงานมาประปนกัน
เห็นความสำคัญของการท่มเททำงานเพื่อองค์กร
มองว่าเพศชายได้เปรียบ
ทฤษฎี Y
ไม่ต้องการทำงานล่วงเวลาเพราะกินเวลาส่วนตัว
มีความต้องการเวลาว่างระหว่างทำงานมากกว่าGen X
ไม่เห็นความสำคัญของการทุ่มเททำงานเพื่อองค์กร
ชอบการทำงานเป็นกลุ่ม และชอบการได้รับรางวัลจากสังคม
แนวคิดเรื่องการจัดการสมัยใหม่ (MODERN APPROACHES TO MANAGEMENT)
การจัดการเชิงสถานการณ์
(Contingency Management)
ทฤษฎีการบริหารเชิงสถานการณ์เป็นแนวคิดการบริหารจัดการที่ ผู้บริหารปฏิบัติโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ
ผสมผสาน 4 แนวคิดเข้าด้วยกันคือ
แนวคิดแบบด้ังเดิม
(Classical Perspective)
แนวคิดเชิงปริมาณ
(Quantitative Perspective)
แนวคิดเชิงพฤติกรรม
(Behavioral Perspective)
แนวคิดเชิงระบบ
(System Perspective)
สรุปหลักการของการบริการโดยสถานการณ์
1 การบริหารจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
2 ผู้บริหารจะต้องพยายามวิเคราะหสถานการณ์ให้ดีที่สุด
3 เป็นการผสมผสานแนวคิระหว่างระบบปิดและระบบเปิดและยอมรับหลักการของ
ทฤาฎีระหว่างทุกส่วนของระบบจะต้องสัมพันธ์และมีผลกระทบซึ่งกันและกัน
4 สถานการณ์จะเป็นตัวกาหนดการตัดสินใจ และรูปแบบการบริหารที่เหมาะสม
5 คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความต้องการของบุคคลในหน่วยงานเป็น หลักมากกว่าที่จะแสวงหาวิธีการที่ดี
6 เน้นให้ผู้รับบริหารรู้จักใช้การพิจารณาความแตกต่างที่มีอยู่ในหน่วยงาน
การรื้อปรับระบบ
(Reengineering)
การรื้อโครงสร้างระบบ ให้เป็นระบบใหม่ที่ดีกว่า
การปรับรื้อระบบขององคก์ารจะเปลยี่นผู้บริหารจากการเป็นเจ้านาย(Bosses)มาเน้น
การรับฟัง
การจูงใจ
การให้คาแนะนำ
ให้โอกาสผู้ใต้บังคับบัญชาคิดเอง
ทางานตามคาสงั่ ให้น้อยลง
การจัดการและการคิดอย่างเป็นระบบ
(System Thinking and Management)
ทฤษฎีระบบ (System Theory) เป็นแนวคิดการจัดการขององค์การ เป็นระบบตามหน้าที่ที่สมัพนัธ์กับสภาพแวดล้อม
ปัจจัยนำเข้า (Input)
กระบวนการแปรสภาพในการจัดการ (Transformation Process)
ผลผลิต (Product)
การป้อนกลับ (Feedback)
องค์การเรียนรู้และการจัดการความรู้
(Learning Organization and Knowledge Management)
องค์การการเรียนรู้(LearningOrganization)
หมายถึงองค์การที่มีการริเรมิ่สร้างสรรค์ได้มาซึ่ง ความรู้ ถ่ายทอดความรู้และปรับพฤติกรรมเพื่อตอบสนองต่อความรู้ใหม่
ปัจจัยที่สาคัญสาหรับองค์การการเรียนรู้มี 5 ประการคือ
การคิดอย่างเป็นระบบ (System thinking)
การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน (Shared vision)
มีความกระตือรือร้นที่จะทาตามตัวแบบในการแก้ปัญหา (Challenging of mental models)
เรียนรู้เป็นทีม (Team learning)
มีความเช่ียวชาญ (Personal mastery)
การศึกษาการจัดการเชิงปริมาณ (QUANTITATIVE APPROACHES TO MANAGEMENT)
การจัดการด้านการดาเนินงาน (Operation Management)
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System)
วิทยาการจัดการหรือการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Management Science หรือ Operation Research)
ทฤษฎีการบริหารที่เกิดขึ้นใหม่ (EMERGING THEORY)
ทฤษฎี 7’s แนวคิดของ Mc Kinsey
C-PEST
การบริหารคุณภาพโดยมี SWOT
เป็นเครื่องมือ
การบริหารคุณภาพโดยรวม
(T.Q.M. = Total Quality Management)
TQM มีหลักการสาคัญ 5 ข้อ
มุ่งเน้นลูกค้า / ผู้รับบริการ (Customer focus)
มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous improvement)
ปรับปรุงสิ่งต่างๆ ให้ดี (Process improvement)
มีการวัดและประเมินผลอย่างแม่นยำ (Evaluation)
ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมทั้งองค์การ (Total involvement)