Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Pregnancy -induced hypertension (PIH ) ภาวะความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้นระหว่…
Pregnancy -induced hypertension (PIH ) ภาวะความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์
ประเภท
pregnancy induced hypertension (PIH ) ภาวะความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์
BP กลับมาปกติ 12 wks.หลังคลอด
ก่อนตั้งครรภ์ BP ปกติ
เกิดหลัง 20 Wks.
ชนิด
Gestational HT
Dipstick < 1+
ไม่พบ protein ในปัสสาวะ
/Protein urea < 300 mg/
Pre-eclampsia
HT ร่วมกับ มี Protein urea
Albumin 4+
dipstick >1+
UPRC>0.03
มี 3 ระดับ
1.Mild preeclamsia
BP >= 140/90
Protein Urea >= 300 mg/24hr. dipstick 1+
การรักษาและการพยาบาล
รับไว้รักษาในโรงพยาบาลทุกราย
ซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียดติดตามสั่งเกตอาการและอาการแสดงของ PIH
ให้ผู้ป่วยพักผ่อน (bed rest) ไม่จำเป็นต้องให้ยากล่อมประสาท
วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะความดันโลหิต
ชั่งน้ำหนักทุก 2 วัน
เก็บปัสสาวะตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจหาโปรตีน
ทดสอบการทำงานไต (ระดับ creatinine) ส่วนการทำงานของตับให้พิจารณาเลือกทำเป็นราย ๆ ไป
ประเมินอายุครรภ์ของทารก และตรวจติดตามสุขภาพทารกในครรภ์ โดยการนับลูกดิ้นอย่างถูกวิธี Utrasound เพื่อดูขนาดทารก ปริมาณน้ำคร่ำ และทำNST
รับประทานอาหารธรรมดาบันที่กปริมาณสารน้ำเข้า-ออก
พิจารณาให้ยุติการตั้งครรภ์ กรณีควบคุมอาการและอาการแสดงของโรคไม่ได้ อายุครรภ์มากกว่า 37 สัปดาห์แล้ว
3.Eclamsia
การรักษาและการพยาบาล
รักษาทางเดินหายใจให้โล่ง ระหว่างการชัก ใส่ mouth gag เพื่อป้องกัน การกัดลิ้น ดูดมูกออกจากปาก คอ หลอดคอ
ระงับอาการชัก และป้องกันการชักซ้ำตามแนวทางของ severe PIH การระงับชักอาจให้แมกนีเซียมซัลเฟต หรืออาจใช้
diazepam ก็ได้ (10-20 มก.ทางหลอดเลือดดำ)
ควบคุมความดันโลหิต
ตรวจติดตามสุขภาพทารก ทำ intrauterine resuscitation
ให้ออกซิเจนผ่านทาง tent หรือ mask หรือ nasal catheter
พิจารณาตรวจ arterial blood gas และภาพรังสีทรวงอก
ยุติการตั้งครรภ์ (ภายหลังจากควบคุมชักได้ดีแล้ว 1-2 ชั่วโมง)
ให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องมืด สงบ และดูแลอย่างใกล้ชิด
งดอาหารและน้ำทางปาก
ระวังภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น การเกิดหัวใจล้มเหลว หรือน้ำคั่งในปอด
ตรวจสมองด้วย CT หรือ MR! ในกรณีชักแบบผิดปกติ อาการแสดงทางประสาท หรือโคม่านาน
การดูแลอื่น ๆเช่น ควบคุมความดัน แก้ไข hemoconcentration ช่วยเหลือการทำงานของไต ควรให้ lactated Ringer's ในสารละลายกลูโคส 5% ในอัตรา 60-120 มล./ชั่วโมง ยาขับปัสสาวะไม่มีความจำเป็น ยกเว้นในรายน้ำคั่งในปอด รักษาความสมดุลย์ของอิเลคโตรไลท์ คาสายสวนปัสสาวะ บันที่กปริมาณสารน้ำที่ได้รับแลขับออก
มีความดันโลหิตสูงร่วมกับการชัก หรือเกร็ง เกิดได้ใน
ระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด หรือหลังคลอด
2.Severe preeclampsia
PLT < 100,000
ความดันโลหิตสูง Systolic มากกว่าเท่ากับ
160 mmHg. และ Diastolic มากกว่าเท่ากับ 110 mmHg.
Protein Urea >= 2 g/24hr. dipstik 2+
มีอาการ ตาพร่ามัว ปวดหัว จุกลิ้นปี ปัสสาวะออก < 25
ml./hr.
Serum Cr. > 1.2 g/dL.
พบ pulmonary edema
ALT /AST เพิ่มสูงขึ้น
GA > 37 ควรให้คลอด
GA < 37 ให้expectant management
การรักษาและการพยาบาล
ป้องกันการชัก
ให้แมกนีเซียมซัลเฟต
2 more items...
ให้ยาลดความดันโลหิต
Nifedipine (soft capsule) เช่น adalat, nelapine 10 mg sublingual หรือ Nifedipine (film-coated tablet) เช่น nifecard 10 mg oral
1 more item...
Hydralazine ให้ครั้งแรก 5 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
1 more item...
ชักนำการคลอด
เจาะถุงน้ำคร่ำหากสามารถทำได้
ให้ oxytocin กรณีที่ปากมดลูกพร้อม
ให้พรอสตาแกลนดินส์ เช่น misoprostol 25 มก.ทางช่องคลอด กรณีที่ปากมดลูกไม่พร้อม
การให้ยาชาทางไขสันหลัง (epidural block)สามารถให้ได้ด้วยความระมัดระวัง
พิจารณาช่วยคลอดในระยะที่สองตามความเหมาะสม
การผ่าตัดทำคลอดทางหน้าท้องควรป็นไปตามข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์ทั่วไป หรือบางรายที่โรครุนแรงมาก ๆ ที่ปากมดลูกไม่พร้อม และคาดว่าการคลอดช้าจะเป็นผลสียต่อมารดาอาจเลือกผ่าตัดได้เป็นราย ๆ ไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง HELLP syndromeที่ปากมดลูกไม่พร้อม
ตรวจติดตามสุขภาพทารกในครรภ์ (continuous fetal heart rate
monitoring)
ควบคุมความสมดุลย์ของสารน้ำและอีเลคโตรไลท์
บันทึกปริมาณสารน้ำเข้า - ออก ทุกชั่วโมง
การใส่สาย pulmonary artery catheterization ให้พิจารณาทำในรายที่ควบคุมสารน้ำลำบาก เช่น สงสัย pulmonary edema เป็นต้นแก๋ไข hemoconcentration เริ่มต้นด้วยการให้ lactated Ringer ในกลูโคส 5%
การดูแลทั่วไป
รับประทานอาหารธรรมดา
พักผ่อนเต็มที่ (absolute bed rest) ควรนอนตะแคง
ประเมินการทำงานของไต ตับ ตรวจจอตา และอื่น ๆ
ซักประวัติตรวจร่างกายอย่างละเอียด
รับไว้ในหน่วยคลอดครรภ์เสี่ยงสูง
ป้องกันและภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตล้มเหลว ตับ เลือดออกในสมอง DICน้ำคั่งในปอด
BP สูงชนิดเรื้อรัง
Chronic hypertension
เกิดก่อนตั้งครรภ์ < 20 Wks.
ทำให้เกิด Superimpose preeclamsia Protein Urea >= 300 mg/24hr. dipstick 1+
ปัจจัยเสี่ยง
ครรภ์แรก
ตั้งครรภ์ที่อายุน้อยกว่า 18 ปี หรือมากกว่า 35 ปี
ระยะห่างจากการตั้งครรภ์ก่อนมากกว่า 10 ปี
มีประวัติครรภ์เป็นพิษในครรภ์ครั้งก่อน
มีโรคประจำตัวก่อนตั้งครรภ์ เช่น โรคเบาหวาน โรค
ความดันโลหิตสูง โรคไตหรือไตเรื้อรัง โรคลูปัส โรคSLE เป็นต้น
ครรภ์แฝด
มีประวัติ HT/PIH ในครอบครัว
ผลกระทบ
มารดา
สมอง : เลือดไปเลี้ยงไม่พอ เกิดปวดศีรษะตาพร่ามัว ชัก
เลือดไหลเวียนไม่ดี เนื้อรกตาย ทารกโต
ช้า/เสียชีวิต
การแข็งตัวของเลือด DIC(disseminate
intravascular coagulopathy) จากการที่หลอดเลือดเสื่อม เกิดลิ่มเลือดทำให้เกร็ดเลือดและ plt. ต่ำ รุนแรงที่สุดอาจทำให้มารดาเสียชีวิตได้
ไต : กรองลดลง พบโปรตีนรั่วออกมาในปัสสาวะ
พบ Albumin รั่วออกมากับปัสสาวะ
ปัสสาวะออกน้อยกว่า 25 ml/hr
Cr > 1.2 g/dL
ตับ: เกิด hemorhagic necrosis อาจเกิดHELLP syndrome
เกร็ดเลือดต่ำ <100,000/cm3
RBC แตก
เอนไซม์ตับเพิ่ม>2 เท่าของค่าปกติ
ปวดจุกแน่นลิ้นปี่
ทารก
Preterm
รกลอกตัวก่อนกำหนด
IUGR
เสียชีวิตในครรภ์
Distress
อาการและอาการแสดง
ปวดหัวตลอดเวลา
ความดันโลหิตสูง
เกล็ดเลือดต่ำ
การทำงานของตับผิดปกติ
มีโปรตีนในปัสสาวะ
ปัสสาวะออกน้อย
มีอาการบวม บริวณใบหน้าหรือมือ
มองเห็นเป็นจุดดำ ๆ และเห็นภาพเปลี่ยนแปลงไป
ปวด จุกแน่นบริเวณลิ้นปี่
คลื่นไส้อาเจียนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์
น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว
หายใจลำบาก
การที่มี BP > หรือเท่ากับ 140/90 mmHg และมี
โปรตีนรั่วในปัสสาวะ อาจจะมีหรือไม่มีบวมก็ได้