Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สภาวะแวดล้อมทางวัฒนธรรม และวัฒนธรรมในสังคมพหุวัฒนธรรม - Coggle Diagram
สภาวะแวดล้อมทางวัฒนธรรม และวัฒนธรรมในสังคมพหุวัฒนธรรม
วัฒนธรรม
หมายถึง ทุกสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม และยังหมายรวมถึงแบบแผน พฤติกรรมทั้งหมดของสังคมที่สืบทอดมา นับตั้งแต่อดีตผ่านการเรียนรู้ คิดค้น ดัดแปลง เพื่อสนองความต้องการและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ โดยมีวิวัฒนาการสืบทอดต่อกันมาอย่างมีแบบแผนเพื่อให้เกิด ความเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงในสังคม
คือ วิถีการดำเนินชีวิต ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม จารีตประเพณี พิธีกรรม และภูมิปัญญา ซึ่งกลุ่มชนและสังคมได้ร่วมสร้างสรรค์ สั่งสม ปลูกฝัง สืบทอด เรียนรู้ ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดความเจริญงอกงามทั้งด้านจิตใจและวัตถุอย่างสันติสุขและยั่งยืน
ความสำคัญของวัฒนธรรม
วัฒนธรรมช่วยกำหนดหน้าที่ สถานภาพ บทบาท ของสมาชิกในสังคม
วัฒนธรรมช่วยสร้างระเบียบให้กับสังคม
วัฒนธรรมเป็นเครื่องแสดงเอกลักษณ์ของชาติ
วัฒนธรรมช่วยให้ประเทศชาติเจริญก้าหน้า
วัฒนธรรมเป็นตัวกำหนดรูปแบบของสถาบัน
วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือการแก้ปัญหา
แสดงถึงเอกลักษณ์ของสังคม ช่วยยึดเหนี่ยวให้สมาชิกในสังคมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
รูปแบบวัฒนธรรม
วัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุ (Non –material Culture)
สหธรรม (Social)
คือวัฒนธรรมทางสังคม รวมทั้งมารยาทต่าง ๆ ที่จะติดต่อเกี่ยวข้องกับสังคม เช่น มารยาทในการรับประทานอาหาร มารยาทในการติดต่อกับบุคคลต่าง ๆ ในสังคม
เนติธรรม (Legal)
คือวัฒนธรรมทางกฎหมาย รวมทั้งระเบียบประเพณีที่ยอมรับนับถือกันว่ามีความสำคัญพอ ๆ กับกฎหมาย เพื่อให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
คติธรรม (Moral)
คือวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับหลักในการดำรงชีวิตส่วนใหญ่เป็นเรื่องของจิตใจและได้มาจากศาสนา ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของสังคม เช่น ความเสียสละ ความขยัน หมั่นเพียร การประหยัดอดออกม ความกตัญญู ความอดทน ทำดีได้ดี เป็นต้น
วัฒนธรรมที่เป็นวัตถุ (Material Culture)
วัตถุธรรม (Material)
คือวัฒนธรรมทางงวัตถุ เช่น เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค บ้านเรือน อาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆสะพาน ถนน รถยนต์ เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
องค์ประกอบของวัฒนธรรม
องค์การ (Association or Organization)
หมายถึง กลุ่มที่มีการจัดระเบียบหรือมีโครงสร้างอย่างเป็นทางการมีกฎเกณฑ์ ข้อบังคับวัตถุประสงค์ และวิธีดำเนินงานไว้เป็นที่แน่นอน เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญที่สุดในสังคม ซับซ้อน เช่น องค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นองค์การที่ใหญ่ที่สุด สมาคมอาเซียน สหพันธ์กรรมกร หน่วยราชการ โรงเรียน วัด จนถึงครอบครัว ซึ่งเป็นองค์การที่มีขนาดเล็กที่สุดและใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุด
องค์มติ (Concept)
หมายถึง ความเชื่อ ความคิด ความเข้าใจ และอุดมการณ์ต่าง ๆ ตลอดจนทัศนคติ การยอมรับว่าสิ่งใดถูกหรือผิด สมควรหรือไม่ ซึ่งแล้วแต่ว่ากลุ่มใดจะใช้อะไรเป็นมาตรฐาน (Normal) ในการตัดสินใจหรือเป็นเครื่องวัด เช่น ความเชื่อในเรื่องการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น
องค์วัตถุ (Instrumental and Symbolic Objects)
เป็นวัฒนธรรมทางด้านวัตถุ มีรูปร่างที่สามารถสัมผัสจับต้องได้ เช่น บ้าน โรงเรียน ถนน เครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ อาวุธ ตลอดจนผลผลิตทางด้านศิลปกรรมของมนุษย์
องค์พิธีการ (Usage)
หมายถึง ขนมธรรมเนียมประเพณี ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป และแสดงออกมาในรูปพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีแต่งงาน พิธีขึ้นบ้านใหม่ พิธีศพ มักจะได้รับอิทธิพลจากศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตลอดจนพิธีการแต่งกาย และการับประทานอาหาร เช่น การแต่งกายเครื่องแบบของทางราชการ หรือการแต่งกายเครื่องแบบเต็มยศในงานรัฐพิธีต่าง ๆ เป็นต้น
ลักษณ์พื้นฐานที่สำคัญของวัฒนธรรม
วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ไม่หยุดนิ่ง
การเปลี่ยนแปลงจากการแพร่กระจายทางวัฒนธรรมของค่านิยมและความคิดที่มาจากวัฒนธรรมอื่น ก่อให้เกิดอิทธิพลและเกิดการเปลี่ยนแปลงและการยอมรับในวัฒนธรรมของเรา หรือการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่เกิดจากเทคโนโลยีซึ่งเป็นความพยายามควบคุมธรรมชาติของมนุษย์
วัฒนธรรมเป็นความคิดร่วม
เป็นตัวกำหนดมาตรฐานของพฤติกรรม คนในวัฒนธรรมเดียวกันจะสามารถคาดคะเนพฤติกรรมของผู้อื่นในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ซึ่งทำให้พฤติกรรมของเขามีความสอดคล้องตรงกันกับผู้อื่น
วัฒนธรรมเป็นองค์รวมของความรู้และภูมิปัญญา
วัฒนธรรมมีหน้าที่สนองตอบ ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ เช่น สอนให้มนุษย์รู้จักหาอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ วางกฎเกณฑ์ให้มนุษย์ดำเนินชีวิตอย่างมีระเบียบแบบแผน เพื่อให้สังคมทำงานได้อย่างมีระบบ
วัฒนธรรมมีพื้นฐานมาจากการใช้สัญลักษณ์
พฤติกรรมของมนุษย์มีต้นกำเนิดมาจากการใช้สัญลักษณ์ชีวิตประจำวันของเราเกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินตรา สัญญาณไฟ จราจร หรือสัญลักษณ์ทางศาสนา โดยสัญลักษณ์สำคัญที่มนุษย์ใช้คือ ภาษา
วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์เรียนรู้
เรียนรู้ทีละเล็กทีละน้อยจากการเกิดและเติบโตมาในสังคมแห่งหนึ่ง วัฒนธรรมเปรียบเสมือนมรดกทางสังคม ได้รับการถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนรุ่นหนึ่งโดยผ่านกระบวนการถ่ายทอดทางวัฒนธรรม
แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม
มีสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆเพิ่มขึ้นมากมาย
การจัดระเบียบทางสังคมมีความซับซ้อนมากขึ้น
สังคมมนุษย์มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆมากขึ้น
มีความไม่เท่าเทียมภายในสังคม และระหว่างสังคมเพิ่มขึ้น
มีผลผลิตทางวัฒนธรรม(เช่น ข่าวสาร ความรู้ และบันเทิง)ผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นมากทั้งชนิด และปริมาณ
ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขนาดของสังคมต่างๆโดยเฉลี่ยใหญ่ขึ้น มีการตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนถาวรและชุมชนเมืองมากขึ้น
สังคมพหุวัฒนธรรม
พหุวัฒนธรรม
หมายถึงสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของวัฒนธรรมที่หลากหลาย หรือการรวมวัฒนธรรมที่หลากหลาย
อีกความหมายหนึ่ง หมายถึง สื่งใดที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีทางสังคม และการศึกษาว่าด้วยเรื่องการส่งเสริมประโยชน์ของวัฒนธรรมที่หลากหลายภายในสังคมหนึ่ง มากกว่าจะให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมกระแสหลักเพียงวัฒนธรรมเดียว
สังคมที่มีประชากรตั้งแต่สองกลุ่มวัฒนธรรมขึ้นไปแต่ละกลุ่มจะมีลักษณะ วัฒนธรรมเป็นของตัวเอง มีอัตลักษณ์และชุมชนของตนเอง แต่ในบางครั้งอาจมีลักษณะซ้อนทับกันระหว่างกลุ่ม
ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มอาจเป็นเรื่องของการพึ่งพิงทางอำนาจ หรือเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมกัน(ด้วยฐานะทางเศรฐกิจ สถานภาพทางสังคม การศึกษา และอิทธิพลทางการเมือง)
แนวคิดพหุวัฒนธรรม
เคารพและมีความปรารถนาที่จะเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจและเรียนรู้วัฒนธรรมของคนอื่น
ให้คุณค่าความหลากหลายทางวัฒนธรรม เอาใจใส่ต่อการดำรงอยู่ของกลุ่มวัฒนธรรมที่แตกต่างโดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้คนมีความเคารพวัฒนธรรมที่แตกต่างในพื้นที่ต่างๆ ทั้งที่โรงเรียน ในเมือง และในสังคมซึ่งกลุ่มวัฒนธรรมต่างๆดำรงอยู๋ร่วมกัน
ยืนยันอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกลุ่มตนเอง และเรียนรู้คุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมของกลุ่มตน
สาเหตุของความแตกต่างทางวัฒนธรรม
การเคลื่อนย้ายแรงงาน
ผู้คนพากันเดินทางข้ามถิ่นที่อยู่อาศัยเดิมของตนเพื่อตั้งรกรากใหม่ในต่างถิ่นได้แก่การอพยพจากสภาพสังคมแบบชนบทไปสู่สังคมเมืองภายในประเทศเดียวกันเพื่อการศึกษาหาความรู้ การทำงาน หรือการประกอบอาชีพ อันเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนย้ายแรงงาน
การท่องเที่ยว
เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ทาให้ผู้อาศัยอยู่ในประเทศต่าง ๆ กันได้เดินทางไปมาหาสู่กันได้ในการท่องเที่ยวนั้นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนในประเทศต่าง ๆ ได้มีความปฏิสัมพันธ์กัน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและเกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม
ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศ โดยทุกคนต้องเรียนรู้ศาสตร์ด้านวัฒนธรรม เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องในเรื่องความแตกต่างของบุคคลที่มาจากสถานที่ที่แตกต่างกันและต้องพิจารณาอยู่บนพื้นฐานของปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ลักษณะของภูมิประเทศ ลักษณะของการตั้งภูมิลาเนาภูมิอากาศของถิ่นที่อยู่อาศัยการเลี้ยงดูในครอบครัวระดับการศึกษาที่ได้รับฐานะทางสังคมศาสนาความเชื่อองค์การที่สังกัดสัญชาติเชื้อชาติ
การไปศึกษาต่างประเทศ
ไม่ว่าจะซีกใดของโลกล้วนท าให้บุคคลต้องพบปะสังสรรค์มีปฎิสัมพันธ์กับประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศที่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรา ท าให้เกิดการเรียนรู้และการปรับตัวเข้าหากัน อันนาไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ในด้านอื่นๆเช่น การท างาน การด าเนินธุรกิจร่วมกัน เป็นต้น
ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรทุกระดับ
มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคลหรือองค์การนั้น ทุกคนจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องบริบทของสภาสังคมวัฒนธรรม วิถีชีวิตค่านิยมและโลกทัศน์ของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างลึกซึ้งและต้องไม่ด่วนสรุปหรือตีความตามพฤติกรรมที่ได้เห็น
การปลูกฝังทางวัฒนธรรม
วัฒนธรรมกับสังคม หากเปรียบเทียบกัน ก็เปรียบเสมือนเหรียญอันเดียวกัน แต่มีสองด้าน ซึ่งหมายความว่า วัฒนธรรมกับสังคมนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ไปด้วยกันควบคู่กันไปเสมอ สังคมอยู่เพราะมี วัฒนธรรม วัฒนธรรมมีได้ก็เพราะมีสังคม วัฒนธรรมเป็นแบบแผนพฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้ สังคมเป็นกลุ่มของคน อาจกล่าวได้ว่า วัฒนธรรมเป็นแบบแผนหรือวิถีชีวิตของคนในสังคม เป็นสิ่งวัดตัวกำหนดความเจริญหรือความเสื่อมของสังคม
นิยามการปลูกฝังทางวัฒนธรรม
การปลูกฝังทางวัฒนธรรม เป็นกระบวนการถ่ายทอดวัฒนธรรม หรือรูปแบบของพฤติกรรมในด้านต่างๆของคนรุ่นเก่าให้กับคนรุ่นใหม่ของสังคม ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาในสังคมหนึ่งๆ ตกอยู่ในวัฒนธรรมที่คนรุ่นเก่าๆ ช่วยกันสร้างขึ้นมาใช้ กระบวนการปลูกฝังสั่งสอนให้คนอยู่ในกรอบของวัฒนธรรมใดๆน่าจะเป็นกระบวนการเดียวกับกระบวนการขัดเกลาทางสังคมซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ใช้ในวิชาสังคมวิทยา
ประเภทการปลูกฝังทางวัฒนธรรม
2) Co-Figurative
ได้แก่ การเรียนรู้หรือการได้รับถ่ายทอดจากคนรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพื่อนกัน
3) Pre-Figurative
ได้แก่ การที่คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ดีกว่าเป็นผู้ถ่ายทอดให้ ซึ่งผู้ใหญ่อาจจะเรียนรู้จากลูกหลานซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถสอนให้
1) Post-Figurative
ได้แก่ การบอกเล่าต่อกันมาในสังคมดั้งเดิมของชนกลุ่มหนึ่ง การถ่ายทอดโดยการบอกเล่าจากผู้สูงอายุกว่าไปสู่สมาชิกของกลุ่ม เช่น บรรพบุรุษเล่าสู่ลูกหลาน เป็นต้น
การกลืนกลายทางวัฒนธรรม
กระบวนการกลืนกลายทางวัฒนธรรมเป็น กระบวนการที่เกิดขึ้นเมื่อคนสองกลุ่มที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกันติดต่อกันยาวนานและต่อเนื่อง จนกระทั่ง ได้มีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมเดิมและหันไปรับวัฒนธรรมใหม่ทั้งหมด
ระดับของกระบวนการกลืนกลายทางวัฒนธรรม
กระบวนการกลืนกลายทางชีวภาพ (Biological Assimilation)
หมายถึง การที่ คนต่างวัฒนธรรมกันมาแต่งงานกัน และมีลูกด้วยกัน ซึ่งกระบวนการกลืนกลายทางชีวภาพนี้จัดเป็น กระบวนการกลืนกลายทางวัฒนธรรมที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะสมาชิกที่เกิดมาใหม่เป็นผลมาจาก การกลืนกลายทางชีวภาพ หรือการสมรส นั่นเอง
กระบวนการกลืนกลายทางชีวภาพ (Biological Assimilation)
การที่สังคมประกอบไปด้วยกลุ่มชาติพันธุ์มากมายหลายกลุ่ม โดยที่แต่ละกลุ่มชาติพันธุ์จะต้องปฏิบัติตามวัฒนธรรมหลักของสังคมนั้น แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆเหล่านั้น ก็ยังคงประพฤติปฏิบัติตามหลัก การของวัฒนธรรมของตนอยู่เหมือนเดิม และสามารถอยู่ร่วมกันกับคนอื่นๆในสังคมได้โดยไม่มี ความขัดแย้ง
กระบวนการกลืนกลายทางสังคม (Social Assimilation)
หมายถึง การรับเอาวัฒนธรรมของคนอื่นมาเป็นของตนทั้งหมด ภายหลังจากที่ได้มีการติดต่อสัมพันธ์กันอย่างยาวนาน และต่อเนื่อง
การปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม
ประเภทการปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม
การสังสรรค์ทางวัฒนธรรม หรือการผสมผสานทางวัฒนธรรม (Acculturation)
เป็นปฏิสัมพันธ์ทางสังคมวัฒนธรรมระหว่าง 2 กลุ่มคนที่มีสังคมวัฒนธรรมต่างกัน และมีการรับวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน แต่ในกรณีที่สังคมวัฒนธรรมที่มีปฏิสัมพันธ์กันมีพลังไม่เท่ากัน คนกลุ่มหนึ่งจะมีแนวโน้มที่จะยอมรับวัฒนธรรมอีกกลุ่มหนึ่ง เราพบว่ากลุ่มที่วัฒนธรรมมีพลังน้อยจะถูกผสมกลมกลืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่วัฒนธรรมมีพลังมากกว่า ในขณะเดียวกันอาจมีการแลกเปลี่ยนกันก็ได้ สุดท้ายถ้าวัฒนธรรม 2 ชุดถูกผสมผสานกันเป็นชุดเดียวกันไม่ว่าจะมีส่วนของชุดใดมากกว่ากันก็จะเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรม (Assimilation)ที่เกิดการยอมรับซึ่งกันและกัน
การบูรณาการทางวัฒนธรรม (Cultural Integration)
เป็นการยอมรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเอกลักษณ์ของแต่ละวัฒนธรรม ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมคือ การมีวัฒนธรรมที่หลากหลายร่วมกันและไม่ได้มีการพยายามครอบงำซึ่งกันและกัน ในสังคมปัจจุบันเมื่อเกิดรัฐประเทศ และพบว่ามีกลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มตั้งถิ่นฐานอยู่ภายในอาณาเขตของรัฐประเทศ ถ้าปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ในสังคม สมัยใหม่มีลักษณะยอมรับซึ่งกันและกันย่อมหมายความว่าเกิดบูรณาการทางวัฒนธรรม
การปรับตัว (Adaptation)
การปรับสภาพแวดล้อมเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของมนุษย์หรือสัตว์ การใช้คำว่าปรับตัวจึงมักใช้ในความหมายของการปรับเปลี่ยนส่วนใด ส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนเพื่อให้สัมพันธ์ลงตัว
การปรับเปลี่ยนตัวมนุษย์หรือสัตว์เพื่อให้ความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมเป็นความสัมพันธ์ที่เหมาะสม
การเปลี่ยนแปลงเพื่อจัดระบบความสัมพันธ์ใหสอดคล้องกัน
ความขัดแย้งทางวัฒนธรรม (Cultural Conflict)
เหตุแห่งความขัดแย้งทางวัฒนธรรม
2)การขยายดินแดนของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อเสริมอาณาเขตของตน ซึ่งมีผลในการรุกรานกลุ่มที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนแล้ว ทั้งนี้รวมทั้งการยกทัพไปสู้รบกันดังเช่นสงคราม ในสมัยโบราณ
3)การล่าอาณานิคมของสังคมตะวันตก โดยกลุ่มที่มีอำนาจสามารถเข้าไปครอบครอง และเผยแพร่วัฒนธรรมของตนด้วย
1)การอพยพย้ายถิ่นของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามาสู่อาณาบริเวณที่มีกลุ่มชาติพันธุ์หรือวัฒนธรรมอื่นอยู่แล้ว ถ้าการอพยพย้ายถิ่นนี้ไม่ได้การยอมรับอย่างเป็นมิตรก็จะเกิดความขัดแย้งได้
4)การแพร่กระจายวัฒนธรรมโดยการสื่อสาร ถ่ายทอดผ่านสื่อมวลชน ระบบการศึกษา และเทคโนโลยี ต่างๆ
การแพร่กระจายทางวัฒนธรรม และการสังสรรค์ทางวัฒนธรรมอาจสร้างความขัดแย้ง ถ้าสมาชิกในกลุ่มไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน โดยปกติกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีความเชื่อ และภาษาพูดร่วมกันมักจะ ไม่มีความขัดแย้งทางวัฒนธรรม ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมเกิดขึ้นเมื่อมีการปะทะสังสรรค์ของ วัฒนธรรมที่ต่างกัน การปะทะสังสรรค์ทางวัฒนธรรมนี้เกิดจากการแพร่กระจายของวัฒนธรรมใด วัฒนธรรมหนึ่งหรือทั้งสองชุด