Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ธรรมชาติและความแตกต่างระหว่างบุคคล - Coggle Diagram
ธรรมชาติและความแตกต่างระหว่างบุคคล
ธรรมชาติของผู้เรียน
ธรรมชาติของเด็กอนุบาลหรือวัยเด็กตอนต้น
อายุประมาณ 2-5 ปี
ด้านร่างกาย
เด็กเริ่มมีทักษะต่าง ๆ ในการเคลื่อนไหวส่วนของร่างกายได้ดีขึ้น เช่น การใช้มือ รู้จักป้อนข้าวเอง แต่งตัวได้เอง สวมรองเท้าได้เอง เริ่มเดินได้อย่างมั่นคง สนใจการวิ่ง กระโดด ห้อยโหนได้
ด้านอารมณ์
เด็กวัยนี้มักจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ หงุดหงิดและโกรธง่าย โมโหร้ายโดยปราศจากเหตุผล มักจะแสดงความขัดขืนและดื้อรั้นต่อพ่อแม่อยู่เสมอ เป็นวัยที่เรียกว่า ชอบปฏิเสธ เด็กวัยนี้มักแสดงความรักของเขาออกมาอย่างเปิดเผย
ด้านสังคม
เด็กวัยนี้เริ่มรู้จักคบเพื่อนและรู้จักเล่นกับเพื่อนได้ดีขึ้น สังคมของเด็กวัยนี้กว้างขวางขึ้นแทนที่จะติดพ่อแม่เหมือนแต่ก่อน เริ่มรู้จักการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน ๆ การคบเพื่อนของเด็กวัยนี
ด้านสติปัญญา
วัยนี้สามารถที่จะเข้าใจคำพูดของผู้อื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กสามารถเรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ
ธรรมชาติของเด็กวัยประถมศึกษาหรือวัยเด็กตอนปลาย อายุระหว่าง 6-12 ปี
ด้านร่างกาย
การเจริญเติบโตจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ ด้านส่วนสูงและน้ำหนักเด็กหญิงจะโตเร็วกว่าเด็กชายวัยเดียวกัน เป็นวัยของความกระฉับกระเฉง มีพลังสูง เล่นอะไรไม่รู้จักเหนื่อย ไม่ชอบอยู่นิ่ง
ด้านอารมณ์
รู้จักควบคุมอารมณ์และแสดงอารมณ์ออกมาอย่างเหมาะสม เด็กจะมีอารมณ์ต่างๆมากขึ้น ทั้งอารมณ์ในแง่ดีน่าพึงพอใจ เช่น ความรัก ความเห็นใจ และอารมณ์ในแง่ไม่น่าพึงพอใจ เช่น โกรธ เกลียด หรืออิจฉา
ด้านสังคม
เด็กจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับสังคมภายนอกมากกว่าครอบครัวของตน กลุ่มเพื่อนจึงมีอิทธิพลต่อชีวิตของเด็กและชอบทำงานเป็นหมู่คณะ เด็กต้องการมีส่วนร่วมในการวางแผนและทำกิจกรรมร่วมกับผู้ใหญ่
ด้านสติปัญญา
มีความอยากรู้อยากเห็น เป็นนักสำรวจโดยธรรมชาติ ช่างซักช่างถามและต้องการค้นพบสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง เด็กมีความสนใจระยะสั้น ทั้งนี้เพราะสิ่งต่าง ๆ ล้วนแต่น่าสนใจ น่าศึกษา เด็กสนใจการอ่าน
ธรรมชาติของเด็กวัยมัธยมศึกษาหรือวัยรุ่น
อายุประมาณ 13-18 ปี
ด้านร่างกาย
ร่างกายทั้งภายในและภายนอกมีการเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงเริ่มมีประจำเดือนเป็นครั้งแรก มีขนาดของหน้าอกและสะโพกขยายโตขึ้น เด็กชายจะมีหนวด เครา และเสียงแตกพร่า โดยที่เด็กหญิงจะโตเป็นสาวเร็วกว่าเด็กชายประมาณ 2 ปี
ด้านอารมณ์
อารมณ์วิตกกังวล รัก อิจฉา โกรธ เกลียด อาฆาต ดื้อดึง กลัว เบื่อหน่ายหรืออยากรู้อยากเห็น ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้เป็นวัยพายุบุแคม
ด้านสังคม
ให้ความสำคัญและความผูกพันกับเพื่อนมากกว่าเด็กวัยประถมศึกษา กลุ่มเพื่อนจะมีอิทธิพลต่อเด็กมาก มีความรักและความสนิทสนมกับเพื่อนเพศเดียวกันจำนวนมาก ๆ
ด้านสติปัญญา
มีความคิดกว้างไกล พยายามแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มพูนความสามารถของตน มีสมาธิดี โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องที่ตนสนใจมากเป็นพิเศษ
ความแตกต่างระหว่างบุคคล
ความหมาย
คนเรามีลักษณะเฉพาะตัว เพราะมีความต่างกันทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ที่เกิดจากผลร่วมระหว่าง พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมที่มีบทบาทต่อพฤติกรรมต่างๆ
พันธุกรรมเป็นตัวกำหนดคุณลักษณะพื้นฐานทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งอาจมีลักษณะของบรรพบุรุษที่มีบทบาทเป็นศักยภาพสำหรับการแสดงลักษณะทางกายและพฤติกรรมออกมา
สิ่งแวดล้อมเป็นตัวกำหนดขอบเขตการพัฒนาการบุคคล
ความแตกต่างด้านร่างกาย
ความแตกต่างกันในเรื่องโครงสร้างของร่างกาย ส่วนสูง น้ำหนัก รูปร่าง ใหญ่โต เล็กบาง ฯลฯ ปัจจัยทางพันธุกรรมที่ทำให้ผู้เรียน มีความแตกต่างกัน ได้แก่ เพศ ซึ่งมีผลทำให้รูปร่างลักษณะประจำเพศระหว่างเพศชายและเพศหญิงแตกต่างกัน เชื้อชาติทำให้รูปร่างหน้าตาของผู้เรียนแตกต่างกัน เด็กวัยมัธยมศึกษาโดยทั่วไปมักมีความกังวลเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตนเองเด็กชายที่ย่างเข้าสู่ภาวะ การโตเร็วและมีวุฒิภาวะทางเพศล่าช้ากว่าผู้อื่น มักเกิดความกังวลว่าตนเองจะผิดปกติกว่าผู้อื่น กลัวว่าตนเองจะอ่อนแอ เด็กที่ย่างเข้าสู่ภาวะการโตเร็วและมีวุฒิภาวะทางเพศเร็ว มักแสดงออกมาในรูปของการมีอิสระและมีความมั่นใจในตนเองสูง จนเด็กบางคนเกิดความรู้สึกเป็นปมด้อยในรูปร่างและความสามารถของตนเอง
ความแตกต่างด้านอารมณ์
ความหวั่นไหวของร่างกาย อารมณ์ไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่เกิดมาจากการเรียนรู้เมื่อภายหลัง แต่ก็เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก จนบางอย่างยากที่จะเข้าใจได้
ความแตกต่างด้านสังคม
คนเราแม้อยู่ในสังคมเดียวกันยังมีความแตกต่างกัน ยิ่งเกิดมาต่างถิ่นต่างที่ซึ่งสภาพแวดล้อมต่าง ๆ กัน ก็ยิ่งขยายความแตกต่างกันกว้างไกลมากขึ้น เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูต่างกันย่อมมีนิสัยต่างกัน
ลักษณะทางสังคมของครอบครัวหรือรูปแบบการเลี้ยงดูของพ่อแม่ มีผลต่อลักษณะของเด็ก ทำให้เด็กมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้
การอบรมเลี้ยงดูแบบเอาใจใส่
การอบรมเลี้ยงดูแบบควบคุม
การอบรมเลี้ยงดูแบบตามใจ
ความแตกต่างด้านเชาวน์ปัญญาหรือสมอง
พวกเด่นทางปัญญา
เด็กที่มีพรสวรรค์ (Gifted) หรือปัญญาเลิศ เด็กที่มีความสามารถเฉพาะอย่างในตัวโดยธรรมชาติ
เด็กอัจฉริยะ (Genius) เด็กที่มีความสามารถทางเชาวน์ปัญญามาตั้งแต่เกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางประดิษฐ์คิดค้นเกี่ยวกับด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์
เด็กเก่ง (Talent) เด็กที่มีความสามารถอยู่ในตัวและปรากฏออกมาให้เห็นในทางใดทางหนึ่ง เช่น กีฬา ดนตรี วาดเขียน เป็นต้น
พวกด้อยทางสติปัญญา
Borderline Mental Retardation - มีไอคิว 68-85 อายุสมองประมาณ 10-12 สามารถเรียนในชั้นพิเศษของกองการศึกษาพิเศษได้จนจบ ป.4
Mild Mental Retardation มีไอคิว 52-67 อายุสมองประมาณ 10 ปี สามารถเรียนจนจบชั้น ป.4 ได้ในชั้นเรียนพิเศษของโรงพยาบาลปัญญาอ่อน
Moderate Mental Retardation ไอคิว 36-51 อายุสมองประมาณ 5-7 ปี มีความผิดปกติทางกาย กล้ามเนื้อ
ความแตกต่างในความถนัด
ความถนัดเป็นศักยภาพเฉพาะด้านของบุคคลที่ทำให้การฝึกฝนหรือการเรียนรู้เป็นไปได้เต็มตามความสามารถของบุคคลและยังเป็นความสามารถทางการรู้คิดใด ๆ ที่อาจทำนายความสามารถที่เรียนรู้ในความสำเร็จที่เป็นไปได้ในอนาคต
ความแตกต่างกันในลีลาการเรียนรู้หรือรูปแบบการเรียนรู้
เรียนรู้ได้ดีด้วยการเห็น (Visual modality) เป็นลักษณะของคนที่ชอบเรียนรู้ เข้าใจความคิดรวบยอด ทักษะใหม่ ๆ โดยการเห็นคุณค่า การเขียนให้เห็น ใช้วิธีการอธิบายสิ่งต่าง ๆ ตามลำดับ
เรียนรู้ได้ดีด้วยการได้ยิน (Auditory modality) หากครูถามให้ตอบ ก็จะสามารถตอบได้ทันที แต่ถ้าครูมอบหมายให้ไปอ่านตำราล่วงหน้าจะจำไม่ได้ จนกว่าจะได้ยินครูอธิบายให้ฟังเวลาท่องหนังสือก็ต้องอ่านออกเสียงดัง ๆ
เรียนรู้ได้ดีจากการเคลื่อนไหวและการสัมผัส (Kinesthetic modality) ผู้เรียนมีแนวโน้มที่จะชอบจับต้องสิ่งที่เขาต้องการเรียนรู้ ชอบแสดงออก ชอบผลิตสิ่งต่าง ๆ ออกมา โดยการฝึกทำ ทดลอง ฝึกฝน ไม่ชอบนั่งนิ่งอยู่เฉย