Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

IMMUNOLOGY, A6480036 นายธนาบัติ พิมพาเกษ - Coggle Diagram

- - - - -ปริมาลเที่พบในประแสเลือด : ประมาณ 40-70%
      - -อายุ : 6 ชั่วโมง - หลายวัน
      - -เซลล์เป้าหมาย : เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา
    - - -ปริมาลเที่พบในกระแสเลือด : ประมาณ 1-6%
      - -อายุ : 8-12 วัน
      - -เซลล์เป้าหมาย : เชื้อปรสิต เชื้อพยาธิ เนื้อเยื่อที่เกิดอาการแพ้
    - - -ปริมาลเที่พบในประแสเลือด : <1%
      - -อายุ : หลายชั่วโมง - หลายวัน
      - -เซลล์เป้าหมาย : เนื้อเยื่อที่เกิดอาการแพ้
    - - -ปริมาลเที่พบในประแสเลือด : 20-40 %
      - -อายุ : หลายสัปดาห์ - หลายปี
      - -เซลล์เป้าหมาย : เชื้อแบคทีเรีย เซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส เซลล์มะเร็ง
      - 1) Natural killer cell (NK cell)
        
        พบประมาณ 10% ของ lymphocyte
        ทำหน้าที่ ทำลายเซลล์มะเร็ง และเซลล์ติดเชื้อ
      - 2) T-lymphocyte (T-cell)
        
        -เป็น lymphocyte ที่พบมากที่สุด (ประมาณ 80 %)-สร้างจาก thymus gland -มีบทบาทสำคัญในการ ต่อต้านสิ่งแปลกปลอม การติดเชื้อ และเซลล์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น เซลล์มะเร็ง เซลส์ติดเชื้อไวรัส (เฉพาะที่จำได้ว่าเป็นเซลส์ผิดปกติ)
      - 3) B-lymphocyte (B-cell)
        
        -พบประมาณ 10 % ของ lymphocyte / พบมากในม้าม ต่อมน้ำเหลือง -สร้างจาก bursa equivalent fissues -ทำหน้าที่ผลิต immunoglobulin หรือ antibody
    - - -ปริมาณที่พบในประแสเลือด : ประมาณ 2-6%
      - -อายุ : หลายชั่วโมง - หลายวัน
      - -เซลล์เป้าหมาย : หลากหลาย
    - - -Monocyte » เคลื่อนที่จากเลืองไปอยู่ในเนื้อเยื่อ เช่น ตับม้าม ไขกระดูก ต่อมน้ำเหลืองสมอง ต่อมไทมัส ผนังถุงลม >เปลี่ยนเป็นMacrophage
      - -อายุ : หลายเดือน - หลายปี
      - -เซลล์เป้าหมาย : หลากหลาย
- - - - -ระบบภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิด
        -ไม่มีความจำเพาะเจาะจงกับชนิดของเชื้อโรค
        -ไม่จำเป็นต้องได้รับเชื้อโรคนั้นมาก่อน
      - Components
        
        Barriers
        
        -ผิวหนัง (Skin) : เป็นก าแพงกั้นเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายโดยตรง
        
        -รูขุมขน (Hair follicles) ต่อมไขมัน (sebaceous glands) :antimicrobial substance (fatty or enzyme)
        
        -Normal microbial flora compete with : potential pathogens
        
        -Mucous from Respiratory, GI tract, Genitourinary tract
        
        Phagocytosis
        
        Fever
        
        -ผลจากการหลั่งสาร เช่น Interleukin-1 (IL-1), Interleukin-6 (IL-6) จากmacrophage
        
        -ผลจากการหลั่งสาร tumor necrosis factor (TNF) จากเซลล์มะเร็งเพื่อตอบสนองเชื้อจุลินทรีย์
        
        -สมองจะปรับ (reset) อุณหภูมิในร่างกายให้สูงขึ้น >> เกิดอาการไข้ >> มีผลยับยั้งการแบ่งเซลล์จุลินทรีย์
        
        Interferon
        
        -โปรตีนที่หลั่งจากเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส
        -ทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ให้ผลิต antivirus protein ออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส
        
        Complement
        
        กลุ่มของโปรตีนใน plasma (ประมาณ 25 ชนิด) ส่วนใหญ่สร้างจากตับ ทำหน้าที่สลายเซลล์และหลั่งสารเคมี
        
        Inflammatory response
        
        -การตอบสนองที่เกิดขึ้นเมื่อมีจุลชีพหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย
        -การเคลื่อนย้ายของ phagocytic cell มายังบริเวณที่มีสิ่งแปลกปลอมบริเวณนั้นจะมีลักษณะจำเพาะ คือ ปวด บวม แดง ร้อน
      - Characteristics
        
        -การทำงานเกิดอย่างรวดเร็ว
        
        -การตอบสนองแบบไม่จำเพาะ
        
        -ไม่ตอบสนองเพิ่มขึ้นเมื่อติดเชื้อเดิม
    - - -ระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายเคยได้รับเชื้อโรคนั้นมาก่อน
        -ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันจดจำและสร้างภูมิคุ้มกันที่มีความจำเพาะกับชนิดของโรคนั้น
      - Humoral immune response (HIR)
        
        -เซลล์ที่รับผิดชอบ คือ B-lymphocyte (B-cell) และ plasma cell
        -โดยอาศัยการทำงานของ antibody (Ab) หรือ Immunoglobulin (Ig)(การตอบสนองโดยใช้สารน้ำ)
        
        Antibody (Ab) / Immunoglobulin (Ig)
        
        สารที่สร้างขึ้นมาจากการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันสามารถทำปฏิกิริยาได้กับ Antigen (Ag) หรือเชื้อโรคต่าง ๆอย่างจำเพาะเป็นส่วนหนึ่งของภูมิคุ้มกันของร่างกายพบในกระแสเลือด และสารคัดหลั่งสร้างจาก B-lymphocyte (B-cell)
        
        Immunoglobulin G (IgG)
        
        -มีมากที่สุดในเลือด (70-75%)
        -เคลื่อนตัวผ่านรกได้(ทารกแรกเกิดจึงมีระดับเท่าผู้ใหญ่)
        -มีระดับต่ำสุด เมื่ออายุ 2-3 เดือน หลังจากนั้นจะค่อยๆ มีระดับสูงขึ้น) เพราะทารกสามารถสร้างได้เอง
        -เป็น Ab หลักของระบบภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ(specific)
        -มีบทบาทในการป้องกันการติดเชื้อ
        
        Immunoglobulin A (IgA)
        
        -พบ 10-15 % (รองจาก IgG)
        
        -พบในทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ
        
        -เนื้อเยื่อทางเดินปัสสาวะ น้ำลาย น้ำตา และน้ำนม
        
        -หน้าที่ : ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย
        
        Immunoglobulin M (IgM)
        
        -พบ 10% และมีขนาดใหญ่ (ผ่านรกและผนังหลอดเลือดไม่ได้)
        
        -เป็นตัวแรกที่ทารกในครรภ์สร้างได้เมื่ออายุ 20 สัปดาห์(ตามด้วย IgG และ IgA)
        
        -IgM เป็นตัวแรกที่สร้างขึ้นหลังมีการกระตุ้นภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ (specific)
        
        -มีบทบาทสำคัญในการทำลาย Gram negative bacteria
        
        -IgM มีระดับสูงขึ้น เมื่อพบการติดเชื้อระหว่างการตั้งครรภ์
        
        Immunoglobulin D (IgD)
        
        -พบน้อยในเลือด (น้อยกว่า 1%)
        
        ช่วยในการสร้าง memory B-cell
        
        Immunoglobulin E (IgE)
        
        -พบน้อยที่สุด (ประมาณ 0.001)
        
        -เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาภูมิแพ้ โดยจับกับ Mast cell และBasophil
        
        -หน้าที่ : ทำลายเชื้อปรสิต เชื้อพยาธิ และพบในผู้ที่มีภาวะภูมิไวเกินชนิดที่ 1
      - Cell mediated immune response (CMIR)
        
        -เซลล์ที่รับผิดชอบ คือ T-lymphocyte (T-cell) และ Macrophage ทำงานร่วมกัน
        
        Helper T-lymphocyte
        
        ช่วย B-lymphocyte สร้าง Ab หรือ Ig
        ช่วยให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
        
        Delayed hypersensitivity T-lymphocyte
        
        ควบคุมการทำงานของ T-cell และ B-cell
        
        Suppressor T-lymphocyte
        
        ควบคุม T-cell และ B-cell ไม่ให้ทำงานมากเกินไป
        
        Memory T-lymphocyte
        
        ทำหน้าที่ จดจำ Ag
        
        Killer (cytotoxic) T-lymphocyte
        
        ทำลายเซลล์ที่มี Ag เกาะอยู่บนผิว แล้วทำให้เซลล์แตก
        
        Characteristics
        
        -การทำงานเกิดขึ้นจ้า
        
        -การตอบสนองแบบจำเพาะ
        
        -การตอบสนองเพิ่มขึ้นเมื่อมีการติดเชื้อเดิม(secondary immune response)