Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

IMMUNOLOGY - Coggle Diagram

- - - - หน้าที่ คอยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาทำอันตรายต่อร่างกาย
        
        แต่เมื่อหลุดเข้ามาแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันจะพยายามทำลายและกำจัดสิ่งแปลกปลอมให้หมดไปจากร่างกายโดยเร็วและอย่างมีประสิทธิภาพ
      - อาศัยการทำงานร่วมกัน
        
        1) The innate immune system (non-specific) 2) The adaptive immune system (specific)
- - - - ปริมาณที่พบในกระเเสเลือด : 20-40%
        -อายุ : หลายสัปดาห์ - หลายปี
        -เซลล์เป้าหมาย : เชื้อเเบคทีเรีย เซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส เซลล์มะเร็ง
    - - 2) T-lymphocyte (T-cell)
        
        -สร้างจาก thymus gland
        -หน้าที่ ต่อต้านสิ่งแปลกปลอม การติดเชื้อ และเซลล์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น เซลล์มะเร็ง เซลล์ติดเชื้อไวรัส
      - 3) B-lymphocyte (B-cell)
        
        -สร้างจาก bursa equivalent tissues
        -ทำหน้าที่ผลิต immunoglobulin หรือ antibody
      - 1) Natural killer cell (NK cell)
        
        ทำหน้าที่ ทำลายเซลล์มะเร็ง และเซลล์ติดเชื้อไวรัส
    - - -ปริมาณที่พบในกระเเสเลือด : <1%
        -อายุ : หลายชั่วโมง - หลสยวัน
        -เซลล์เป้าหมาย : เนื้อเยื่อที่เกิดอาการแพ้
    - - -ปริมาณที่พบในกระแสเลือด : ประมาณ 2-6%
        -อายุ: หลายชั่วโมง - หลายวัน
        -เซลล์เป้าหมาย : หลากหลาย
    - - -ปริมาณที่พบในกระเเสเลือด : ปริมาร 1-6%
        อายุ : 8-12วัน
        -เซลล์เป้าหมาย : เชื้อรา เชื้อพยาธิ เนื้อเยื่อที่เกิดการแพ้
    - - -Monocyte>> เคลื่อนที่จากเลือดไปอยู่ในเนื้อเยื่อ เช่น ไขกระดูก ต่อมน้ำเหลือง สมอง ต่อมไทมัส ผนังถุงลม >> เปลี่ยนเป็น Macrophage
        -อายุ หลายเดือน-หลายปี
        -เซลล์เป้าหมาย : หลากหลาย
    - - -ปริมาณที่พบในกระเเสเลือ:ประมาณ 40-70%
        -อายุ: 6ชั่วโมง-หลายวัน
        -เซลล์เป้าหมาย : เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา
    - - มีบทบาทสำคัญในภาวะภูมิไวเกินชนิดที่ 1
    - - -เซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์ต่างๆในกระแสเลือด
        -พบในไขกระดูก 0.5-1%
- - - - คอยกำจัดเซลล์ปกติที่เสื่อมสภาพ เช่น กำจัดเซลล์เม็ดเลือดที่มีอายุมาก
    - - คอยดักทำลายเซลล์ต่างๆที่แปรสภาพผิดไปจากปกติ เช่น ทำลาย tumor cells เพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
    - - ป้องกันและทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม
- - - - ระบบภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิด
        
        ไม่มีความจำเพาะเจาะจงกับชนิดของเชื้อโรค
        
        ไม่จำเป็นต้องได้รับเชื้อโรคนั้นมาก่อน
        
        Inflammatory response
        
        การเคลื่อนย้ายของ phagocytic cell
        
        อาการ >> ปวด บวม แดง
        
        Fever
        
        ผลจากการหลั่งสาร เช่น Interleukin-1(IL-1),Interleukin-6(IL-6)
        
        ผลจากการหลังสาร tumornecrosisfactor(TNF) จากเซลล์มะเร็ง
        
        เพื่อตอบสนองเชื้อจุลินทรีย์
        
        สมองจะปรับ (reset)อุณหภูมิในร่างกายให้สูงขึ้น>> เกิดอาการไข้>>มีปลยับยั้งการแบบเซลล์จุลินทรีย์
        
        Phagocytosis
        
        -กระบวนการจับกินเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมโดยwhite blood cell
        เชื้อ>ใช้Digestive enzyme ในการย่อย > เชื้อโรคสลาย> ปล่อยนอกเซลล์
        
        Interferon (IFN)
        
        โปรตีนที่หลั่งจากเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส
        
        ทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ให้ผลิต antivirusprotein
        -ออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่างตัวของเชื้อไวรัส
        
        Barrier (body’s defenses)
        
        ผิวหนัง (Skin)
        
        รูขุมขน (Hair follicies)
        
        ต่อมไขมัน(sebaceous glands)
        
        Normal flora
        
        Mucous from Respiratory, GI tract, Genitourinary tract
        
        Complement
        
        กลุ่มโปรตีนใน plasma ( ประมาณ 25 ชนิด)ส่วนใหญ่สร้างจากตับ
        
        ทำหน้าที่สลายเซลล์และหลังสารเคมี
    - - ระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายเคยได้รับเชื้อโรคนั้นมาก่อน
        
        ทำมห้ระบบภูมิคุ้มกันจดจำและสร้างภูมิคุ้มกันที่มีความจำเพาะกันชนิดโรคนั้น
        
        Cellmediatedimmuneresponse(CMIR)
        
        เซลล์ที่รับผิดชอบ คือ T-lymphocyte (T-cell) และ Macrophage
        
        Suppressor T-lymphocyte (TS)
        
        ควบคุม T - cell และ B-cell ไม่ให้ทำงานมากเกินไป
        
        Killer (cytotoxic) T-lymphocyte (TK)
        
        ทำลายเซลล์ที่มี Ag เกาะอยู่บนผิว แล้วทำให้เซลลืแตก
        
        Helper T-lymphocyte (TH)
        
        ช่วย B-lymphocyte สร้าง Ab หรือ Ig
        
        ช่วยให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
        
        Delayed hypersensitivity T-lymphocyte (TD)
        
        -ควบคุมการทำงานของ T-cellและ B-cell
        
        Memory T-lymphocyte (TM)
        
        ทำหน้าที่ จดจำ Ag
        
        เป็นเซลล์ที่มีอายุยืน
        
        เมื่อสัมผัส Agซ้ำ TM จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนตัวอย่างรวดเร็ว
        
        Humoral immune response (HIR)
        
        Immunoglobulin M (IgM
        
        พบ 10% (ผ่านรภและผนังหลอดเลือดไม่ได้)
        
        ทารกในครรภ์สร้างได้เมื่ออายุ 20 สัปดาห์
        
        มีบทบาทในการทำลาย Gramnegativebacteria
        
        IgM มีระดับสูงขึ้น เมื่อพบการติดเชื้อระหว่างการตั้งครรภ์
        
        Immunoglobulin D (IgD)
        
        พบน้อยในเลือด (น้อยกว่า 1%)
        
        ช่วยสร้าง memory B-cell
        
        Immunoglobulin A (IgA)
        
        พบ 10-15% รองจากIgG)
        
        พบใน: ทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ เนื้อเยื่อทางเดินปัสวะ น้ำลาย น้ำตา น้ำนม
        
        หน้าที่ ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย
        
        Immunoglobulin E (IgE)
        
        พบน้อยที่สุด (ประมาณ 0.001%)
        
        เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาภูมิเเพ้ โดยจับกับ MastcellและBasophil
        
        หน้าที่ : ทำลายเชื้อปรสิต เชื้อพยาธิ และพบในผู้ที่มีภาวะภูมิไวเกินชนิดที่1
        
        Immunoglobulin G (IgG)
        
        มีมากที่สุดในเลือด(70-75%)
        
        เคลื่อนตัวผ่านรกได้
        
        หน้าที่ การป้องกันการติดเชื้อ
- - - - 1.Naturalactiveimmunity:หลังติดเชื้อ
        
        Artificial active immunity : วัคซีน toxoid
    - - Natural passive immunity : ทารก น้ำนมจากแม่ 2.Artificialpassiveimmunity:เซรุ่มแก้พิษงู