Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษา Case นรีเวช & Palliative care - Coggle Diagram
กรณีศึกษา Case นรีเวช & Palliative care
ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
(Pelvic Inflamatory Disease)
พยาธิสภาพ
ทฤษฎี pelvic lnflammatory disease
การเกิดภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบมักเกิดจากการติดเชื้อจากระบบสืบพันธุ์เพศหญิงส่วนล่างขึ้นสู่ส่วนบน เท่านั้น โดยปกติปากมดลูกจะมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเคลื่อนตัวสู่ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงส่วนบน ทำให้ระบบ สืบพันธุ์เพศหญิงส่วนบนเป็นบริเวณที่ปลอดเชื้อโรค แต่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือการทำหัตถการผ่านทางช่องคลอดและปากมดลูก จะทำให้เชื้อโรคสามารถเคลื่อนตัวสู่ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงส่วนบน และก่อให้เกิดภาวะอุ้งเชิง กรานอักเสบได้
ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบยังสามารถพบได้ในหญิงที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค แต่อุบัติการณ์ค่อนข้างน้อย ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนว่า เพราะเหตุใดเชื้อประจำถิ่นในช่องคลอดจึงก่อโรคในเฉพาะหญิงบางรายเท่านั้น แต่จากการศึกษารายงานว่าปัจจัยที่มีผลคือ ปัจจัยทางพันธุกรรม ปัจจัยจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่มีผลต่อมูกบริเวณปากช่องคลอด และปัจจัยในด้านจำนวนของเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
กรณีศึกษา
ก่อนผ่าตัด
ผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง แน่นท้องบริเวณใต้สะดือลงไป แน่นท้องเป็นระยะๆ มี คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย แพทย์วินิจฉัยเป็น Pelvic Inflammatory Disease with Ruptured Rt. Tobu - ovarian abscess (ภาวะติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานร่วมกับฝีหนองบริเวณท่อนำไข่ด้านขวาแตก) ได้รับการผ่าตัด explore laparotomy with Right Salpingo Oophorectomy (การผ่าตัดใหญ่เปิดหน้าท้อง ร่วมกับการ ผ่าตัดที่นำรังไข่ ท่อนำไข่ และปีกมดลูกด้านขวาออก)
หลังผ่าตัด
ผู้ป่วยเริ่มซึมลง ปลุกไม่ตื่น แผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้องเริ่มมี discharge ซึมมาก และปวด บวม แดง ร้อน มีไข้สูง ผู้ป่วยเรียกไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองต่อการรักษา แพทย์ วินิจฉัย Hypovolemic shock with Sepsis
อาการและอาการแสดง
ทฤษฎี pelvic lnflammatory disease
ปวดท้องน้อย อาจเป็นได้ทั้ง 1 หรือ 2 ข้าง
ตกขาวลักษณะผิดปกติ หรือตกขาวลักษณเหมือนหนอง
เจ็บลึกๆ ขณะมีเพศสัมพันธ์
เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
คลื่นไส้อาเจียน
ไข้ หากผู้ป่วยมีอาการควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจยืนยัน และรักษา โดยการรักษาจะเป็นการรักษาด้วย ยาปฏิชีวนะในรูปแบบยากินและยาฉีด ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค
WBC สูงกว่าปกติ
Neutrophil สูงกว่าปกติ
Lymphocyte ต่ำกว่าปกติ
กรณีศึกษา
ปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้องบริเวรใต้สะดือ
ไม่มีประวัติพบสิ่งคัดหลั่ง
มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
ผล WBC 18.5x10^3 มีค่าสูงกว่าปกติ
Neutrophil 86 %
Lymphocyte 7 %
ผล H/C เป็น gram negative bacilli
T : 39 องศาเซลเซียส
มีสิ่งคัดหลั่งออกบริเวณแผลมาก ปวด บวม แดง
การรักษา
ทฤษฎี pelvic lnflammatory disease
หากอาการไม่รุนแรงสามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอก คือ ให้ยาปฏิชีวนะแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ร่วมกับยากินหากอาการรุนแรง จะต้องได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยใน โดยจะได้รับยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำอย่างน้อย 48-72 ชั่วโมง หากอาการทุเลาลงจึงสามารถเปลี่ยนเป็นยาปฏิชีวนะแบบกินได้
หากตรวจพบก้อนหนอง แล้วได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำแล้วการรักษาไม่ได้ผล อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อระบายหนองในช่องท้อง
ต้องตามคู่นอนมารักษาทุกราย
กรณีศึกษา
แพทย์ให้ทำการผ่าตัด explore laparotomy with Right Salpingo Oophorectomy (การผ่าตัดใหญ่เปิดหน้าท้อง ร่วมกับการ ผ่าตัดที่นำรังไข่ ท่อนำไข่ และปีกมดลูกด้านขวาออก)
0.9% NSS Vein 120 cc/hr เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำและอิเล็กโทรไลต์
Dopamine (2:1) vein เพื่อป้องกันภาวะ Shock และความดันโลหิตต่ำ
สาเหตุ
ทฤษฎี pelvic lnflammatory disease
การติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจแพร่กระจายมาได้หลายทาง ได้แก่ ทางเพศสัมพันธ์ ทางกระแสเลือด หรือการติดเชื้อบริเวณอวัยวะข้างเคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ตรง
การติดเชื้อมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด ไม่ว่าเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก แกรมลบ หรือเชื้อ แบคทีเรียที่ไม่ใช้อากาศในการหายใจ
โรคหนองใน
Neisseria gonorrhoeae
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่ชื่อ Neisseria gonorrhoeae ซึ่งสามารถตรวจพบได้ในน้ำอสุจิและสารน้ำในช่องคลอด จึงถ่ายทอดผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก และสามารถถ่ายทอดได้บ้างโดยการสัมผัสโดยตรง เช่น ทารกที่คลอดผ่านทางช่องคลอดของมารดาที่ติดเชื้อ ทำให้เกิดการติดเชื้อที่เยื่อบุตา
นอกจากนี้เชื้อหนองในยังสามารถพบที่เซลล์ของปากมดลูก ท่อปัสสาวะ ทวารหนักและช่องคลอดได้อีกด้วย ในสตรี เชื้อสามารถแพร่จากช่องคลอดไปทวารหนักได้เองโดยไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก สำหรับการมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้มือหรือนิ้วช่วย ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าทำให้เกิดการถ่ายทอดเชื้อได้ กิจกรรมต่อไปนี้ ไม่ทำให้เกิดการถ่ายทอดเชื้อหนองใน ได้แก่ กอด จูบ ใช้ห้องน้ำหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน การใช้สระว่ายน้ำร่วมกัน การใช้ห้องน้ำ หรือการใช้แก้วน้ำ จาน ชามร่วมกัน
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยให้ประวัติการมีคู่นอนกับแขกที่มาเที่ยวบ่อยครั้ง
ก่อนและหลังผ่าตัด ผล H/C เป็น gram negative bacilli
ท้องอืด แน่นท้องเป็นระยะๆ ไม่ขับอุจจาระ และไม่ผายลม
ผล WBC 18.5x10^3 มีค่าสูง
เป็นโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเส้นเลือด ไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
ผล Vaginal discharge พบเชื้อหนองใน
ข้อวินิฉัยทางการพยาบาล
ก่อนผ่าตัด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 1 มีภาวะติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Inflammatory Disease with Ruptured Rt. Tobu - ovarian abscess
ข้อมูลสนับสนุน
S:
ปวดท้อง มีอาการแน่นท้องบริเวณสะดือ 1 วันต่อมา มีอาการคลื่นไส้แต่ไม่อาเจียน แน่นท้องมากขึ้น ไม่ขับถ่ายอุจจาระ ได้รับยามาทาน แต่อาการไม่ดีขึ้น ไม่ผายลม มีอาการท้องอืด
O: -
วัตถุประสงค์การพยาบาล /
เกณฑ์การประเมินผล
วัตถุประสงค์การพยาบาล
เพื่อให้ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease) ลดลง
เกณฑ์การประเมินผล
ไม่มีอาการเเสดงของภาวะ Pelvic Inflammatory Disease เช่น ปวดท้อง แน่นท้องบริเวณสะดือ คลื่นไส้ ไม่ขับถ่ายอุจจาร
สัญญาณชีพปกติ
Lab ปกติ (WBC = 4,500-10,000 cell/ml ,
Neutrophils = 50% - 70% , Lymphocytes = 20% - 40%)
กิจกรรมการพยาบาล
บันทึกสัญญาณชีพจรทุก4ชม เพื่อประเมินอุณหภูมิร่างกาย
ให้ผู้ป่วยรับประทานยา Antibiotic
การเตรียมการผ่าตัด Set or คือการเตรียมผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการผ่าตัด
ติดตามผลในห้องปฏิบัติการ ได้แก่ WBC = 4,500-10,000 cell/ml ,
Neutrophils = 50% - 70% , Lymphocytes = 20% - 40%
การประเมินผล
ผู้ป่วยมีอาการแน่นท้องบริเวณสะดือ คลื่นไส้แต่ไม่อาเจียน แน่นท้องมาก ไม่ขับถ่าย ไม่ผายลม มีอาการท้องอืด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 2.ไม่สุขสบายเนื่องจากอาการปวดท้อง
ข้อมูลสนับสนุน
S:
ก่อนมาโรงพยาบาลรู้สึกแน่นท้อง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ไม่ขับอุจจาระ และไม่ภายลม
O: -
วัตถุประสงค์การพยาบาล / เกณฑ์การประเมินผล
วัตถุประสงค์การพยาบาล
เพื่อให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องลดลง หรือหายจากอาการปวดท้อง
เกณฑ์การประเมินผล
เกณฑ์การประเมินผล
อาการปวดท้องลดลง หรือหายจากอาการปวดท้อง
สีหน้าไม่เจ็บปวดเพิ่มขึ้น
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินความรุนแรงของความปวดทุก 2-4 ชั่วโมงด้วยการสังเกตและใช้แบบประเมินความปวด
จัดให้นอนท่าศีรษะสูง 35-40 องศา เพื่อลดแรงดันในช่องท้องช่วยบรรเทาอาการแน่นท้อง
ดูแลให้ได้รับยาบรรเทาปวดตามแผนการรักษา ร่วมกับจัดการความปวดโดยไม่ใช้ยา (non-pharmacological management) และทำการประเมินซ้ำหลังจากนั้น หากอาการปวดไม่ทุเลา ควรรายงานแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป
การประเมินผล
ผู้ป่วยยังมีอาการปวดท้อง สีหน้าไม่ดีขึ้น
หลังผ่าตัด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 1 เสี่ยงต่อภาวะ Hypovolemic shock เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการเสียเลือดที่รุนแรง
วัตถุประสงค์การพยาบาล / เกณฑ์การประเมิน
วัตถุประสงค์การพยาบาล
เพื่อป้องกันภาวะ shock
เกณฑ์การประเมิน
ไม่มีอาการแสดงของภาวะ shock เช่น ซึม ปลุกไม่ตื่น หายใจเร็ว หอบ เหนื่อย เป็นต้น
BP = 90-120 / 60-80 mmHg
O2 = 96-100 %
ไม่มีเลือดซึมจากบริเวณแผล
urine ออก > 30 cc/hr.
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินแผลผ่าตัดและบันทึกจำนวนเลือดที่ออกจากท่อระบาย
ดูแลให้ได้รับสารน้ำและ Dopamine (2:1) vein 30 cc/hr. ตามแผนการ รักษา พร้อมทั้งสังเกต อาการข้างเคียง
ประเมินจากภาวะช็อค
ดูแล record สารน้ำเข้าออกจากร่างกาย pt อย่าต่อเนื่อง
ตรวจวัดและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ข้อมูลสนับสนุน
S : -
O:
O2 = 85 %
เสียเลือดมากในขณะที่ผ่าตัด
BP = 80 / 62 mmHg
ผู้ป่วยเริ่มซึมลง ปลุกไม่ตื่น หายใจ หอบเหนื่อย
การประเมินผล
ผู้ป่วยมีภาวะ shock มีอาการซึม เรียกไม่รู้สึกตัว และไม่ตอบสนองต่อการรักษา
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 3 ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลที่ผ่าตัด
ข้อมูลสนับสนุน
S:
บ่นปวดแผลเป็นระยะ
O:
pain score = 6 คะแนน
V/S = T = 36.2๐ c , PR = 120 ครั้ง/นาที , RR = 28 ครั้ง/นาที BP = 90 / 65 mmHg
มีแผลผ่าตัดที่บริเวณหน้าท้องแนว Mid line ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร
วัตถุประสงค์การพยาบาล / เกณฑ์การประเมิน
วัตถุประสงค์การพยาบาล
เพื่อให้ผู้ป่วยปวดแผลลดลง
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยปวดแผลลดลง
pain score < 6 คะแนน
V/S = T = ≤ 37.5๐ c , PR = 60-100 ครั้ง/นาที , RR = 16-24 ครั้ง/นาที BP = 90-120 / 60-80 mmHg
ผู้ป่วยมีสีหน้าสดชื่น ยิ้มแย้ม
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมิน pain score ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินระดับความ รุนแรงของความปวด และให้การพยาบาลได้อย่างเหมาะสม
ตรวจวัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินความผิดปกติ
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สุขสบาย
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา และสังเกตอาการข้างเคียง
การประเมินผล
ผู้ป่วยยังคงมีอาการปวดแผล มีสีหน้าไม่ดีขึ้น pain score > 6 คะแนน
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 2 เสี่ยงต่อภาวะการติดเชื้อเนื่องจากมีการติดเชื้อหนองใน
วัตถุประสงค์การพยาบาล / เกณฑ์การประเมิน
วัตถุประสงค์การพยาบาล
เพื่อป้องกันการเกิดภาวะติดเชื้อ
เกณฑ์การประเมิน
WBD มีค่า 4,500-10,000 cell/ml
แผลไม่มีภาวะการติดเชื้อ
ผู้ป่วยมี Discharge ลดลง
ผู้ป่วยมีไข้ลดลงและสัญญาณชีพปกติ
(V/S = T = ≤ 37.50 c
PR = 60-100 ครั้ง/นาที
RR = 16-24 ครั้ง/นาที
BP = 90-120 / 60-80 mmHg)
กิจกรรมการพยาบาล
วัด V/S ทุก 4 ชั่วโมง
สังเกตลักษณะของแผลและ Discharge
ดูแลทำความสะอาดแผลตามแผนการรักษา โดยยึดหลัก Aseptic Technique
ติดตามผลในห้องปฏิบัติการ ได้แก่ WBC = 4,500-10,000 cell/ml
ข้อมูลสนับสนุน
S : -
O
WBC 18.5 X 103 cell
แผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้องเริ่มมี discharge ซึมมาก
V/S : T = 39 c
BP = 80 /62 mmhg
การประเมินผล
ผู้ป่วยยังคงมีค่า WBC ในระดับที่สูงกว่าปกติ มี discharge ซึมมาก และปวดบวมแดงบริเวณหน้าท้อง และมีไข้สูง
Palliative care
การดูแลแบบ Palliative care
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยมีอาการของโรคที่ไม่มีขึ้น และแย่ลงเรื่อยๆ เกิดความเสี่ยง และความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ป่วยได้รับการดูแลและได้รับการบรรเทาอาการที่เป็นอยู่เป็นระยะๆ ได้มีการพูดคุยกับญาติของผู้ป่วย ให้เวลาได้ตัดสินใจ
ทฤษฎี
การดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรครักษาไม่หายขาด มีแนวโน้มว่าโรค จะมีความรุนแรงและคุกคามชีวิตผู้ป่วย ผู้ป่วยจะต้องได้รับ การดูแลแบบองค์รวมครอบคลุมร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณของผู้ป่วยและครอบครัว โดยมีเป้าหมายหลักคือ บรรเทาอาการเจ็บปวดและทุกข์ทรมานจากโรค เพิ่มคุณภาพ ชีวิตที่ดีให้กับผู้ป่วยและครอบครัว ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างสงบ สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตลอดจนการดูแลครอบครัวของ ผู้ป่วยภายหลังการจากไปของผู้ป่วย (bereavement care)
องค์ประกอบที่สำคัญของการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง
การควบคุมอาการไม่สุขสบาย (symptom control)
ทฤษฎี
การควบคุมอาการไม่สุขสบาย (symptom control) ผู้ป่วยในระยะสุดท้าย จะมีความเปราะบางและ มีกลุ่มอาการต่างๆทางร่างกายที่ทำให้เกิดความไม่สุขสบายซึ่งอาการที่พบได้บ่อยมาก ได้แก่ อาการปวด (pain) หายใจลำบาก (dyspnea) ถ่ายเหลว หรือท้องผูก (diarrhea/constipation) อ่อนแรงหรือ เหนื่อยล้า (weakness/fatigue) มีความผิดปกติทางช่องปาก เช่น เกิดแผลในปากและปากแห้ง
กรณีศึกษา
ก่อนผ่าตัด
มีอาการปวดแน่นท้อง ท้องอืด ท้องผูก คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
หลังผ่าตัด
มีสิ่งคัดหลั่งซึม ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณแผล
ซึมลง ปลุกไม่ตื่น Neuro sign = E3V1M4
ใส่เครื่องช่วยหายใจ อาจเกิดแผลในปากและปากแห้งได้
การรักษาโรค (disease management)
ทฤษฎี
การรักษาในสภาวะที่แก้ไขได้(reversible condition) เช่น การผ่าตัดแบบประคับประคอง (palliative surgery) เพื่อลดขนาดของก้อนมะเร็งในการกดเบียดอวัยวะ ภายในของผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยสุขสบายมากยิ่งขึ้น
การรักษาแบบประคับประคอง (incurable condition) เช่น การ ให้รังสีรักษาเพื่อประคับประคอง (palliative radiotherapy) เพื่อควบคุมความปวดจากมะเร็งที่กระจาย
กรณีศึกษา
แพทย์วินิจฉัย และได้ให้ผู้ป่วยผ่าตัด explore laparotomy with Right Salpingo Oophorectomy (การผ่าตัดใหญ่เปิดหน้าท้อง ร่วมกับการ ผ่าตัดที่นำรังไข่ ท่อนำไข่ และปีกมดลูกด้านขวาออก)
มีภาวะช็อคจากการติดเชื้อและเตรียมรักษาระยะสุดท้าย และได้ใส่ท่อช่วยหายใจ
ผู้ป่วยสามารถเป็นผู้ตัดสินใจเลือกการสืบค้นหรือการรักษาได้ด้วยตนเอง
ทฤษฎี
ผู้ป่วยสามารถเป็นผู้ตัดสินใจเลือกการสืบค้นหรือการรักษาได้ด้วยตนเอง ในกรณีที่เป็นหารตรวจหรือรักษาความเสี่ยง เช่น การผ่าตัด การให้เคมีบำบัด เป็นต้น หรืออาจจะตัดสินใจได้ยาก เช่น การเลือกที่จะใส่ท่อหายใจหรือการปฏิบัติการกู้ชีวิต เป็นต้น
กรณีศึกษา
แม่วัยชราตัดสินใจปล่อยให้ผู้ป่วยไปสบาย ไม่ปั๊มหัวใจ เพราะไม่อยากให้ผู้ป่วยทรมาน
ผู้ป่วยเคยบอกไว้ว่าหากผู้ป่วยเป็นอะไรที่หนักมากขึ้น ไม่ต้องมีการยื้อชีวิตให้ปล่อยไปสบาย
ผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อน (ที่อาจพบได้ตามปกติ) จากการหัตถการหรือการผ่าตัด มีหลักการคล้ายคลึงกัน
ทฤษฎี
จากการหัตถการหรือการผ่าตัด มีหลักการคล้ายคลึงกัน คือ
ควรอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นช้าๆ อย่างละเอียดว่าขณะทำตอนนั้นทำอะไร เห็นอะไรที่สงสัยว่ามีภาวะแทรกซ้อน เกิดขึ้น จนวินิจฉัย
ให้เห็นความพยายามของแพทย์และทีมว่า ได้พยายามแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสุดความสามารถและดีที่สุด
อย่าลังเลใจที่จะบอกญาติหรือผู้ป่วยว่า แม้สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ (ดังที่ได้แจ้งตั้งแต่ก่อนทำหัตถการ) แต่ท่าน เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
กรณีศึกษา
แพทย์นัดญาติ มาคุยอาการของผู้ป่วยว่าไม่สามารถรักษาให้หายได้แล้ว และเตรียมแผนการรักษาในระยะสุดท้ายต่อไป
ภายหลังการพูดคุยกับแม่วัยชรา แม่ของผู้ป่วยรับไม่ได้ เสียใจ และมีอาการแย่ลง แพทย์จึงให้เวลาแม่วัยชราเพื่อตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับผู้ป่วยต่อไป
ข้อวินิฉัยทางการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 4 ผู้ป่วยมีความทุกข์ทรมานเนื่องจากอยู่ในระยะสุดท้ายของโรค
ข้อมูลสนับสนุน
S: -
O:
อาการไม่ดีขึ้น เรียกไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองการรักษา มีติดเชื้อ และมีภาวะช็อคจากการติดเชื้อ ยื้อชีวิตโดยการใช้ท่อหายใจ
วัตถุประสงค์การพยาบาล / เกณฑ์การประเมิน
วัตถุประสงค์การพยาบาล
เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานทางกายของผู้ป่วย
เกณฑ์การประเมิน
สีหน้ามีความปวดลดลง (Pain score)
มีอาการกระสับกระส่ายลดลง
นอนหลับได้มากขึ้น
กิจกรรมการพยาบาล
ตรวจวัดสัญญาณชีพ ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อ ประเมินความผิดปกติ
ประเมิน pain score อย่างต่อเนื่อง
ประเมินอาการกระส่ายกระสับอย่างต่อเนื่อง
พยาบาลจะให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา และประเมินระดับความปวด (pain score)
การประเมินผล
ผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น และไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองต่อการรักษา มีการติดเชื้อ และมีภาวะ shock
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 5 การเตรียมความพร้อมของญาติและผู้ป่วยเพื่อเข้าอยู่ในระยะสุดท้ายทั้งก่อนและหลังเสียชีวิต
ข้อมูลสนับสนุน
S:
บ่นโทษตนเองว่าตนเองน่าจะมีส่วนช่วยในการทำมาหากินเพื่อเลี้ยงดูลูกสาวบ้างไม่ใช่ปล่อยให้ทำงานหนักจนทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคนี้
O:
แม่ของผู้ป่วยรับไม่ได้ มีอาการร้องไห้ฟูมฟายอย่างต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์การพยาบาล / เกณฑ์การประเมิน
วัตถุประสงค์การพยาบาล
พื่อให้ผู้ป่วยและญาติสามารถใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด มีความสุขสบายทั้งทางร่างกายและจิตใจ สามารถจากไปอย่างสงบ สมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยและญาติสามารถใช้ชีวิตมีความสุขได้
ญาติของผู้ป่วยสามารถยอมรับได้จากการไปของผู้ป่วย
ผู้ป่วยสามารถจากไปอย่างสงบและสมศักดิ์ศรีของการเป็นมนุษย์ได้
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินความต้องการของผู้ป่วย และให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึกต่าง ๆ ออกมา เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึก สบายใจขึ้นและเปิด โอกาสให้ผู้ป่วยพูดถึงความเจ็บป่วย ความตาย
บอกข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ให้ผู้ป่วยและ ครอบครัวรับทราบ โดยอธิบายให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจในการวินิจฉัย ความก้าวหน้าของโรค แผนการรักษา ข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อให้การรับรู้ต่อเหตุการณ์ถูกต้องตาม ความเป็นจริง การแก้ปัญหาต่าง ๆ ก็จะทำได้ตรงจุดมากขึ้น
จัดสภาพแวดล้อมให้เป็นสัดส่วน เพื่อให้ผู้ป่วย และครอบครัวได้มีโอกาสพูดคุยระบายความรู้สึกออกมา
ติดตามปลอบโยนให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยและญาติ
การประเมินผล
ผู้ป่วยและญาติสามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ไม่วิตกกังวล ไม่เครียด มีสภาพจิตใจที่ดี
หากต้องเกิดเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วย ญาติยอมรับได้และมีการดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ไม่ทำให้คุณภาพชีวิตต่ำลง
ความหมาย
การดูแลที่มีมุ่งเน้นการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว โดยลดความทุกข์ทรมานทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ เป็นการดูแลควบคู่กับการรักษาหลักที่มุ่งหวังกำจัดตัวโรค การดูแลแบบประคับประคองจะคำนึงถึงความต้องการและความปรารถนาของผู้ป่วยและครอบครัวร่วมด้วยเสมอ
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Hb 10.5 g/dl (ชาย 13-17 g/dl.หญิง 12-16 g/dl.)
ต่ำกว่าปกติ มีภาวะซีดเนื่องจากเสียเลือดมากระหว่างการผ่าตัด
Hct 22.5 % (ชาย 40-50%หญิง 35-47%)
ต่ำกว่าปกติ เสี่ยงต่อภาวะเลือดจางเนื่องจากมีความเข้มข้นของเม็ดเลือดต่ำ
WBC 18 .5 X 103 cell (4,500-10,000 cell/ml)
สูงกว่าปกติเนื่องจากมีภาวะการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
Neutrophil 86 % (50%-70%)
สูงกว่าปกติเนื่องจากร่างกายได้รับการติดเชื้อ
Lymphocyte 7 % (20%-40%)
ต่ำกว่าปกติ เสี่ยงต่อภาวะการติดเชื้อ HIV โดยไม่รู้ตัว
Vaginal discharge
เชื้อหนองใน Neisseria gonorrhoeae
ข้อมูลผู้ป่วย
ประวัติการเจ็บป่วย :
อาการสำคัญที่มารพ. ปวดแน่นท้อง ก่อนมาโรงพยาบาล 1 วัน
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน ผู้ป่วยให้ประวัติ 2 วัน ก่อนมาโรงพยาบาลมีอาการปวดท้อง และแน่นท้องบริเวณใต้สะดือลงไป 1 วันต่อมา เริ่มมีอาการ คลื่นไส้แต่ไม่อาเจียน ปวดแน่นท้องมากขึ้น และไม่ขับถ่ายอุจจาระ
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต/โรคประจำตัว มีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และ ไขมันในเส้นเลือดมาประมาณ 3 ปี รักษาไม่ต่อเนื่อง
ประวัติการแพ้ยา ปฏิเสธการแพ้ยา
ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว -
ข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ป่วยเพศ หญิง อายุ 45 ปี เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย ศาสนา พุทธ
อาชีพ พนักงานไนต์คลับ การศึกษา ไม่ระบุ รายได้ ไม่ระบุ สถานภาพสมรส หย่าร้าง วันที่รับไว้ในโรงพยาบาล ไม่ระบุ วันที่รับไว้ดูแล ไม่ระบุ
การวินิจฉัยโรคแรกรับ
Pelvic Inflammatory Disease with Ruptured Rt. Tobu – ovarian abscess ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
การวินิจฉัยในปัจจุบัน
Hypovolemic shock with Sepsis
การผ่าตัด
explore laparotomy with Right Salpingo Oophorectomy (การผ่าตัดใหญ่เปิดหน้าท้อง ร่วมกับการผ่าตัดที่นํารังไข่ ท่อนําไข่ และปีกมดลูกด้านขวาออก)