Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Problem list, ผู้ป่วยเตียง 9 มภร.10/1 DX.ESRD with Septicemia …
Problem list
ผู้ป่วยมีภาวะ active bleeding ที่ระบบทางเดินอาหาร
ผู้ป่วยมีภาวะ LGIB ภาวะเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนปลาย
ผู้ป่วยมีภาวะติดเชื้อในร่างกาย
ผู้ป่วยมีภาวะของเสียคั่งในร่างกาย
ผู้ป่วยอาจเกิดการพลัดตกหกล้ม
ผู้ป่วยเตียง 9 มภร.10/1 DX.ESRD with Septicemia
รับไว้ในความดูแลวันที่ 24 ธันวาคม 2564
พยาธิสภาพ
พยาธิสภาพเมื่อเทียบผู้ป่วย
ผู้ป่วยเป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายทำให้ไตถูกทำลาย การทำงานของไตมีประสิทธิภาพลดลง ไตมีหน้าที่ผลิต Hormone erythropoietin (อิริโพอิติน) ได้น้อย ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดไม่เพียงพอต่อร่างกาย สาเหตุที่เกิดแผลในระบบทางเดินอาหารของผู้ป่วย สันนิษฐานว่าเกิดจากการที่ผู้ป่วยได้รับยาที่ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในระบบทางเดินอาหารของผู้ป่วย
มีประวัติการเจ็บป่วยเกี่ยวกับการติดเชื้อ จากประวัติของโรงพยาบาลจุฬาซึ่งไม่ทราบสาเหตุการติดเชื้อของผู้ป่วย เมื่อให้ Antibiotic ส่งผลให้ตับของผู้ป่วยทำงานหนักขึ้น ผู้ป่วยจึงมีลักษณะตาเหลือง และผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นโรคไต เมื่อได้รับยาไปเกิดภาวะไตวายขึ้น โรคไตที่ผู้ป่วยเป็นเกิดจากการที่ไตของผู้ป่วยเสื่อมลง จนผู้ป่วยไม่สามารถขับของเสียออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามอัตราการกรองของไตผู้ป่วยอยู่ในระดับที่ 5 มีค่า GFR =4.23 ml/min/1.73m2 มีค่า BUN =100.6 mg/dL และค่า Creatinine 11.61 mg/dL ซึ่งค่าสูงบ่งบอกถึงภาวะของเสียคั่งในร่างกายมากกว่าปกติ ทำให้ต้องมีการทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไปเทียม (Hemodialysis) และ On Double lumen catheter บริเวณเส้นเลือดดำที่คอ (Jugular vein)
โรค ESRD :
เกิดจากการเสื่อมของไต การถูกทำลายของหน่วยไต มีผลให้การกรองและการขับถ่ายของเสียลดลง โดยแบ่งเป็นระยะได้จากอัตราการกรองลดลงดังนี้
ประวัติผู้ป่วย
อาการสำคัญ : 5วันก่อนมารพ.ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อย และอ่อนเพลีย
อาการปัจจุบัน 4/1/65 : ผู้ป่วยมีอาการง่วงซึม คันตามตัว รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย อุณหภูมิร่างกาย 37.1 องศาเซลเซียส ความดันโลหิต 134/79 มิลลิเมตรปรอท อัตราการหายใจ 18 ครั้งต่อนาที
อัตราการเต้นของหัวใจ 98 ครั้ง/นาที O2 sat เท่ากับ 99% pain score =0
อาการปัจจุบัน 5/1/65: ผู้ป่วยมีอาการง่วงซึม คัดตามตัว รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย อุณหภูมิร่างกาย 37.1 องศาเซลเซียส ความดันโลหิต 134/99 มิลลิเมตรปรอท
อัตราการหายใจ 18 ครั้งต่อนาที อัตราการเต้นของหัวใจ 98 ครั้ง/นาที O2 sat เท่ากับ 99% pain score =2
อาการปัจจุบัน 6/1/65: ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี คันตามตัว ถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีอาการหอบเหนื่อย
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน:
2สัปดาห์ก่อนมารพ.มีอาการเหนื่อยมากจึงไปรพ.จุฬา Dx:เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ร่วมกับuremia symptoms และมีภาวะน้ำเกิน
1สัปดาห์ก่อนมารพ.ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อย จึงมีการใส่ท่อทางเดินหายใจ On ET-tubeมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดAdmitที่รพ.จุฬา
1วันก่อนมารพ.โรงพยาบาลจุฬาให้กลับบ้านเพื่อให้walk in ใช้สิทธิรักษาประกันสุขภาพ รพ.ตำรวจ คนไข้มีไข้สูงร่วมกับมีภาวะติดเชื้อจึง admit ที่โรงพยาบาลตำรวจ
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต:
ผู้ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (ESRD)
ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
ผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง (ไม่ทราบระยะเวลา)
ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด (ไม่ทราบระยะเวลา)
อาการแรกรับ
ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองได้น้อย หายใจ room air ไม่มีหอบเหนื่อย
ประวัติส่วนตัว
ผู้ป่วยชายไทย อายุ 59ปีรูปร่างสมส่วน ผิวคล้ำ รู้สึกตัวดี พูดคุยตอบโต้ได้ ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย รับประทานอาหารได้เอง ไม่มีหายใจหอบเหนื่อย หายใจ room air ใส่สายสวนปัสสาวะ
ยาที่ผู้ป่วยได้รับ
Senolax Teb.
Sennosides Teb.
รับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
บำบัดรักษาอาการท้องผูกในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ผลข้างเคียง
การใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ใช้ในขนาดสูง จะทำให้มีอาการปวดท้องหรือถ่ายท้องรุนแรง
จนเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ได้ โดยเฉพาะโพแทสเซียมเป็นผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง และหัวใจเต้นผิดปกติ
Femide 500 mg.Tab
Furosemide 500 mg.Tab.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า
เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยขับของเหลวส่วนเกินในร่างกายออกทางปัสสาวะ
ช่วยป้องกันร่างกายไม่ให้ดูดซึมเกลือ หรือโซเดียมมากเกินไป ใช้ลดอาการบวมน้ำ
ระวังเรื่องการขับโปตัสเซียม
ผลข้างเคียง
ปัสสาวะลำบาก ปวดหลัง ปวดสีข้าง อ่อนแรง มีไข้ หอบเหนื่อย หนาวสั่น
Folic acid 5mg. Tab.(con)
Folic acid 5mg. Tab.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด
วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า
ช่วยเสริมสร้างกระบวนการผลิตเซลล์ใหม่
และใช้รักษาโรคโลหิตจางชนิดที่เกิดจากการขาดกรดโฟลิค
ผลข้างเคียง
รู้สึกชา คันยุบยิบ อ่อนล้าหมดแรง เจ็บปวดบริเวณปากและลิ้น
Fermasian 200 mg. Tab.
Ferrous Fumarate 200 mg.Tab.
รับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า เย็น
ยาบำรุงเลือดสำหรับรักษาโรคโลหิตจางที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็ก
ผลข้างเคียง
ท้องผูก คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเสีย
อาเจียน ปัสสาวะเปลี่ยนสีได้
Caraten 6.25 mg. Tab.
Carvedilol 6.25 mg. Tab
รับประทานครั้ง 1/4 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า เย็น
ช่วยให้หัวใจเต้นช้าลงและลดความดันโลหิต ใช้รักษาอาการความดันโลหิตสูง
ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือภายหลังการเจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด
ผลข้างเคียง
ไอแห้ง เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก ลมพิษขึ้น มือเท้าเย็น มีอาการชา
ปัสสาวะบ่อย มองเห็นไม่ชัด หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
Madiplot 20 mg. Tab.
Manidipine 20 mg.Tab.
รับประทานครั้ง 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า เย็น
รักษาโรคความดันโลหิตสูง
รักษาความดันโลหิตสูงที่มีภาวะไตบกพร่องร่วมด้วย
ผลข้างเคียง
หน้ามืด ข้อเท้าบวม
CAZSIN 2 MG.TAB.
DOXAZOSIN 2 MG.TAB.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
ยาขยายหลอดเลือด ทำให้ความดันเลือดลดลง
ช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณต่อมลูกหมากและกระเพาะปัสสาวะ
ผลข้างเคียง
ปวดหัว ง่วงซึม วิงเวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม มีอาการเจ็บหน้าอก
Sodium Bicarbonate 300 mg. Tab.(DPF)
Sodium bicarbonate 300mg. Tab.
รับประทานครั้งละ5 เม็ด วันละ3ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
รักษาภาวะกรดเกินของร่างกายและภาวะอาหารไม่ย่อย ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ใช้เป็นยาลดกรด บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก ลดอาการระคายเคือง เนื่องจากมีกรดมากในกระเพาะอาหาร
ผลข้างเคียง
ก่อให้เกิดภาวะเลือดเป็นด่าง มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
สับสน วิงเวียน ใจสั่น อ่อนเพลีย ผื่นแดง คัน ลมพิษ
Omeprazole capsules20mg. (GPO).
Omeprazole 20mg. CAP.
รับประทานอาหารครั้งละ1เม็ด วันละ1ครั้ง ก่อนอาหารเช้า
ป้องกันรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น และอาการแสบร้อนกลางอก จากหลอดอาหารอักเสบเนื่องจากกรดไหลย้อนและป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารจากภาวะเครียด
ผลข้างเคียง ผื่นลมพิษ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ท้องเสีย ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ ปวดหัว
Lyrica 25 mg. CAP.Pregabalin 25mg. CAP. รับประทานครั้งละ1 เม็ด วันละ1ครั้ง ก่อนนอน
ยากันชัก ใช้รักษาโรคปวดกล้ามเนื้อไฟโบรมัยอัลเจีย (โรคลมชัก)
ผลข้างเคียง มือและเท้าบวม น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น หายใจลำบาก ปวดกล้ามเนื้อ ช้ำง่าย เลือดออกง่าย แน่นหน้าอก
Cesoline W 25 mg. Tab. Hydralazine HCL25 mg. Tab รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ3ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
ยามีคุณสมบัติขยายหลอดเลือด ทำให้กล้ามเนื้อของหลอดเลือดเกิดการคลายตัวช่วยลดแรงต้านทานภายในหลอดเลือด ใช้รักษาความดันโลหิตสูงและหัวใจวาย
ผลข้างเคียง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องเสีย ท้องผูก เวียนศีรษะ
ISOTRATE 10 mg. Tab. Isosorbide Dinitrate 10 mg. Tab. รับประทานครั้งละ1 เม็ด วันละ3ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
รักษาและป้องกันอาการเจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด(Angina) โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือดช่วยให้เลือดไหลเวียนไปสู่หัวใจง่ายขึ้น
ผลข้างเคียง ปวดศีรษะ หน้ามืด คลื่นไส้ หน้าแดง
CALTAB-1.25 TAB. CALCIUM CARBONATE 1250 MG TAB.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น
ใช้ทดแทนการขาดแคลเซียม และรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่มีภาวะฟอสเฟตในเลือดสูง
ผลข้างเคียง
-ผู้ที่รับประทานแคลเซียมบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูก
-การรับประทานอย่างต่อเนื่องในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดโรคนิ่วในไตตามมา
-แคลเซียมแบบฉีดอาจมีผลข้างเคียงต่อไปนี้ และหากมีอาการควรบอกแพทย์ทันที
ผลทางห้องปฎิบัติการ
Complete Blood Count
4/1/65
-Hemoglobin 8.1 g/dL มีค่าต่ำกว่าปกติ มีภาวะเลือดจาง ค่าปกติอยู่ที่ 12.8-16.1 g/dL
-Hematocrit 25.2% มีต่ำกว่าปกติ อาจมีภาวะโลหิตจาง ค่าปกติอยู่ที่ 38.2-48.3%
-RBC 2.93 10^6/uL ต่ำกว่าปกติ อาจมีภาวะโลหิตจาง ค่าปกติอยู่ที่ 4.03-5.55 10^6/uL
-RDW 15.3% สูงกว่าปกติ อาจมีภาวะโลหิตจาง ค่าปกติอยู่ที่ 11.8-15.2%
-Lymphocyte 15.0% ต่ำกว่าปกติ อาจมีภาวะติดเชื้อ ค่าปกติอยู่ที่ 21.1-42.7%
-Eosinophil 9.0% สูงกว่าปกติ อาจมีภาวะติดเชื้อ ค่าปกติอยู่ที่ 0.4-7.2%
5/1/65
-Hematocrit 28.7% ต่ำกว่าปกติ อาจมีภาวะโลหิตจาง ค่าปกติอยู่ที่ 36.8-46.6%
เคมีคลินิก
4/1/65
-Bun 100.6 mg/dL สูงกว่าปกติ มีภาวะไตทำงานลดลง ค่าปกติอยู่ที่ 8.9-20.6 mg/dL
-Creatinine 11.61 mg/dL สูงกว่าปกติ เกิดการคลั่งขอของเสีย ค่าปกติอยู่ที่ 0.73-1.18 mg/dL
-Phosphorus 7.8 mg/dL สูงกว่าปกติ อาจเป็นผลมาจากโรคของกระดูก ค่าปกติอยู่ที่ 2.3-4.7 mg/dL
-CO2 18.9 mmol/L ต่ำกว่าปกติ อาจมีอาการท้องเสีย ค่าปกติอยู่ที่ 22-29 mmol/L
-Albumin 2.8 g/dL ต่ำกว่าปกติ อาจเกิดจากโรคเกี่ยวกับตับ ค่าปกติอยู่ที่ 3.5-5.2 g/dL
-Globulin 3.6 g/dL สูงกว่าปกติ ร่างกาย อาจเกิดการติดเชื้อจากสารพิษของตัวพยาธิ ค่าปกติอยู่ที่ 2.7-3.5 g/dL
-eGFR 4.23 mL/min/1.73m2 มีภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
ข้อวินิฉัย
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการพลัดตก
หกล้ม
ข้อมูลสนับสนุน
-การกรองของเสียลดลงเนื่องจากไตทำงานไม่ดี
-ของเสียคั่งภายในร่างกาย
-ผู้ป่วยมีภาวะซีดจนเกิดอาการอ่อนเพลีย
-ผู้ป่วยมีผ้าผูกบริเวณมือเนื่องจากมีอาการสับสนจากของเสียคั่ง
-ค่า Fall score = 5
เพศ=1 คะแนน ไม่สามารถลุกขึ้น/ยืนได้หากไม่มีอุปกรณ์หรือคนช่วย=4คะแนน
-ผลข้างเคียงของยาที่ได้รับ มีอาการหน้ามืด
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่ได้รับอันตรายจาก
การพลัดตกหกล้ม
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยไม่มีแผลตามตัว
ผู้ป่วยไม่พลัดตกหกล้ม
ค่าFall score <5
ผู้ป่วยไม่มีอาการสับสน
กิจกรรมทางการพยาบาล
-ประเมินค่าFall score ทุกวัน ปฎิบัติตาม IPD strict Fall Precautions
-ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้งหลังให้การพยาบาลและเมื่อผู้ป่วยอยู่ลำพัง
-ตรวจสอบความแข็งแรงของไม้กั้นเตียง ให้มั่นคงต่อการจับของผู้ป่วยขณะลุกขึ้นหรือตะแคงตัว
-ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ตรวจเยี่ยมผู้ป่วยอย่างน้อยทุก2ชม. เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของผู้ป่วย
-ติดป้ายสัญลักษณ์ Fall precautions ที่เตียงผู้ป่วย
-ติดสติกเกอร์สีเหลือง Fall precautions ที่แฟ้มผู้ป่วย
-สังเกตความผิดปกติทางด้านการรับรู้ การตอบสนอง การตัดสินใจ ของผู้ป่วย
-จัดวางของใช้ของผู้ป่วยให้หยิบจับง่าย มีแสงสว่างในการหยิบจับเพียงพอ
-ช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวัน
-ศึกษาผลข้างเคียงของยาที่ผู้ป่วยได้รับ ยาที่ลดความดันโลหิต ยาขับปัสสาวะ ที่ส่งผลต่ออาการง่วงซึม และกล่อมประสาทของผู้ป่วย
-ติดตามการฟอกไตของผู้ป่วยเพื่อประเมินการขับของเสียออกจากร่างกาย
-ติดตามผลทางห้องปฎิบัติการ Hb. , Hematocrit , RBC เพื่อประเมินภาวะซีด
การประเมินผลทางการพยาบาล
ผู้ป่วยไม่มีแผลตามตัว
ผู้ป่วยไม่พลัดตกหกล้ม 04/01/65
ค่าFall score =5
ผู้ป่วยไม่มีอาการสับสน 04/01/65
ผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด 05/01/65
ผู้ป่วยมีภาวะซีด เนื่องจากการทำงานของฮอร์โมนErythropoietin ลดลง จากภาวะไตวายเรื้อรัง
ข้อมูลสนับสนุน
-ผู้ป่วยมีอาการง่วงซึมเล็กน้อย
-ผู้ป่วยมีการขยับร่างกายช้า
-Capillary refilling time >2 seconds
-การไหลเวียนเลือดของเส้นเลือดฝอยไม่ดี
-ผิวหนังของผู้ป่วยมีลักษณะ Purpura
-ผู้ป่วยมีGI bleeding ในช่องท้อง
-ผลจากห้องปฎิบัติการ 4/1/65
-ค่า RBC เท่ากับ 2.93 มีค่าต่ำกว่าปกติ
-ค่า Hct เท่ากับ 25.2 มีค่าต่ำกว่าปกติ
-ค่า Hemogolobin เท่ากับ 8.1 มีค่าต่ำกว่าปกติ
-ค่าPT. 15.2 sec. มีค่าสูงกว่าปกติ
-ค่า APTT 33.1 secมีค่าสูงกว่าปกติ
-ค่าINT 1.31 sec. มีค่าสูงกว่าปกติ (04/01/65)
เกณฑ์การประเมิน
-ผู้ป่วยไม่มีอาการง่วงซึม
-ผู้ป่วยขยับร่างกายได้มากขึ้น
-ผิวหนังของผู้ป่วยมีลักษณะ Purpura ลดลง
-ค่า RBC อยู่ในเกณฑ์ปกติคือ 4.03-5.55
-ค่า Hctอยู่ในเกณฑ์ปกติ 36.8-46.6%
-ค่า Hemoglobin อยู่ในเกณฑ์ปกติ 12.8-16.1
-ค่า PT ลดลงจาก15.2 sec. ค่าINR ลดลงจาก1.31
ค่าAPTT ลดลงจาก 33.1
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยมีภาวะซีดลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ตรวจวัดสัญญาณชีพทุก 4-6 ชม.โดยเฉพาะอัตราการหายใจ เพื่อประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
2.ประเมิน สังเกตอาการผิดปกติที่เกิดจากภาวะซีด ได้แก่ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ง่วงซึม Capillary refilling time 2วินาที
3.ประเมินความสามารถในการทำกิจกรรมที่ต้องทำ เช่น การขยับร่างกายขณะรับประทานอาหาร
4.ดูแลให้เลือดตามแผนการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยมีจำนวนเม็ดเลือดแดงเพียงพอที่สามารถแลกเปลี่ยน O2
5.สังเกตอาการ หนาวสั่น ตัวเย็น ของผู้ป่วย
ติดตามผลจากห้องปฎิบัติการ ค่า Hct RBC Hemoglobin เพื่อประเมินภาวะซีด
6.ดูแลให้ได้รับยา Folic acid 5mg. ตามแผนการรักษาของแพทย์เพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด ให้เพียงพอสามารถแลกเปลี่ยนO2 เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายขณะให้เลือด หลังให้เลือด
การประเมินผลทางการพยาบาล
-ผู้ป่วยมีอาการง่วงซึมน้อยลง
-ผู้ป่วยขยับร่างกายได้มากขึ้น
-Capillary refilling time=3 seconds
-ผิวหนังของผู้ป่วยมีลักษณะ Purpura ลดลง
-ค่า RBC เท่ากับ 2.93 10^6/uL ซึ่งไม่ยังไม่อยู่ในเกณฑ์ปกติ เกฌฑ์ปกติคือ 4.03-5.55
-ค่า Hct เท่ากับ 28.7 % ซึ่งไม่ยังไม่อยู่ในเกณฑ์ปกติ เกฌฑ์ปกติคือ 38.2-48.3 (05/01/65)
-ค่า Hemoglobin เท่ากับ 8.1 g/dL ซึ่งไม่ยังไม่อยู่ในเกณฑ์ปกติ เกฌฑ์ปกติคือ 12.8-16.1
-ค่า PT INR APTT ยังไม่ทราบ
มีภาวะของเสียคั่งในร่างกายเนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานของไตลดลง
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด (05/01/65)
มีอาการคันตามตัว
ค่าBun= 100.6 mg/dL
ค่า Creatinine = 11.61 mg/dL
ค่าAlbumin 2.8 g/dL
ค่าPhosphorus =7.8 mg/dL
ขาผู้ป่วยมีลักษณะแห้ง บวมเล็กน้อย
กดบุ๋ม 2+
ค่า GFR =4.23 mL/min/1.73m2(04/01/65)
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดอันตรายจากของเสียคั่งในร่างกาย
เกณฑ์การประเมินผล
-ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการล้างไต
-ไม่มีอาการของเสียคั่งในร่างกาย เช่นคันตามตัว
-ผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิดน้อยลง
-ค่า Bun ลดลงจาก 100.6 mg./dL
-ค่า Creatinine ลดลงจาก 11.61 mg/dL
-ค่าAlbumin =3.5-5.2 g/dL
-ค่า Phosphorus = 2.3-4.7 mg/dL
-ค่า GFR อยู่ในช่วงของไม่ต่ำกว่า 15mL/min/1.73m2
กิจกรรมการพยาบาล
1.ก่อนการฟอกเลือด
วันที่04/05/65
1.ตรวจหาภาวะบวมโดยการทำ Pitting edema
2.ประเมินVital signs ก่อนผู้ป่วยไปฟอกเลือด
3.ประเมินสภาพทั่วไปของผิวหนัง
4.ประเมิน neck vein engorgement สังเกตเเผลบริเวณที่ on Double lumen catheter บริเวณเส้นเลือดดำที่คอ (Jugular vein) มีอาการ บวม แดง น้ำเหลือง หรือเลือดไหลออกมาจากบริเวณที่เส้นฟอกเลือดหรือไม่
5.ให้ผู้ป่วยรับสารอาหาร สารน้ำ ยา ตามแผนการรักษาของแพทย์
เช่น ความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง Hb 8.8 g/dL
7.ตรวจสอบประวัติการเจ็บป่วยและโรคที่พบร่วม
-Cesoline w 25 MG. Tab.
เช้า กลางวัน เย็น
9.ขณะที่ผู้ป่วยมาถึงห้องรับรองผู้ป่วยก่อนฟอกเลือด
-วัดV/Sของผู้ป่วยซ้ำก่อนฟอกเลือด
-ก่อนการฟอกไต ตรวจสอบว่าสายสามารถใช้งานได้ไหม
-ต่อสายฟอกเลือดกับเครื่องโดยมีสายของเลือดที่ออกไปฟอก และสายเข้าของเลือดที่ฟอกแล้วเข้าสู่ร่างกาย
Hydralazine HCL25 MG. Tab.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ดวันละ3 ครั้ง หลังอาหาร
6.ตรวจสอบค่าLabก่อนผู้ป่วยไปทำการฟอกเลือด
Hematocrit 27.6 % RBC 3.19 (04/01/65)
8.การลดยาลดความดันโลหิตของผู้ป่วย เนื่องจากภายหลังการฟอกเลือด จะยิ่งทำให้ความดันโลหิตต่ำ
2.ขณะฟอกเลือด
04/01/65
1.ประเมินอาการผิดปกติภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่อาจเกิดขึ้นขณะฟอกเลือด หากเกิดภาวะแทรกซ้อนเกินกว่าที่พยาบาลจะแก้ไขได้ตามบทบาท รายงานแพทย์และแก้ไขภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวตามแผนการรักษา
ติดตามการทำงานของเครื่องฟอกไต สังเกตประเมินเส้นเลือดที่ใช้ในการฟอกเลือด
วัด V/S ทุกๆ30-60นาที หรือถี่กว่านั้นตามความจำเป็นของผู้ป่วย
ให้คำปรึกษากับผู้ป่วยตามกรณีที่ต้องการ ให้คำแนะนำในการปฎิบัติตัวในสิ่งที่ประเมินได้ว่าผิดปกติ
บันทึกข้อมูลการฟอกเลือดของผู้ป่วย
3.หลังฟอกเลือด
04/01/65
1.ประเมินสภาพของผู้ป่วย อาการที่ผิดปกติ ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ อาการอ่อนเพลีย หลังจากฟอกเลือด แจ้งผู้ป่วยหากมีอาการผิดปกติ แจ้งพยาบาลให้ทราบ
2.ประเมินระดับความรู้สึกตัว อาการปวดบริเวณคอ ผู้ป่วยรู้สึกปวด pain score =2
3.วัดV/S หลังจากการฟอกเลือด
ประเมินเส้นเลือดบริเวณที่ใช้ในการฟอกเลือด อาการที่ผิดปกติ 15นาที 1ชม. และ4ชม.ตามลำดับ
คลำการสั่นของเส้น (Thrill) ถ้าพบว่าการสั่นเบาลงหรือคลำไม่พบกรุณาพบแพทย์
6.ให้คำปรึกษาผู้ป่วยตามกรณีที่ต้องการ สรุปปฎิบัติการฟอกเลือดของผู้ป่วยลงแฟ้มประวัติของผู้ป่วย
7.ดูแลความสะอาดของแผลด้วยหลัก Sterile technique หลังการฟอกเสร็จ
8.ระมัดระวังเรื่องการกระแทกบริเวณเส้นเลือดที่ฟอกเลือดขณะให้การพยาบาล
3.บันทึกIntake output ทุกๆ8ชม.
4.ประเมินว่าผู้ป่วยมีสภาวะบวมน้ำหรือไม่ โดยตรวจpitting edema บริเวณเท้าผู้ป่วย มีลักษณะกดบุ๋ม2+ รอยบุ๋มหายไปใน15วินาที
5.สังเกตอาการคันตามผิวหนังของผู้ป่วย
6.ดูแลให้ได้รับสารอาหารอ่อน ลดเค็ม เพื่อลดอาการของเสียคั่งในร่างกาย
7.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนเพียงพอ ลดการรบกวนผู้ป่วยหากไม่จำเป็น เพื่อช่วยให้ไตได้พักลดขบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายซึ่งจะมีการลดลงของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญของสารอาหาร
8.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Furosemide 500 mg.Tab.
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า เพื่อขับปัสสาวะระบายของเสียออกจากร่างกาย
9.ติดตามผลตรวจทางห้องปฎิบัติการ
ค่า Bun , Creatinine, Albumin ,Phosphorus
ติดตามค่าGFRของผู้ป่วย
การประเมินผล
-หลังจากกลับมาจากฟอกไตผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ไม่สับสน
-อาการคันตามตัวของผู้ป่วยลดลง
-ไม่เกิภาวะแทรกซ้อนขณะฟอกไต
-ยังไม่ทราบผลLab
ผู้ป่วยมีภาวะติดเชื้อในร่างกาย
ข้อมูลสนับสนุน
-ผู้ป่วยมีอายุที่มาก ภูมิคุ้มกันต่ำลง
-ผู้ป่วยมีอาการหนาวสั่นตลอดเวลา
-บริเวณผิวหนังผู้ป่วยมีแผลทั่วตัวและมีจ้ำเลือด
ค่า PT = 15.2sec. มีค่าสูงกว่าปกติ (05/01/65)
-ค่าNeutrophil 76.8% มีค่าสูงกว่าปกติ (04/01/65)
-ค่าLymphocyte 8.9%มีค่าต่ำกว่าปกติ
-ค่าHct 27.6% มีค่าต่ำกว่าปกติ
-อุณหภูมิร่างกาย 37.5 องศาเซลเซียส
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่มีภาวะติดเชื้อ
เกณฑ์การประเมินผล
-อุณหภูมิร่างกายอยู่ระหว่าง 36.4-37.4 องศาเซลเซียส
-ค่าความดันโลหิตอยู่ระหว่าง 120-129 mmHg และ 80-84 mmHg
-อัตราการเต้นของหัวใจ 60-100 ครั้งต่อนาที
-อัตราการหายใจ 12-22 ครั้งต่อนาที
-ค่า O2 sat มากกว่า 95%
-มีอาการหนาวสั่นลดลง
-ค่าNeutrophil อยู่ระหว่าง 48.2-71.2%
-ค่าLymphocyte อยู่ระหว่าง 21.1-42.7%
-ค่าHct อยู่ระหว่าง 36.8-46.6%
กิจกรรมการพยาบาล
1.ตรวจสอบและบันทึกสัญญาณชีพ อาการแสดงทุกๆ4ชม. โดยเฉพาะค่าBT ซึงบ่งบอกถึงภาวะติดเชื้อในร่างกายหากอุณหภูมิสูง
2.ติดตามผลตรวจทางห้องปฎิบัติการ Neutrophil Lymphocyte Hct
3.Record I/O ทุก8ชม. เพื่อประเมินการทำงานของไต
4.ลดปัจจัยส่งเสริมให้ผู้ป่วยเกิดภาวะติดเชื้อลดลง ใช้เทคนิค Aseptic technique และ Universal Precaution ในการทำหัตถการ และดูแลความสะอาดสิ่งแวดล้อม
5.ดูเเลเเผลบริเวณที่ on Double lumen catheter บริเวณเส้นเลือดดำที่คอ (Jugular vein) ตามหลัก sterile technique
6.ประเมินแผลทั่วตัวผู้ป่วยที่เป็นช่องทางของการติดเชื้อเข้าไปในร่างกาย
7.ดูแลผู้ป่วยให้ร่างกายอบอุ่น (Keep warm)
8.ประเมินความเสี่ยงที่มีภาวะติดเชื้อในร่างกายหลังให้การพยาบาล
การประเมินผลทางการพยาบาล
1.อุณหภูมิร่างกาย 37.1 องศาเซลเซียส ความดันโลหิต 134/99 มิลลิเมตรปรอท
อัตราการหายใจ 18 ครั้งต่อนาที อัตราการเต้นของหัวใจ 98 ครั้ง/นาที O2 sat เท่ากับ 99% pain score =2
2.ผู้ป่วยมีอาการหนาวสั่นลดลง
3.ค่า Hct 28.7 %(5/1/65) ต่ำกว่าค่าปกติ ซึ่งค่าปกติอยู่ระหว่าง 36.8-46.6%
ผู้ป่วยพร่องความรู้ในการดูแลตัวเองจากการล้างไตแบบ CAPD
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยบอกว่า ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการทำ CAPD
ผู้ป่วยอายุ 59 ปี ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่มีเพียงแต่พี่สาวดูแล
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้ในกาดูแลตัวเองหลังจากการล้างไตแบบ CAPD
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับการทำ CAPD
ญาติมีความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยที่ทำ CAPD
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินความรู้ของผู้ป่วย โดยการถามเกี่ยวกับการทำ CAPD และการดูแลตนเองหลังจากการทำ