Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบย่อยอาหาร (Digestive system) - Coggle Diagram
ระบบย่อยอาหาร (Digestive system)
อวัยวะเสริมในการย่อย (Accessory digestive organs)
ฟัน (Teeth)
ตัวฟัน (Crown)
คอฟัน (Neck)
รากฟัน (Root)
หน้าที่
ช่วยในการทําเสียงเวลําพดู
ช่วยรักษาขนาดและรูปร่างของขากรรไกร
ช่วยในการเคี้ยวอาหารและบดอาหาร
ฟันในคน มี 2 ชุด เรียก dentation
ฟันน้ำนม (Deciduous teeth) เป็นฟันชุดแรกมี 20 ซี่ เริ่มงอกอายุประมาณ 6 เดือน
ฟันน้ำนม(deciduousteeth):รูปร่างของส่วนcrownของ ฟันบน และฟันล่าง, อํายุที่ฟันงอก
ฟันชุดที่ 2 ฟันแท้ (Permanent teeth) มีจํานวน 32 ซี่เริ่มงอกอายุประมาณ 6 ปี
ฟันแท้ (permanent teeth): รูปร่างของส่วน crown ของฟันบนและฟันล่าง, อํายุที่ฟันงอก
ต่อมน้ำลาย(salivaryglands)
มีหน้าที่สร้างน้ำลาย(saliva)และถูกขับออกมาเข้าไปในช่องปาก
แบ่งออกเป็น2กลุ่มใหญ่ๆ
Minor salivary glands
Major salivary glands
ลิ้น (Tongue)
ทําหน้าที่คลุก เคล้าอาหาร ช่วยในการกลืน และช่วยในการออกเสียง
รับรสอาหารชนิดต่างๆได้โดยมต่อมรับรส (Taste bud)
กล้ามเนื้อของลิ้น
Extrinsicmusclesoftongueได้แก่กล้ามเนื้อที่มีจุดเกาะต้นจากที่อื่นนอกลิ้นและ มาเกาะเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของลิ้นได้แก่
Genioglossus
Hyoglossus
Styloglossus
Palatoglossus
Intrinsic muscles of tongue ได้แก่ กล้ามเนื้อที่มีต้นกําเนิดและเกาะที่เนื้อเยื่อเกียวพันภายในลิ้นกล้ามเนื้อเหล่านี้มี การเรียงตัว 3 แนว ได้แก่
longitudinal (superior & inferior
transverse
vertical muscles
intrinsic muscles ถูกเลี้ยงด้วย hypoglossal nerve
ตับ (Liver)
ตั้งอยู่บริเวณชายโครงขวา (rib 5-10) และมีกะบังลมคลุมอยู่ยื่นผ่านแนวกลางลําตัวไปทางด้านซ้าย
Ligaments/Peritoneal Attachments of the Liver
Coronary ligament
ยึดผิวด้านบนของตับไว้กับกะบังลม
Falciform ligament
ยึดผิวด้านหน้าของตับไว้กับกะบังลมและผนังหน้าท้อง
Round ligament of liver (ligamentum teres hepatis)
ยึดระหว่างตับกับสะดือซึ่งเป็นส่วนเหลือของ umbilical vein ในตัวอ่อน
Lesser omentum
ยึดขั้วตับไว้กับกระเพาะอาหารและลําไส้เล็กส่วนต้น
Hepatogastric ligament
Hepatoduodinal ligament
ลักษณะภายนอกของตับ
ลักษณะภายนอกของตับ
Left and Right lobe
Caudate and Quadrate
ลักษณะทางจุลกายวิภาคของตับ
เนื้อตับประกอบด้วยหน่วยโครงสร้างพื้นฐานเรียกว่าhepaticlobule
ประกอบด้วยCentralveinเป็นจุดศูนย์กลาง
ตรงมุมหกเหลี่ยมมีโครงสร้าง เรียกว่า portal triad
ภายในตับประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนิด
1.Livercellหรือhepatocytesทําหน้ําที่สร้างน้ำดีและขับออกที่ช่องแคบๆเรียก bile
canaliculi
2.Kuffercellบุอยู่ในsinusoidทําหน้าที่เก็บกินเม็ดเลืยดแดงที่หมดอายุและแบคทีรียที่ปนมากับเลือด
หน้าที่ของตับ
ช่วยเผาผลาญสารอาหารต่างๆ
กําจัดและทําลายพิษของยาและฮอร์โมนบางชนิดเช่นpenicillin,estrogrn,
thyroxine
สร้างน้ำดีขับออกสู่ลําไส้เล็กสําหรับย่อยและดูดซึมสารอาหารพวกไขมัน
เก็บสะสมอาหารเช่นglucoseไว้ในรูปของglycogenและเป็นแหล่งสะสมธาตุ
เหล็ก และทองแดง วิตามิน A, D, B12
สร้างเม็ดเลือดแดงในทารก
สลายHBของเม็ดเลือดแดงให้เป็นโกลบินและฮีม
สร้างสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด
สร้างโปรตีน เช่น โปรทรอมบิน ไฟบริโนเจน อัลบูมิน
สังเคราะห์กรดอะมิโน
ถุงน้ำดี (Gallbladder)
วางตัวอยู่ตามขอบข้างขวาของ quadrate lobe ทําหน้าท่ีทําให้น้ำดีที่คัดหลั่งจากตับเข้มข้นขึ้นเพื่อปล่อยลงสู่ลําไส้เล็กทาง common bile duct
มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง4ซม.
มีความยาวประมาณ 7-10 ซม
มีความจุถึง30-60มล.
ถุงน้ำดีแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
Fundus
Body
Neck
ระบบทางเดินน้ำดี
Common hepatic duct
Cystic duct
Common bile duct
วางตัวอยู่ในกระดูกสันหลังระดับ L1-L2 ทําหน้าที่
สร้างน้ำย่อย(pancreaticjuice)
สร้าง glucagon และ insulin
ตับอ่อน (Pancreas)
วางตัวอยู่ในกระดูกสันหลัง ระดบั L1-L2 ทําหน้าที่
สร้างน้ำย่อย(pancreaticjuice)
สร้าง glucagon และ insulin
แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
Head
Body
Tail
ท่อของตับอ่อน
Main pancreatic duct ไปรวมกับ common bile duct รวมเป็ น hepatopancreatic ampullaแล้วเปิดเข้าสู่ลําไส้เล็กทางMajorduodenalpapilla
ccessorypancreaticductเปิดเข้าสู่ลําไส้เล็กทางMinorduodenalpapilla
จุลกายวิภาคของตับอ่อน
เนื้อต่อม1%เป็นPancreaticislets(isletsofLangerhans)
สร้าง glucagon, insulin
-เนื้อต่อมส่วนที่เหลือเป็น Acinicell ทําหน้าท่ีสร้างน้ำย่อยของตับอ่อน(Pancreatic Juice) ประกอบด้วย
โซเดยีมไบคําร์บอเนต(NaHCO3)
น้ำย่อยอะไมเลส(Amylase)
น้ำย่อยลิเพส(Lipase)
เส้นเลือดที่มาเลี้ยงอวัยวะทางเดินอาหาร
ท่อทางเดินอาหาร (gastrointestinal tract or alimentary canal)
ปาก (Mouth)
ช่องปาก (The Mouth, Oral Cavity)
โครงสร้างของผนังท่อทางเดินอาหาร
ช้ันเยื่อเมือก(Mucosa)
ช้ันใต้เยื่อเมือก(Submucosa)
ช้ันกล้ามเนื้อเรียบ
(Muscularis externa)
Serosa(Adventitia)
คอหอย (Pharynx)
Nasopharynx
Oropharynx
Laryngopharynx
หน้าที่ของคอหอย
ช่วยในการทําให้เกิดเสียง
เป็นทํางผ่านของอาหารจากปาก
ไปสู่หลอดอาหาร
หลอดอาหาร (Esophagus)
ยาวประมาณ 10-12 นิ้ว
เริ่มจากปลาย laryngopharynx และลอดผ่านกะบังลมทางรูเปิดท่ีเรียกว่า esophageal hiatusสิ้นสุดโดยเปิดเข้าสู่ส่วนบนของกระเพาะอาหาร
หน้าที่ของหลอดอาหาร
เป็นทางผ่านของอาหารท่ีเคี้ยวแล้ว โดยการบีบตัวเป็นคลื่น ของหลอดอาหารทำให้ส่งอาหารไปสู่กระเพาะอาหารโดยการกระตุ้นของ เส้นประสาทสมองคู่ที่ 10
ตําแหน่งที่เป็นรอยคอดของหลอดอาหาร (esophageal constriction)
Middle esophageal constriction
(Broncho-aortic constriction)
Lower esophageal constriction
(Diaphragmatic constriction)
Upper esophageal constriction
(Cervical constriction)
กายวิภาคหูรูดหลอดอาหาร
ป้องกันอาหารที่ลงมาไหลย้อนกลับ
กระเพาะอาหาร (Stomach)
กระเพาะอาหาร แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่
Cardiaเป็นส่วนต่อมาจากหลอดอาหาร
Fundusเป็นส่วนโค้งด้านบนสุดของกระเพาะอาหาร
Body เป็นส่วนกลางของกระเพาะอาหาร
Pylolusเป็นส่วนปลายของกระเพาะอาหารก่อนเข้า ลำไส้เล็กส่วนต้น
หน้าที่ของกระเพาะอาหาร
1.เป็นที่พักและกักเก็บอาหาร
2.สร้างเอนไซม์และขับน้ำย่อย(Gastricjuice)
คลุกเคล้าอาหารให้ผสมน้ำย่อย
ผนังของกระเพาะอาหาร
เกี่ยวข้องผลิตน้ำย่อยออกมา
Gastric gland proper
Surface lining cell
Regenerative cell
Mucous neck cell
Oxyntic (parietal) cell
Zymogentic (chief) cell
Enteroendocrine cell (DNES cell;APUD cell
ลําไส้เล็ก (Small Intestine)
เริ่มตั้งแต่ pyloric sphincter ไปจนถึง ileocaecalvalveจึงเปิดเข้าสู่ลําไส้ใหญ่
ลําไส้เล็กแบ่งเป็น 3 ส่วน
ลําไส้เล็กส่วนต้น(Duodenum)
ลําไส้เล็กส่วนกลาง(Jejunum)
ลําไส้เล็กส่วนปลาย(Ileum)
ผนังของลําไส้เล็กมี4ช้ัน
Mucosa พบ
globelt cell, Villi, หลอดน้ำเหลืองLacteal, Intestinal crypt
Submucosa
Muscularis
Serosa
ลําไส้เล็กส่วนต้น(Duodenum)
ยาวประมาณ 10 นิ้ว
เร่ิมจาก pyloric sphincter ไปจนถึง
duodenojejunal flexure
ไม่มีเยื่อ แขวนลําไส้
ลําไส้เล็กส่วนกลาง(Jejunum)
ยาวประมาณ 8 ฟุต
มีการดูดซึมไขมัน และB12มาก
ลําไส้เล็กส่วนปลาย(Ileum)
ยาวประมาณ12ฟุตเป็นส่วนที่มีการดูดซึมมากที่สุดติดต่อกับลําไส้ใหญ่ ส่วนต้น บริเวณ ileocaecal vavle
การเพิ่มพื้นผิวในการดูดซึมของลําไส้เล็ก
ความยาว
Plicacirculares
Villi
หน้าที่ของลําไส้เล็ก
หลั่งน้ำย่อย
. เคลื่อนไหวเพื่อคลุกเคล้าอาหารให้ผสมกับน้ำย่อยต่างๆ และทําให้อาหาร
เคลื่อนที่ไปตามท่อของลําไส้เล็ก
ลําไส้ใหญ่ (Large Intestine)
ยาวประมาณ 1.5 เมตร
เริ่มตั้งแต่ลําไส้ใหญ่ส่วน Cecumไปจนถึง Anus
ลําไส้ใหญ่แบ่งได้ดังนี้ คือ
Cecum
Colon
Rectum
ต่อจาก Sigmoid colon เร่ิมต้นจาก S3 รูปร่างโค้งตามความโค้งของ sacrum และ coccyx ส่วนปลํายสุดจะหักขึ้นไปด้านหลังและลงข้างล่างแคบเป็น anal canal ทํางาน ด้านล่างของ rectum ในผู้ชายอยู่หลังต่อมลูกหมากในผู้หญิงอย่หลัง Vagina
Ascending colon
Transverse colon
Descending colon
Sigmoid colon
Ileocecal vale
Vermiform appendix
Anal canel
Internal anal sphincter (smooth muscle)
External anal sphincter (skeletal muscle)
ผนังของลําไส้ใหญ่ มี 4 ช้ัน
Mucosa ไม่มี villi และ มี goblet cells จํานวนมาก
Submucosa
Muscul aris พบ taeniae coli แรงตึงตัวทำให้ เกิดhau stra
Serosa ผนังนี้มีไขมันมาสะสมเป็นติ่งไขมันเรียกว่า epiploic appendag
หน้าท่ีของลําไส้ใหญ่
ดูดน้ําและสารละลายบางอย่างกลับเข้าสู่ร่างกาย เพื่อให้เกิดความสมดุล
ระหว่างน้ำกับสารละลายภายในร่างกาย
ขับถ่ายกากเหลือจากการย่อยอาหาร
เยื่อบุช่องท้อง (Peritoneum)
ช้ันนอก (Parietal peritoneum) คือเยื่อบุช่องท้องท่ีติด กับผนังช่องท้องด้านใน
ช้ันใน (Visceral peritoneum) คือ เยื่อบุช่องท้องส่วนหุ้มอวัยวะต่างๆในช่องท้อง
มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป
การจัดเรียงตัวของเยื่อบุช่องท้อง
Peritoneal cavity ประกอบด้วย greater sac และ lesser sac (omentum bursa)
เยื่อบุช่องท้องในเพศหญิงพบแอ่ง เรียกว่า retoutering pouch และเกิดแอ่งเรียก uterovesical pouch
ทวารหนัก (Anus)