Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

The Immune System, image, image, image, image, image - Coggle Diagram

- - - - กลุ่มโปรตีนในเลือดทำปฏิกิริยากันเองเมื่อถูกกระตุ้น
      - ให้โปรตีนและเอนไซม์ เกิดการทำลายเซลล์และจุลินทรีย์ที่เป็นโรค
      - มีหน้าที่ ย่อยสลายจุลินทรีย์ที่เป็นเชื้อโรค, ทำให้ฤทธิ์ของไวรัสเป็นกลาง, ช่วยในกระบวนการ phagocytosis, ทำลายเยื่อหุ้มเซลล์
- - - - Azurophilic granules WBC ทำหน้าที่คล้าย lysosomes
      - Specific granules บางชนิด
    - - 1.Granulocytes : นิวเคลียสแบ่งเป็นหลาย lobe, cytoplasm มี specific granules ได้แก่
        
        Neutrophils
        
        Cytoplasm : น้อย ที specific granules ขนาดเล็ก ติดสีชมพู
        
        ลักษณะนิวเคลียส : มี 3-5 lobeภายในมี heterochromatin บรรจุอยู่
        
        หน้าที่ : ด่านแรกในการต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกายโดยการกินเชื้อ
        
        ตำแหน่งที่พบ : พบได้ทั้งในเลือด กระจายทั่วไปใน connective tissue
        
        Basophils
        
        Cytoplasm : พบ specific granules ขนาดใหญ่ ติดสีม่วงเข้ม
        
        หน้าที่ : ระบบภูมิแพ้
        
        ตำแหน่งที่พบ : ในเลือดและบริเวณที่มีการอักเสบ
        
        ลักษณะนิวเคลียส : มี 3 lobe
        
        Eosinophils
        
        ลักษณะนิวเคลียส : มี 2 lobe
        
        Cytoplasm : มี specific granules ติดสีแดงส้ม
        
        หน้าที่ : คอยต่อสู้กับปรสิต เช่น พยาธิที่เข้าสู่ร่างกาย
        
        ตำแหน่งที่พบ : ในเลือด กระจายทั่วไปใน connective tissue
      - 2.Agranulocytes : cytoplasm ไม่มี specific granule มี azurophilic granules ได้แก่
        
        Lymphocytes
        
        ลักษณะนิวเคลียส : กลม ติดสีน้ำเงิน ภายในมี heterochromath บรรจุอยู่
        
        หน้าที่ : B-lymphocyte = plasma cell สร้างเซลล์คุ้มกัน
        
        ตำแหน่งที่พบ : Lymphocytes ในเลือด อวัยวะน้ำเหลือง
        
        Cytoplasm : น้อย ติดสีน้ำเงินอ่อน
        
        Monocytes
        
        ลักษณะนิวเคลียส : รูปไตหรือเกือกม้า eccentric nucleus
        
        Cytoplasm : มาก ติดสีฟ้าอมเทา
        
        หน้าที่ : เก็บกินสิ่งแปลกปลอม
        
        ตำแหน่งที่พบ : พบเฉพาะในเลือด
- - - - humoral : antibody, interleukins, lymphokines humorol ทำงานโดยอาศัยแอนติบอดี
      - cell : macrophages, lymphokines
      - Antigen : สามารถไปกระตุ้น adaptive immunity ให้เกิดการตอบสนองของระบบนี้
        
        เป็นสิ่งแปลกปลอม ไม่พบในร่างกาย
        
        สารพิษจากเชื้อโรคหรือตัวเชื้อเอง บางส่วนจะมีแอนติเจนไปกระตุ้น เรียก antigenic determinant or epitope
        
        สิ่งแปลกปลอมไม่จำเป็นต้องเป็นอนติเจน แต่แอนติเจนต้องมีคุณสมบัติเป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย
      - ทำงานโดยอาศัยเซลล์หลายชนิดมาทำงานร่วมกัน มีบทบาทในการต้านเชื้อโรคจำพวก Intracellular, microorganisms, มะเร็ง
- - - - เกิดได้เร็วหลังจากได้รับสารแพ้
        
        สารแพ้ คือ House dust (ฝุ่น), pollen(เรณู), animal dander(รังแคสัตว์), microorganism(จุลินทรีย์), animal protein(โปรตีนจากสัตว์), antibiotic(ยาปฏิชีวนะ)
        
        ตัวอย่างโรค bronchial asthma, allergic, rhinitis, urticaria
    - - กลไกการทำลายเซลล์เนื้อเยื่อ เป็นชนิด IgG/IgM เมื่อจับไปถึงแอนติเจนที่เป็นเซลล์จะแตกในหลอดเลือด เรียก cytolytic reaction
        
        Goodpasture’s syndrome ทำให้เกิดอาการไตอักเสบ
        
        Autoimmune hemolytic anemia : เกิดจากร่างการสร้างแอนติบอดีต่อแอนติเจนบนเม็ดเลือดแดงของตัวเอง
    - - Ab เมื่อพบกับแอนติเจนจะจับแล้วรวมตัวเป็นก้อน ถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยการเก็บกินของเซลล์พวก Phagocyte
        สาเหตุการเกิด immune complex
        
        1.เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดโรคอ่อนๆ/หรือไม่แสดงอาการ กระตุ้นการสร้างแอนบอดีได้น้อย จึงเกิด immune complex ชนิดเรื้อรังเกาะตามอวัยวะต่างๆ
        2.ร่างกายสร้างแอนติบอดีไปทำปฏิกิริยาโดยตรง/ดดยอ้อมต่อแอนติเจนของตัวเอง เช่น โรค Systemic lupus erythematosus
        3.เกิดจากการหายใจเอาแอนติเจนเข้าไปในปอด เช่น สปอร์ของเชื้อรา เกสรดอกไม้ รังแคสัตว์ เช่นโรค Farmer’s lung disease
        4.เกิดจากการฉีด foreign protein 7-14 วันต่อมา เกิดอาการปัสสาวะเป็นเลือด มีผื่นแดงขึ้นที่ผิวหนัง
    - - เกิดหลังจาก 12 ชั่วโมง
        
        ไม่สามารถถ่ายทอดจากสัตว์ตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่งด้วยซีรั่ม
        
        สาเหตุ : การตอบสนองของร่างกายต่อแอนติเจนหลายชนิดทั้งแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา เกสรดอกไม้ พิษจากแมลง สารเคมี
        
        โรคTuberculin reaction เมื่อฉีดสารสกัด purified protein derivative(PPD) เข้าใต้ผิวหนังจะเกิดอาการบวมแดงแข็งภายใน 24-72 ชั่วโมง
        
        Contact dermatitis เกิดโดยใช้สารเคมีที่มีน้ำหนักดทเลกุลต่ำ เช่น picric acid
        
        ตัวอย่างแอนติเจนที่ทำให้เกิดอาการนี้ ได้แก่ เครื่องสำอาง ฟอกหนังสัตว์ในยางยืด ในยา เช่น sulfonamide โลหะnickle ยาฆ่าแมลงในกลุ่ม organophosphate
        
        Allograft rejection การปลูกถ่ายเนื้อเยื่อจากคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่ง
        
        Insect bite แมลงกัด/ต่อย เช่น ผึ้ง ตัวต่อ ทำให้เกิดอาการแพ้ชนิด type4 ได้