Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษา ภาวันกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ - Coggle Diagram
กรณีศึกษา ภาวันกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
ประวัติผู้ป่วย
ข้อมูลทั่วไป
ผู้ป่วยหญิง อายุ 65 ปี
น้ำหนัก 72 กก. ส่วนสูง 155 ซม.
สถานภาพ : หม้าย
ศาสนา : พุทธ
ระดับการศึกษา : ไม่ได้เรียน อ่านไม่ออก
อาชีพ : รับจ้างตัดผัก
เบี้ยผู้สูงอายุ : เดือนละ 600 บาท
ลักษะบ้าน : ชั้นเดียว
ข้อมูลภาวะการณ์เจ็บป่วย
โรคประจำตัว
โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension : HT)
โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus : DM)
ประวัติการใช้ยาและสารเสพติด
มีประวัติการใช้ยา Glipizide, Metformin, Enalapril, ASA enteric coated, Tramal
ไม่มีประวัติการใช้สารเสพติด
ประวัติการแพ้ยา/อาหาร
ไม่มีประวัติการแพ้ยา
ไม่มีประวัติการแพ้อาหาร
อาการ
ไอจามปัสสาวะเล็ดผู้สูงอายุจะมีอาการปัสสาวะเล็ดออก
มาเมื่อมีการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง
ปัสสาวะไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว
ปวดปัสสาวะรุนแรงแล้วปัสสาวะราดออกมา
ปัสสาวะเล็ดราดหลังการถ่ายปัสสาวะสุด
ปัสสาวะไหลซึมตลอดเวลา
ปัสสาวะไหลซึมเมื่อเปลี่ยนท่าทาง
ปัสสาวะรดที่นอน
การเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุ
ระบบต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ต่างๆ เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อมไทรอยด์และต่อมเพศ ตับอ่อน ฯลฯ
ทำงานน้อยลง
ผลิตฮอร์โมนน้อยลง
ตับอ่อนผลิตอินซูลินน้อยลง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ผู้สูงอายุจึงเป็นเบาหวานได้มาก
ระบบทางเดินปัสสาวะ
กล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะจะอ่อนกำลังลง ขนาดก็เล็กลงด้วย ทำให้มีการขับถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้น
เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติ คือ กระเพาะปัสสาวะบีบตัวขึ้นมาเองทั้งที่ปัสสาวะไม่เต็ม สาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบประสาท
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วกระเพาะปัสสาวะ
โรคเบาหวาน
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
วัยสูงอายุเป็นวัยที่กระดูกเปราะง่าย
คนไข้ถูกรถชนกระดูกหัก
บริเวณข้อต่างๆบางและเสื่อมลง
น้ำไขข้อลดลงการเคลื่อนไหวของข้อไม่สะดวกทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง
เนื่องจากมีการสลายตัวของแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น
ระบบการไหลเวียนของเลือด
ความยืดยุนของเส้นเลือดน้อยลง เนื่องจากมีการจับของแคลเซี่ยมตามผนังเส้นเลือดมากขึ้น
ผู้สูงอายุจึงมักมีความดันเลือดสูงขึ้นกว่าปกติได้
หลอดเลือดแดงแข็งและตีบ ทำให้มีแรงต้านทานการไหลเวียนของเลือด
ชนิดของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แบบชั่วคราว
(Tran-sient urinary incontinence)
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แบบเรื้อรัง
(Chronic urinary incontinence)
functional incontinence
เป็นภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ที่ทำให้ผู้สูงอายุมีความสามารถในการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะบกพร่อง
พยาธิสภาพ
ของโรคที่เกิดขึ้นมักไม่ได้มีผลโดยตรงต่ออวัยวะในระบบทางเดินปัสสาวะ แต่จะทำให้เกิดปัญหาในลักษณะคล้ายๆกลุ่มปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่แบบชั่วคราว เช่น เดินไปขับถ่ายปัสสาวะไม่สะดวก เพราะปวดเขาเนื่องจากเขาเสื่อม
urge incontinence
เป็นภาวะที่ผู้สูงอายุ เกิดอาการปวดปัสสาวะอย่างทันทีทันใด มีปัสสาวะเล็ดราดออกมา ไม่สามารถไปห้องน้ำได้ทันที
พยาธิสภาพ
เกิดขึ้นเนื่องจากกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติ (OAB: over active bladder) กระเพาะปัสสาวะบีบตัวขึ้นมาเองทั้งที่ปัสสาวะ ยังไม่เต็มสาเหตุ เนื่องจากมีความผิดปกติของระบบประสาท เช่น diabetes neuropathy, Alzheimer's disease, Parkinson's disease มักพบร่วมกับปัญหาาอื่น เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ท่อปัสสาวะอักเสบ เนื้องอกหรือนิ่วกระเพาะปัสสาวะ ถ้ามีเพียงอาการปวดปัสสาวะอย่างทันทีทันใดทำให้อยากเข้าห้องน้ำแต่ไม่มีปัสสาวะเล็ดราด เรียกว่า urgency
stress incontinence
เป็นภาวะที่มีปัสสาวะ
เล็ดราดออกมาเมื่อมีแรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น
พยาธิสภาพ
เนื่องจากแรงดันที่เพิ่มขึ้นในช่องท้องที่ลงมายังกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถถ่ายทอดลงสู่ท่อปัสสาวะได้จึงทำให้แรงดันในกระเพาะปัสสาวะสูงกว่าท่อปัสสาวะ ปัสสาวะจึงเล็ดราดออกมาส่วนใหญ่พบในเพศหญิง ซึ่งเกิดจากการหย่อนตัวของท่อปัสสาวะและคอกระเพาะปัสสาวะ (bladder neck)หรือมีความเสื่อมของท่อปัสสาวะ (intrinsic sphincterdeficiency: ISD)
overflow incontinence
เป็นภาวะที่มี
ปัสสาวะเล็ดออกมา
พยาธิสภาพ
เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะยืดขยาย(overdistension)มีน้ำปัสสาวะเต็มและล้นออกมาเกินกว่าจะเก็บไว้ได้ผู้สูงอายุจะมีอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะเล็ดหรือหยด (dribbling) ตลอดเวลา ไม่ค่อยรู้สึกอยากขับถ่ายปัสสาวะ ปัสสาวะสะดุดติดขัดไม่ค่อยออกต้องเบ่งขณะขับถ่ายปัสสาวะ มีปัสสาวะค้าง บางครั้งคล้ายกับ stress incontinence เพราะเมื่อแรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นจะทำให้ปัสสาวะที่มีอยู่เต็มไหลออกมาได้สาเหตุเกิดจากภาวะอุดตันต่อการไหลของปัสสาวะต่อมลูกหมากโต ท่อปัสสาวะตีบตัน หรือกระเพาะปัสสาวะบีบตัวน้อย
การตรวจรักษา
การประเมินภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
แบบประเมินประเมินภาวะสุขภาพ
ADLs
IADLs
MMSE
แบบประเมินภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
การซักประวัติและตรวจร่างกาย
การเปลี่ยนแปลงด้านสรีระวิทยาในวัยสูงอายุ
โรคที่เกิดขึ้นมาก่อน
เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลวจากการมีน้ำคั่ง ข้ออักเสบ ซึมเศร้า และความบกพร่องทางสติปัญญา
ยาที่รับประทาน
Opioid
ประวัติการมีปัสสาวะเล็ด
การทำ voiding diary
การตรวจร่างกาย
ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เพื่อตรวจสอบดัชนีมวลกาย
ตรวจหน้าท้องว่ามีก้อน มีบาดแผลผ่าตัด คลำกระเพาะปัสสาวะได้หรือไม่
ตรวจระบบประสาท เช่น การรับความรู้สึก การควบคุมและสั่งการ และการตรวจ reflex
ประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
ทดลองให้ผู้สูงอายุไอทั้งในท่านอนราบและท่ายืน เพื่อดูว่าปัสสาวะเล็ดราดหรือไม่
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจปัสสดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
ตรวจเลือดเพื่อประเมินระดับน้ำตาลในเลือดในการทำงานของไต
ประเมินปัสสาวะตกค้าง หลังการถ่ายปัสสาวะ pad test
การรักษา
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิต
ประจำวัน (lifestyle intervention)
การลดความอ้วนในผู้ป่วยที่มีนํ้าหนักตัวเกิน
การรับประทานอาหารที่มีกากใยร่วมกับฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลาเพื่อลดปัญหาท้องผูกจะมีส่วนช่วยลดความดันในช่องท้องซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของภาวะ stress incontinence
การไม่ดื่มนํ้ามากเกินไป (ในทางตรงกันข้ามถ้าดื่มนํ้าน้อยเกินไป ปัสสาวะที่เข้มข้นจะทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะปัสสาวะ และมีอาการปัสสาวะบ่อยได้) โดยทั่วไปหากผู้สูงอายุดื่มนํ้าไม่เกิน 1.9 ลิตรต่อวัน ไม่มีความจำเป็นให้จำกัดนํ้า
การงดยาที่เป็นสาเหตุของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้
การงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน
การใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปหรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่นกระบอกปัสสาวะชาย อุปกรณ์สอดใส่ ช่องคลอด (pessary)ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับการตัดสินใจร่วมกันกับผู้ป่วย
แบ่งตามชนิดของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้
Overflow incontinence
Double-voiding technique
พยายามถ่ายปัสสาวะ2 ครั้งเมื่อเข้าห้องนํ้าครั้งหนึ่ง โดยหลังถ่ายปัสสาวะครั้งแรก ให้นั่งพักประมาณ 2-10 นาทีหรือยืนขึ้น แล้วใช้มือดันท้องตนเองขึ้นมาหาคางก่อนจะนั่งลงพยายามถ่ายปัสสาวะอีกครั้ง
ก
ารผ่าตัด
เช่น การทำ urethral dilatation หรือurethrotomy ในรายที่สาเหตุเกิดจากการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง
การรักษาด้วยยา
ยาในกลุ่ม cholinergic agent เช่นBethanechol มีประโยชน์ในกลุ่มที่สาเหตุมาจากการที่กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไม่ดี
Crede maneuver
ใช้มือกดหน้าท้องตรงตำแหน่ง
ยอดกระเพาะปัสสาวะ เพื่อช่วยให้ปัสสาวะออกมาได้มากที่สุด
Functional incontinence
ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับสติปัญญา (cognition)ผู้ดูแลจะต้องคอยเตือนให้ผู้ป่วยไปเข้าห้องนํ้าทุก 2 ชั่วโมง ส่วนผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพังอาจใช้วิธีตั้งนาฬิกาเตือนให้ไปเข้าห้องน้ำ
ควรจัดสิ่งแวดล้อมให้ผู้ป่วยสามารถไปเข้าห้องนํ้าได้
โดยง่าย เช่น มีแสงไฟพอเหมาะ มีราวจับในห้องนํ้า เป็นต้น
Stress incontinence
การรักษาด้วยยา
เช่น การใช้ครีมเอสโตเจน ยากลุ่ม
alfa-2 agonist และ duloxetine เป็นต้น
การผ่าตัด
เป็นการรักษาที่ทำให้หายขาดได้ จะพิจารณา
ทำเมื่อการรักษาด้วยการรักษา ข้างต้นไม่ได้ผล
การฝึกขมิบกล้ามเนื้อฐานกระดูกเชิงกราน (pelvic
floor exercise หรือ kegel exercise)
เป็นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ช่วยลดภาวะ stress incontinenceอย่างได้ผลเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย พยาบาลวิชาชีพทั่วไปก็สามารถฝึกสอนผู้ป่วยได้
Urge incontinence
การฝึกกระเพาะปัสสาวะ (bladder training)
คือการเพิ่มระยะเวลาระหว่างการปัสสาวะในแต่ละครั้งทีละน้อย โดยเริ่มจาก 1 ชั่วโมง และค่อยๆ เพิ่มครั้งละ 15-30 นาทีต่อสัปดาห์จนได้ระยะเวลาระหว่างการปัสสาวะ 2-3 ชั่วโมง มีรายงานว่าสามารถลด urge incontinence ได้ถึงร้อยละ 57 เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
การรักษาด้วยยา
ยาในกลุ่ม anticholinergic
ซึ่งมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของ กระเพาะปัสสาวะ มีประโยชน์ในผู้ป่วยurge incontinence แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง ท้องผูก คลื่นไส้ ใจสั่น และอาจมีผลต่อสติปัญญา (cognition) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้ในผู้สูงอาย
ส่วนในผู้ป่วย stress incontinence
ยาในกลุ่ม
SNRI (serotonin and noradrenaline reuptake inhibitor)
ได้แก่ duloxitine สามารถลดภาวะปัสสาวะเล็ดได้ประมาณร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม เชื่อว่า SNRI เพิ่ม pudendal nerve activity ส่งผลให้หูรูดท่อปัสสาวะมีความแข็งแรง และปิดได้สนิทมากยิ่งขึ้น
การพยาบาล
ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม สะดวกต่อการขับถ่ายปัสสาวะ เช่น จัดเตียงนอนหรือบริเวณที่ผู้สูงอายุอยู่ให้ใกล้กับห้องน้ำ
จัดทำแบบบันทึกปัสสาวะ (diary voiding) บันทึกการขับถ่ายปัสสาวะ ให้ครอบคลุมทั้งปริมาณน้ำดื่ม จำนวน ความถี่ของปัสสาวะ ระยะเวลา และสภาวะที่กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
กระตุ้นให้ผู้สูงอายุบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยฝึกให้กระเพาะปัสสาวะสามารถกักเก็บน้ำปัสสาวะในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น
ผู้สูงอายุหญิงควรฝึกขมิบกล้ามเนื้อเชิงกราน ลักษณะคล้ายกับการกลั้นผายลม โดยทำการขมิบก้นและช่องคลอดค้างไว้ 5-10 วินาที ชุดหนึ่ง 3-5 ครั้ง วันละ 3 ชุด อย่างต่อเนื่อง
ปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต จัดการเกี่ยวกับปริมาณน้ำที่เข้าสู่ร่างกายกล่าวคือ ต้องหลีกเลี่ยงมิให้เกิดภาวะขาดน้ำแต่ต้องไม่ดื่มน้ำมากเกินไป หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์เพราะมีผลต่อภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
การสร้างเสริมพลังอำนาจให้กับผู้ป่วยกลั้นปัสสาวะไม่ได้ให้สามารถจะสามารถควบคุมการปัสสาวะได้ เช่น เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับสาเหตุ ปัญหา