Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

The Urinary system, นางสาวศิรภา ไม้สุพร เลขที่ 23 ห้อง1B, ที่มา, https…

- - - - สร้างน้ำปัสสาวะซึ่งเกิดจากการกรองเลือดที่ไต
      - ควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย
      - ควบคุมสมดุลของกรด-ด่างในร่างกาย
      - ควบคุมสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย
      - สังเคราะห์และหลั่งฮอร์โมนฮอร์โมนอิริโทรปอยด์ติน ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
      - การทำลายสารพิษ
        
        ช่วยกำจัดสารพิษในร่างกาย
        
        เปลี่ยนสารพิษบางชนิดให้เป็นสารที่มีพิษน้อยลง
      - ผลิตไวตามินดีที่ทำงานได้
        
        ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมอิออนที่ผนังลำไส้เล็ก
    - - Renal medulla
        
        อยู่รอบกรวยไต ผิวเรียบ ส่วนนอกมีสีน้ำตาลเข้ม
        
        ส่วนในที่ติดกับกรวยไตมีสีซีด มีหลอดไตขนาดเล็กเรียงตัวกันหนาแน่น
      - Renal cortex
        
        มีสีเหลื่องปนแดง เป็นบริเวณที่มีเลือดมาหล่อเลี้ยงมาก เป็นมีเส้นเลือดแดงฝอยมาจัดเรียงตัวเป็นกลุ่ม เรียก glomerulus
    - - เนื้อไตแต่ละข้างมีหน่วยย่อยเล็กๆ เรียก เนฟอรน (nephron) ทำหน้าที่ผลิตปัสสาวะ มี 2 ชนิด คือ
        
        Cortical nephrons เป็นเนฟอรนที่มีโกลเมอรูลัสในเนื้อไตส่วนนอกอยู่ใกล้กับเปลือกหุ้มไต
        
        Juxtamedullary nephrons เป็นเนฟอรนที่อยู่ใกล้เนื้อไตส่วนในหรือพบอยู่อยู่ใกล้กรวยไต
        
        Jg cell สร้างสาร renin
        
        ทำหน้าที่ตอบสนองเมื่อความดันเลือดลดลง
        
        ทั้ง 2 ชนิดนี้ทำหน้าที่สำคัญในการกรองเลือดและดูดซึมหรือขับสารบางอย่างเพื่อผลิตเป็นน้ำปัสสาวะเข้าสู้หลอดไต ส่วนที่ทำให้เกิดการกรองคือ renal corpuscle
      - เนฟอรน (nephron) แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
        
        Renal corpuscle
        
        เป็นกระจุกเส้นเลือดฝอยที่แตกมาจาก afferent arteriole มักเรียก glomerulus แทนคำว่า renal corpuscle
        
        ส่วนของBoman’s capsule เป็นส่วนของหลอดไต ลักษณะตัน มีรูปร่างคล้ายถ้วยทำหน้าที่ห่อหุ้มกระจุกเส้นเลือดฝอยไว้
        
        Renal tubule
        
        ประกอบด้วย
        
        ท่อไตส่วนต้น (proximal convoluted tubules)
        
        เป็นท่อยาว ขดไปมาต่อจาก Boman’s capsules พบมากในท่อไตส่วนนอก
        
        หน้าที่
        
        ดูดน้ำกลับจากน้ำเลือดที่กรองผ่านจากโกลเมอรูลัส
        
        สามารถขับสารบางอย่างจากหลอดไต เช่น ครีเอทีน ไอโอดีน
        
        สารอื่น เช่น โซเดียมคลอไรด์ กรดอะมิโน บางชนิด สามารถดูดซึมกลับได้
        
        ห่วงหลอดไต (Loop of Henle)
        
        มีลักษณะเป็นห่วง หรือรูปตัวยู
        
        หลอดไตส่วนนี้สามารถดูดซึมน้ำกลับได้ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์และสามารถดูดซึมโซเดียมอิออนและคลอไรด์อิออนกลับได้
        
        ประกอบด้วย
        
        ท่อขาขึ้น (Ascending limb)
        
        1 more item...
        
        ท่อขาลง (Discending limb)
        
        Vasa recta
        
        ช่วยในการรักษาความเข้มข้นของปัสสาวะในไต
        
        ทำหน้าที่ร่วมกับ Loop of Henle ขนาดไปด้วยกัน
        
        ท่อไตส่วนปลาย (Distal convoluted tubule)
        
        ลักษณะเป็นท่อเล็กๆอยู่ในเนื้อไตส่วนนอก อยู่ระหว่างส่วนปลายของ thick sement of Henle’s และหลอดไตรวม
        
        หน้าที่
        
        ดูดกลับน้ำประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
        
        ดูดซึมโซเดียมอิออนและคลอไรด์อิออนได้บ้าง
        
        สามารถหลั่งหรือขับสารต่างๆกลับสู่ท่อไตได้ เช่น แอมโมเนียมอิออน ไฮโดรเจนอิออน โพแทสเซียมอิออน
        
        ท่อไตรวม (Collecting tubule)
        
        เป็นท่อไตขนาดใหญ่ ท่อตรง มีปลายของหลอดไตส่วนปลาย(arch tubules) หลายๆท่อมาต่อกัน
        
        ท่อไตหลายๆท่อรวมกันเป็น renal papilla ตรงปลายจะมีรูให้น้ำปัสสาวะไหลลงสู่ minor calyx,major calyxและเข้า renal pelvis
        
        ดูดซึมน้ำกลับได้ประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งขับสารต่างๆเช่น โพแตสเซียมอิออน ไฮโดรเจนอิออน เข้าสู่ท่อได้ส่วนนี้ได้
        
        ทำหน้าที่กรอง ดูดกลับ และขับของเสียออกมาจากเลือดเพื่อสร้างเป็นน้ำปัสสาวะ
  - - - ชั้นนอกเป้นส่วนของชั้นเนื้อเยื่อเส้นใย (fibrous tissue)
      - ชั้นกลางประกอบด้วยกล้ามเนื้อเรียบ
      - ชั้นในสุดเป็นชั้นเนื้อเยื่อบุผิวชนิดที่เป็นเซลล์หลายชั้นซ้อนกันที่สามารถยืดขยายเซลล์ได้ (transitional epithelium)
      - เนื้อเยื่อบุผิวดังกล่าวมีผลให้ท่อไตสามารถยืดตัวออกมา ขณะมีน้ำปัสสาวะไหลผ่านตามท่อเพื่อไปเก็บสะสมที่กระเพาะปัสสาวะ
    - - รับน้ำปัสสาวะจากไต ส่งไปยังกระเพราะปัสสาวะ
      - การส่งน้ำปัสสาวะเกิดจากการบีบตัวของชั้นกล้ามเนื้อเรียบ ที่คล้ายกับขบวนการขย่อน
      - ท่อไตส่วนนี้ต่อระหว่างท่อไตกับกระเพราะปัสสาวะ จะมีลิ้น(valve) อยู่ เพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของน้ำปัสสาวะเข้าสู่ไต
  - - - มีส่วนประกอบ 2 ส่วน
        
        กล้ามเนื้อเรียบ และส่วนคอ
        
        ตำแหน่งและขนาดของกระเพาะปัสสาวะแตกต่างกันขึ้นกับปริมาณน้ำปัสสาวะที่บรรจุภายใน
      - โครงสร้างของกระเพาะปัสสาวะประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น
        
        ผนังชั้นในสุดถูกบุด้วยเซลล์เนื้อเยื่อบุผิวที่ยืดขยายได้เรียงซ้อนกันหลายชั้น (transitional epithelium) ยืดขยายได้เมื่อมีน้ำปัสสาวะบรรจุอยู่
        
        ชั้นถัดไปเป็นชั้นกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวแบบตามยาว ตามขวาง วงกลม เมื่อกล้ามเนื้อเรียบหดทำให้น้ำปัสสาวะไหลออกมา
        
        ชั้นนอกเป็นส่วนของชั้นเนื้อเยื่อเส้นใย (fibrous tissue)
    - - เก็บรวบรวมปัสสาวะที่ผลิตจากไต รอการขับถ่ายออกจากร่างกายผ่านทางอวัยวะเพศ
      - หน้าที่ในการขับถ่ายปัสสาวะต้องอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างกระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้อหูรูดทั้งสองข้างที่ต่อกับท่อปัสสสาวะ
        ถูกควบคุมโดยระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทอัตโนมัติ
    - - Sympathetic nerve
        
        มาจากไขสันหลัง T12-L2
        
        ถูกกระตุ้นโดย sympathetic จะทำให้ detrusor muscle หย่อนตัว เก็บปัสสาวะได้มากขึ้น
      - Parasympathetic
        
        มาจากไขสันลัง S2,3,4
        
        ถูกกระตุ้นโดย parasympathetic ทำให้ detrusor muscle เกิดการหดตัวเพื่อขับปัสสาวะออก
  - - - สั้นและมีสักษณะเป็นท่อตรงกว่าในผู้ชาย
      - ปลายของท่อปัสสาวะจะเปิดตรงด้านล่างของกระพุ้งช่องคลอด ก่อนจะขับน้ำปัสสาวะออกจากร่างกายทางปากช่องคลอด
      - ยาวประมาณ3-4 cm
    - - ท่อปัสสาวะยาวกว่าผู้หญิง
      - ทำหน้าที่นำปัสสาวะออกจากร่างกาย แล้วยังเกี่ยวข้องกับการหลั่งน้ำเชื้อด้วย
      - ยาวประมาณ 20 Cm