Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
HIV (Human Immunodeficiency Virus) - Coggle Diagram
HIV (Human Immunodeficiency Virus)
เอชไอวี HIV (Human Immunodeficiency Virus) เป็นเชื้อไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของคน คือ เซลล์เม็ดเลือดขาวซีดีโฟร์ (CD4 cells) หรือ ทีเซลล์ (T cells) ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ เมื่อเชื้อไวรัส HIV ทำลายเม็ดเลือดขาว CD4 จนมีปริมาณไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุให้เกิดอาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เอชไอวี คือเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ (AIDS) ซึ่งย่อมากจาก (Acquired Immunodeficiency Syndrome) ซึ่งเอชไอวี และโรคเอดส์ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่จำเป็นต้องป่วยเป็นโรคเอดส์เสมอไป หากมีการติดเชื้อเอชไอวี เชื้อจะอยู่ในร่างกายตลอดไป ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาการติดเชื้อเอชไอวีให้หายขาด แต่ในปัจจุบันจะมียาต้านไวรัส ผู้ติดเชื้อกินยาเร็ว กินยาต่อเนื่อง สม่ำเสมอ สามารถทำให้ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นระยะเวลายาวนาน และช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไวรัสนี้ไปยังผู้อื่นด้วย
HIV ติดเชื้อจากไหนได้บ้าง
มีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด หรือ ทวารหนัก โดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ใช้เข็มสัก เข็มเจาะร่างกายร่วมกัน
โดนเข็มตำ โดยเข็มนั้นมีเลือดที่ติดเชื้อเอชไอวี ปนเปื้อนอยู่
เลือด น้ำอสุจิ หรือน้ำหล่อลื่นช่องคลอดที่มีเชื้อเอชไอวี ปนอยู่ สัมผัสกับแผลเปิดบนร่างกาย
เชื้อเอชไอวี จะติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันมากที่สุด การใช้ถุงยางอนามัย และ/หรือ แผ่นยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมถึงไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น จะป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ได้
เชื้อเอชไอวี สามารถติดต่อผ่านแม่สู่ลูกในระหว่างตั้งครรภ์ คลอด หรือให้นมบุตรได้ หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี จะต้องรับประทานยาเพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อเอชไอวี ไปยังลูก
เชื้อเอชไอวี ไม่ติดต่อผ่านน้ำลาย ดังนั้นคุณจะไม่ติดเชื้อเอชไอวี ผ่านการจูบ การกินอาหารหรือน้ำดื่มร่วมกัน หรือ การใช้ช้อนส้อมร่วมกัน รวมไปถึงการกอด การจับมือ การไอ การจาม การใช้ห้องน้ำร่วมกัน ก็ไม่ใช่ช่องทางติดต่อของเชื้อเอชไอวี
อาการ
ปอดอักเสบ
สูญเสียความจำ อาการซึมเศร้าและอาการทางระบบประสาทอื่นๆ
ท้องเสียเรื้อรังนานกว่าหนึ่งสัปดาห์
เหนื่อยผิดปกติ
อาการไข้ที่กลับมาเป็นซ้ำๆ
เหงื่อออกตอนกลางคืน
น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
มีผื่นตามผิวหนัง ในช่องปาก จมูกและเปลือกตา
แผลที่ริมฝีปาก อวัยวะเพศและทวารหนัก
อาการบวมที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ รักแร้และขาหนีบ
การพยาบาลผู้ติดเชื้อ HIV
การพยาบาลแบบองค์รวม (holistic nursing care) โดยแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่การดูแลด้านร่างกาย การดูแลด้านจิตใจและอารมณ์ การดูแลด้านสังคมและการดูแลด้านจิตวิญญาณ
การดูแลด้านร่างกาย เช่น การรับประทานอาหาร การรับประทานยาต้านไวรัส การออกกำลังกายมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้ผู้ป่วยเอดส์มีสุขภาพแข็งแรง ระดับภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น และป้องกันการติดโอกาสได้ เนื่องจากผู้ป่วยเอดส์ มักมีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารไม่ได้ จากสาเหตุต่างๆมีความเจ็บปวดในช่องปากและกลืนลำบาก มีอาการอ่อนเพลีย มีรูปร่างที่ผอมแห้ง ความสามารถในการดูแลตนเองลดลงเมื่อระยะเวลาการดำเนินโรคนานขึ้น ผู้ป่วยเอดส์จะยิ่งดูแลตนเองได้น้อยลง และมีภาวะทุพโภชนาการจากกาีมีเชื้อราในช่องปาก
การดูแลด้านจิตใจและอารมณ์ ผู้ป่วยเอดส์จะมีความเครียดตั้งแต่เริ่มตรวจพบเชื้อเอซไอวีไปตลอดชีวิต มีความวิตกกังวล ในรายที่วิตกกังวลมากมักกลัวว่าจะแพร่เชื้อสู่บุคคลอื่น กลัวถูกปฏิเสธ กลัวขาดรายได้เนื่องจากไม่มีงาน จึงมักมีอาการท้อแท้ซึมเศร้า หมดหวังในชีวิต ผู้ป้วยเอดส์ยังมีความเครียดอันเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น การถูกแสดงความรังเกียจทั้งทางสีหน้าและทำทาง รวมทั้งการไมได้รับโอกาสในการตัดสินใจ
การดูแลต้านสังคม หลายครอบครัวที่ผู้นำ ครอบครัวเป็นผู้ป่วยเอดส์ มีการปรับเปลี่ยนบทบาทโดยให้สมาชิกเป็นผู้นำครอบครัวแทน พยาบาลควรสนับสนุนให้ครอบครัวและขุมชนมีส่วนร่วมในการดูแล โดยทำให้ครอบครัวและชุมชนตระหนักถึงคุณค่าของผู้ปวย เช่น ให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่างๆของครอบครัวและชุมชนนอกจากนี้
การดูแลต้านจิตวิญญาณ ผู้ป่วยเอตส์มักมีความเข้มแข็งทางจิตใจลดลง ทำให้เปลี่ยนความเชื่อ สิ่งยึดเหนี่ยว พยาบาลควรดูแลและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยและให้กำลังใจในสิ่งที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกมีตัวเองมีคุณค่าหรือไม่คิดว่าตัวเองเป็นภาระ