Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
[ประวัติและความเป็นมาของกีฬายิมนาสติก] - Coggle Diagram
[ประวัติและความเป็นมาของกีฬายิมนาสติก]
กิจกรรมยิมนาสติกก็ได้รับความสนใจและความนิยมน้อยลงตามไปด้วย จนกระทั่งถึงยุคกลาง ( Middle Age ) ระหว่างศตวรรษที่ 14-16 ( พ.ศ. 1943-พ.ศ. 2143 )
จึงทำให้กิจกรรมยิมนาสติกแพร่หลายไปในทวีปยุโรป
บุคคลสำคัญที่มีส่วนในการพัฒนากีฬายิมนาสติก ได้แก่
นายโจฮัน เบสโดว์
เห็นประโยชน์และคุณค่าของวิชายิมนาสติก จึงได้บรรจุวิชานี้ไว้ในหลักสูตรพลศึกษาของโรงเรียนแห่งหนึ่ง
นายดัดเลย์ เอ ซาเกนท์
(ชาวอเมริกา)
เป็นครูสอนยิมนาสติกที่วิทยาลัยโบว์ดอย (Bowdoin lleqen) เขาได้บรรจุยิมนาสติกไว้ในหลักสูตรระดับวิทยาลัย
นายโจฮัน กัตส์ มัธส์
ได้นำกิจกรรมยิมนาสติกสมัยกรีกมาประยุกต์กับการออกกำลังกายสมัยใหม่และได้สร้างโรงยิมเนเซียมแห่งแรกขึ้น
นายเฟรดริค จาน
ได้คิดประดิษฐ์อุปกรณ์เกี่ยวกับยิมนาสติกไว้มากมาย เช่น ราวเดี่ยว ราวคู่ ม้าหู หีบกระโดดและในปี พ.ศ. 2345ได้สร้างสถานที่ฝึกยิมนาสติกโดยเฉพาะเรียกว่า เทอนเวอเรียน
คำว่า ยิมนาสติก ก็เป็นภาษากรีกโบราณ หมายถึง ศิลปะแห่งการเปลือยเปล่า
ประเทศกรีก ก็ได้นำยิมนาสติกมาฝึกให้กับทหาร
นายอดอฟ สปีช
(ชาวสวิส)
เห็นคุณค่าและประโยชน์ของกีฬายิมนาสติก ได้บรรจุวิชายิมนาสติกไว้ในหลักสูตรของโรงเรียนในสวิตเซอร์แลนด์
นอกจากนั้นยังมีสมาคมที่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมกีฬายิมนาสติก คือ สมาคม Y.M.C.A.
ในประเทศไทย
พ.ศ. 2511ก่อตั้งสมาคมยิมนาสติกแห่งประเทศไทย
เริ่มเล่นในสมัยรัชกาลที่5เพราะในสมัยนั้นได้ส่งคนไปศึกษาต่างประเทศ เมื่อกลับมาก็ได้นาเอาวิชายิมนาสติกมาเผยแพร่
พ.ศ. 2515 มีการสอนในวิทยาลัย,ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกสหพันธ์ยิมนาสติกสากลวันที่ 23 สิงหาคม
พ.ศ. 2521 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาเอเซียนเกมส์ ครั้งที่ 8 ยิมนาสติก
พ.ศ.2520 ได้มีการอบรมเกี่ยวกับกติกาและการจัดการแข่งขัน