Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างงบุคคล - Coggle Diagram
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างงบุคคล
บทบาทของพยาบาลในการบำบัดรักษาผู้ป่วยจิตเวชโดยใช้ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
ความหมาย
สัมพันธภาพ (relationship) หมายถึง
กระบวนการที่บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ทำความรู้จักกัน
สัมพันธ์สร้างความคุ้นเคยสนิทสนมกัน บุคคลที่สัมพันธ์กันจะได้รับผลกระทบจากกันและกัน
สัมพันธภาพเพื่อการบำบัด (therapeutic relationship)
เป็นกระบวนการการทำความรู้จักและติดต่อสื่อสารเพื่อให้ความ ช่วยเหลือทางด้านจิตใจ อารมณ์ สังคมและจิตวิญญาณ แก่ผู้ป่วยและครอบครัว ซึ่งเกิดในช่วงเวลาเฉพาะ มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด มุ่งเน้นการลดความเครียดและการผ่อนคลายความวิตกกังวล
สัมพันธภาพทางสังคม (Social relationship)
เป็นสัมพันธภาพที่มีอยู่ในสังคมทั่วไป มีขึ้นเพื่อสนองความต้องการในการติดต่อรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน
ระยะสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลและผู้ป่วยเพื่อบำบัด
ระยะดำเนินการแก้ปัญหาหรือระยะคงไว้ซึ่งสัมพันธภาพ
(working or maintaining relationship phase)
ความหมาย
เป็นระยะสร้างสัมพันธภาพซึ่งต่างมีความคุ้นเคยกัน ให้ผู้ป่วยหรือครอบครัวเกิดความไว้วางใจ ระยะนี้ผู้ป่วยสามารถที่จะพูดคุยถึงปัญหาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นโดยมีเป้าหมายส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถแก้ปัญหาของตัวเอง เห็นคุณค่าในตนเอง และ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
บทบาทการพยาบาล
4.ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตระหนักในตนเองตามความเป็นจริงและเกิดความเข้าใจตนเองอยู่ร่วมวางแผนแก้ไขที่สามารถปฏิบัติได้และหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
3.ประเมินความเจ็บป่วยมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตอย่างไรบ้าง เช่น "ภายหลังการเจ็บป่วย ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง อะไรบ้าง พอเล่าให้ฟังได้ไหมคะ"
2.ค้นหาสาเหตุของปัญหาหรือสิ่งที่มากระทบการดำเนินชีวิต เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก ระบุความเชื่อของตัวเองเกี่ยวกับปัญหาที่เผชิญอยู่ ซึ่งทักษะสำคัญที่พยาบาลใช้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการค้นหาและระบาย การฟัง พยาบาลต้องฟังอย่างเข้าใจ
5.ให้การสนับสนุนทางด้านจิตใจ โดยการให้เวลา ให้กำลังใจ ให้การช่วยเหลือด้วยให้การสนับสนุนด้านต่างๆ เช่น ข้อมูลที่จำเป็นหรือข้อมูลแหล่งให้การช่วยเหลือ เป็นต้น
1.รักษาสัมพันธภาพเพื่อการเยียวยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจที่จะเปิดเผยเรื่องราวหรือปัญหาของตน
ปัญหาที่พบ
ด้านพยาบาล
1.พยาบาลอึดอัดและกังวลใจในการใช้เทคนิคการสนทนาและความสามารถของตนช่วยเหลือผู้ป่วย
แนวทางแก้ไขปัญหา
เตรียมตัวให้พร้อม ยอมรับว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ รวมทั้งสำรวจตัวเองเสมอเพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
พยาบาลเกิดความสงสารมากกว่าการเข้าอกเข้าใจผู้ป่วย
แนวทางแก้ไขปัญหา
พยาบาลต้องมีความตระหนักรู้ในตนเองว่าขณะนี้กำลังทำอะไร มีผลอย่างไรต่อตนเองและผู้อื่น
พยาบาลไม่เข้าใจหรือไม่เห็นปัญหาของผู้รับบริการ
แนวทางแก้ไขปัญหา
รับฟังอย่างตั้งใจและเข้าอกเข้าใจ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจที่จะพูดถึง
ข้อมูลที่เป็นเนื้อหามากกว่าความรู้สึกซึ่งเกี่ยวพันกับข้อมูลที่ให้
ด้านผู้ป่วย
1.ผู้ป่วยต้องการพึ่งพาพยาบาล
แนวทางแก้ไขปัญหา
พยาบาลควรตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนเองและของผู้ป่วย โดยที่
พยาบาลนั้นเป็นผู้เอื้ออำนวยให้ผู้ป่วยตระหนักถึงปัญหา ของตนเองและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นตามศักยภาพ
2.ระยะเริ่มต้นการสร้างสัมพันธภาพ (orientation or initial phase)
ความหมาย
เป็นระยะที่พยาบาลผู้ดูแลและผู้ป่วยได้พบหน้ากันครั้งแรก ทั้งผู้ป่วยและพยาบาลต่างเป็นคนแปลกหน้า ต่อกันและกัน ต้องทำความคุ้นเคยกำหนดระยะเวลาของการพบกันและตกลงในวัตถุประสงค์ของการติดต่อสื่อสาร
บทบาทพยาบาล
2.เมื่อพบหน้ากัน ควรกล่าวทักทายด้วยท่าทีเป็นมิตร แนะนำตัว ชื่ออะไร มาจากไหน วัตถุประสงค์ที่พบกัน พยาบาลมีหน้าที่อะไรเพื่อเพิ่มความรู้สึกไว้วางใจในตัวพยาบาล พร้อมกับบอกจุดประสงค์การนัดหมาย
และการพูดคุยสนทนาประเมินสภาพผู้ป่วยว่าพร้อมในการสนทนาหรือไม่
กำหนดข้อตกลงของสัมพันธภาพหรือตกลงบริการ โดยการกำหนดวัตถุประสงค์ของการสนทนา ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดช่วงเวลา ระยะเวลาที่สนทนา เพื่อป้องกันการเกิดความวิตกกังวล
1.การเตรียมสถานที่และสร้างบรรยากาศให้เกิดความไว้วางใจ โดยเริ่มต้นจากการสอบถาม พยาบาลควรเป็นผู้เลือก โดยเน้นสถานที่ที่มีความสงบและมีความเป็นส่วนตัว ควรปิดเครื่องมือสื่อสารเพื่อไม่ให้รบกวนขณะสนทนา
สร้างความไว้วางใจ (trust) พยาบาลต้องสร้างทั้งความไว้วางใจเสมือนว่าผู้ป่วย สามารถวางทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญของตนในมือพยาบาลได้ ไม่ว่าจะเป็น การเก็บความลับ การร่วมรับรู้ความรู้สึก
การค้นหาหรือระบุปัญหาหรือความต้องการที่แท้จริงของผู้ป่วย ผู้ป่วยและพยาบาลต้องร่วมกันค้นหาหรือระบุปัญหาหรือความต้องการที่แท้จริง
ปัญหาที่พบ
ด้านพยาบาล
การต่อต้านไม่ยอมรับการสร้างสัมพันธภาพกับพยาบาล ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ ประสบการณ์เดิม เบื่อการตอบคำถามซ้ำๆ หรือ ไม่ต้องการให้มีใครล่วงรู้เรื่องราวที่เก็บไว้ในใจ
แนวทางแก้ไขปัญหา
ให้การยอมรับและเข้าใจในพฤติกรรมของผู้ป่วย ให้เวลาให้ความเสมอต้นเสมอปลายและความอดทน
1.ความวิตกกังวล
แนวทางแก้ไขปัญหา
เตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่ก่อนการสร้างสัมพันธภาพและการสร้างบรรยากาศผ่อนคลายในการสนทนา
ขาดความมั่นใจในการสนทนากับผู้ป่วย/ครอบครัว
ขาดทักษะในการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการเยียวยา
ขาดความมั่นใจว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยหรือครอบครัวได้
มีทัศนคติว่า เรื่องที่จะสนทนานั้นไม่ใช่หน้าที่ของพยาบาลเป็นเรื่องส่วนตัว
การทดสอบจากผู้ป่วยและครอบครัวเกิดเนื่องจากความไม่มั่นใจว่าพยาบาลจะสามารถช่วยเหลือได้หรือพยาบาลเป็นที่ไว้วางใจได้
แนวทางแก้ไขปัญหา
แสดงการยอมรับในฐานะบุคคลและอย่างไม่มีเงื่อนไข ให้การยอมรับและเข้าใจในพฤติกรรมของผู้ป่วย ให้เวลาและให้ความเสมอต้นเสมอปลาย
ด้านผู้ป่วย
ความวิตกกังวล
การเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกันซึ่งบางเรื่องอาจได้รับการรับรู้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
ปัญหายุ่งยากชับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายให้เข้าใจได้
ระยะเตรียมการหรือก่อนสร้างสัมพันธภาพ
(pre-orientation phase)
ความหมาย
เป็นระยะเตรียมความพร้อมและศึกษาข้อมูลของผู้ป่วยก่อนที่จะพบกัน
บทบาทพยาบาล
รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับผู้ป่วย ระยะนี้เป็นช่วงเวลาที่พยาบาลทำความรู้จักผู้ป่วยคร่าวๆ ข้อมูลที่รวบรวมควรเป็นข้อมูลดิบที่ไม่ผ่านการตีความ
สำรวจตนเองเพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ ควรสำรวจความคิดและความรู้สึกของตัวเองว่ามีทัศนคติอย่างไรต่อการดูแลและต่อตัวผู้ป่วย สำรวจประสบการณ์ ความรู้
การตระหนักรู้ถึงเป้าหมายในการช่วยเหลือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้พยาบาลสามารถกำหนดการกระทำที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจงได้ตรงกับความต้องการของผู้ป่วย
กำหนดเป้าหมายทั่วไปในการสร้างสัมพันธภาพ พยาบาลควรวางแผนคร่าวๆ เกี่ยวกับเวลาที่เหมาะสมทั้งกับพยาบาลและผู้ป่วย วิธีการเผชิญกับปฏิกิริยาทางอารมณ์การถามและตอบคำถาม
ปัญหาที่พบ
ด้านผู้ป่วย
1.ความวิตกกังวล
ไม่ค่อยกล้าพูดคุยและสร้างสัมพันธภาพเนื่องจากไม่เคยรู้จักพยาบาลมาก่อน
ด้านพยาบาล
พยาบาลไม่มีความมั่นใจและวิตกกังวลในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วย
ความวิตกกังวล
ระยะสิ้นสุดสัมพันธภาพ (terminating phase)
ความหมาย
การสิ้นสุดสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดจะจบลงเมื่อผู้ป่วยเข้าใจในตัวเองและปัญหาต่างๆ ทุเลาเบาบางถึงหมดไป หรือสามารถผชิญปัญหาต่างๆได้
การพยาบาล
การเตรียมวางแผนสำหรับสิ้นสุดสัมพันธภาพ ตลอดระยะเวลาของการมีสัมพันธภาพกับผู้ป่วย
มีความเข้าใจตนเอง และตระหนักในบทบาทของตนเอง ตลอดระยะเวลาที่สร้างสัมพันธภาพ
ไม่คอยช่วยเหลือปกป้องดูแลผู้ป่วยตลอดเวลา แต่จะช่วยให้เขาได้ช่วยตัวเอง ได้เป็นตัวของตัวเอง
แนะนำถึงหน่วยงานหรือบุคคลอื่นที่เขาสามารถรับบริการหรือพึ่งพาได้เมื่อมีปัญหาให้เขาเห็นว่ายังมาคนอื่นที่ไว้วางใจได้อีก
ปัญหาที่พบ
ด้านผู้ป่วย
มีพฤติกรรมถดถอย (regression) ซึ่งผู้ป่วยจะกลับไปมีพฤติกรรมแบบเด็กๆ เพื่อให้ได้รับการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ
แนวทางแก้ไขปัญหา
ตกลงและย้ำเตือนเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการมีสัมพันธภาพ
ปฏิเสธการสิ้นสุดสัมพันธภาพ (rejection) แสดงพฤติกรรมหมางเมิน ไม่สนใจในการที่พยาบาลจะต้องจาก
ไป เพื่อรักษาตนเองไม่ให้เสียหน้า
แนวทางแก้ไขปัญหา
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้สำรวจความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับการแยกจาก
ก้าวร้าว โกรธ ไม่เป็นมิตร (anger and hostlity) ซึ่งแสดงออกได้ทั้งอย่างตรงไปตรงมาด้วยคำพูด เช่น ขับไล่ ตวาด ตำหนิพยาบาล ฯลฯ
แนวทางแก้ไขปัญหา
แนะนำแหล่งสนับสนุนอื่นๆ ที่ผู้ป่วยสามารถรับบริการได้
ซึมเศร้า (depress) เนื่องจากหมดหวัง คิดว่าตนเองไร้ค่า ไม่มีผู้ช่วยเหลือ หรือไม่มีผู้ที่สนใจ
แนวทางแก้ไขปัญหา
เตรียมสิ้นสุดสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดตั้งแต่วันแรกของการมีสัมพันธภาพ
พึ่งพา (dependent) ผู้ป่วยจะแสดงพฤติกรรมพึ่งพาพยาบาลมากขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยรู้สึกขาดความมั่นใจ ขาดความปลอดภัย
แนวทางแก้ไขปัญหา
ย้ำเตือนการสิ้นสุดสัมพันธภาพเป็นระยะ :
ด้านพยาบาล
พยาบาลแสดงแสดงออกมาในรูปของความโกรธ (anger) คือจะมีความรู้สึกโกรธว่าเป็นการไม่ถูกที่เข้าไปช่วยเหลือบุคคลคนหนึ่งแล้วทอดทิ้งไป
แนวทางแก้ปัญหา
มีความเข้าใจตนเอง และตระหนักในบทบาทของตนเอง
ตลอดระยะเวลาที่สร้างสัมพันธภาพ
รู้สึกเศร้าโศก (grief) เพราะความรู้สึกผูกพันในสัมพันธภาพที่สร้างขึ้น
แนวทางแก้ปัญหา
มีความเข้าใจตนเอง และตระหนักในบทบาทของตนเอง
ตลอดระยะเวลาที่สร้างสัมพันธภาพ
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของเพบลาว
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของเพบพลาว พัฒนาโดยฮิลด์การ์ด อี เพบพลาว (Hildegard E. Peplau) ซึ่งใช้แนวคิดของไนติงเกลเป็นพื้นฐาน ยังขาดแนวคิดสำคัญที่ว่า "การพยาบาลเป็นวิชาชีพ" เพลบพลาวจึงพยายามพัฒนาสาระ ความรู้พื้นฐาน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติการพยาบาล เรื่อง “สัมพันธภาพระหว่างบุคคลในการพยาบาล” โดยมีแนวคิดพื้นฐานจากทฤษฎีพัฒนาการ ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของซัลลิแวน (Sulivan) และทฤษฎีการเรียนรู้ เป็นสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด สัมพันธภาพนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทั้งในการติดต่อสื่อสารและการบำบัด โดยพยาบาลและผู้ป่วยต่างเคารพในความเป็นปัจเจกบุคคลซึ่งกันและกัน