Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เกร็น, เกร็นที่เฝ้ามองตัวเองเล่นละคร, มองในเรื่องความเชื่อว่า…
-
-
-
-
-
เกร็นชอบทำอะไรที่ตัวเองไม่คิดจะทำ เพราะครั้งนึงเคยไม่ยอมทำสิ่งที่ตัวเองไม่คิดจะทำ เลยรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตกับอัล
ฉากส่องหน้ากระจกแล้วนึกขึ้นใด้ว่าไม่เคยเต้นหน้ากระจก(เปิดเพลงในหัว) (แล้วก็ควงยกทรงของ ลิฟาไปมาอย่างเมาส์มัน) แล้วจาน่ากับลิฟาก็เข้ามาเห็น
เกร็นคุยเรื่อง คำพูดกับการกระทำ กับลิฟา (เกร็นชอบบอกว่า เรื่องนั้นน่ะฉันขอตอบเป็นการกระทำใด้ใหม)คำพูดน่ะมองเห็นใด้ชัดกว่าการกระทำ แต่มันก็น่าแปลก คำพูดที่จับต้องไม่ใด้เรากลับเชื่อมันและพึงพอใจกับมันใด้ทันที ต่างจากการกระทำที่จับต้องใด้แต่เราดับไม่พึงพอใจกับมันในทันทีเหมือนกับคำพูด (การกระทำนั้นต้องตีความ)
-
มีเพียงแค่อัล คนเดียวที่เกร็นยึดติดและ ไม่อาจจะแก้ไขปัญหาของอัลใด้ เกร็นไม่สามารถจำลองตัวตนของอัลขึ้นมาในจินตนาการใด้เลย เพราะไม่อาจจะสร้างใด้ เกร็นจึงต้องการเธอแบบเป็นของจริง แต่ก็กล้าๆกลัวๆ ส่วนถ้าเป็นสาวคนอื่น เกร็นสามารถยอมรับใด้หากพวกเธอจะเป็นเพียงแค่ของปลอมในจิตนาการ เมื่อใด้ตัวตนของสาวแต่ละคนมาใว้ในจิตนาการแล้ว ต่อให้ตัวจริงของเธอร้องไห้คร่ำครวญเพียงใดเกร็นก็ไม่ใด้รู้สึกเสียใจใดๆ
(อัลคือเพื่อนสมัยเด็กของเกร็น จริงๆแล้วเป็นร่างโคลนในโปรเจคเดียวกับเกร็น อัลคือเกร็นที่มีโครโมโซมY ทำให้เป็นเพศหญิง เกร็นจึงไม่เองสร้างตัวเองขึ้นในตัวเองใด้ )
-
-
คนตายในหมู่บ้านตอนที่เกร็นขึ้นมาเจอจากเหมือง เกร็นก็จับเอาเลือดป้ายปากให้ยิ้มเหมือนตัวตลกเพื่อ hack ตัวเอง
-
ใช้ความสามารถร่วมกับเฟียที่เธอไม่มีการคาดเดา แต่มีแค่สายตาที่ไวและการมองเห็นภาพที่ช้าลง ตอนหลังมาคอมโบพลังกัน
-
ความคิดร้าย ความคิดทำร้ายคนอื่น แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับเหมือนช่วยคนอื่น (เด่วค่อยให้ไปเจอกับคนที่ความคิดดี แต่เอาเข้าจริงๆทำร้ายคนอื่น)
เกร็นบอกว่าตัวตนคือพิมเขียวของความพึงพอใจที่ไม่มีวันเปลี่ยนไปอันมาจากสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมเราขึ้นมา
คิดกับเฟียแบบเหมือนเฟียเป็นกระดาษวิเศษ เขียนโค้ทอะไรลงไปก็ใด้แล้วเฝ้ารอผลลัพท์ที่ตัวเองจินตนาการไม่ถึงจนตัวสั่น(จริงๆคืออยากเฝ้ามองการเติบโต)
-
เกร็นพูดเสมอว่า ความจริงของธรรมชาติไม่ใด้มีเพียงหนึ่งเดียว เพราะความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียวมันใว้บอกแค่ว่าใครเยี่ยวใว้ตรงใหน
สามารถซิมูเลชั่น การโต้ตอบจากตัวตนของคนอื่นใด่้ เช่นรู้ว่าถ้าทำเช่นนี้ อีกคนจะรู้สึกอย่างไรโกรธหรือสนุก หรือโมโห หรือ ฯลฯ ในตอนแรกที่เกร็นไม่รู้จักใคร จะมีความเป็นไปใด้มากมายเกิดขึ้นในหัว ทำให้เกร็นรู้สึกว่า มันยังน่าค้นหา เมื่อยิ่งรู้จักไปเรื่อยๆ ความน่าจะเป็นที่เกิดขึ้นในหัวเกร็นเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเหลือแค่ 1 ความน่าจะเป็น แล้วมันก็ทำให้เกร็นรู้สึกแย่ เพราะการที่ไม่เหลือความน่าจะเป็นเลย ทำให้เกร็นมองอีกฝ่ายไม่ต่างจากหุ่นยนต์หรือไม่ใช่คน
เกร็นครั้งนึงเคยล้างสมองและทำให้คนอื่นเป็นเหมือนดาบให้ตัวเอง แต่เกร็นก็มารู้ตัวที่หลังและพบกับความว่างเปล่า
-
อัศวินทุกคนคงพอใจกับดาบที่ดีและเหวี่ยงไปมาใด้ดั่งใจ แต่เนื่องจากเกร็นเป็นคนคิดอะไรที่ซับซ้อน เกร็นเลยคิดว่า อัศวินจะพอใจกับดาบที่มีความรู้สึกนึกคิดและไม่เป็นไปดั่งใจมากกว่า
ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมาจาก เกร็นชอบวางแผนความเป็นไปใด้และซิมูเลชั่นทุกอย่างใว้ในหัว หากรู้สึกว่าคนๆนึงมีความเป็นไปใด้หลากหลายไม่แน่นอน คนๆนั้นก็จะน่าสนใจสำหรับเกร็น แต่หากอยู่ด้วยกันจนแทบจะเดาว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร เกร็นจะรู้สึกว่างเปล่า
-
-
-
-
-
-
-
หลอกตัวเองให้ใด้ก่อนที่จะหลอกคนอื่น (หมายถึงเจออะไรแย่ๆแล้วhackตัวเองให้รู้สึกดีใด้ด้วยการเปลี่ยนมุมมอง)
ความชั่วเองก็มีคุณค่าในตัวมัน อย่าไปเกลียดมัน รู้จักมัน และบอกเล่าสู่ผู้อื่น เพื่อช่วยเหลือพวกเขาอย่างยั่งยืน
เกร็นดีเบลกับสาวโลกสวย เกร็นบอกว่า ทุกนาทีมีคนตายอยู่ตลอดเวลา หาเธอต้องการจะช่วยคนอื่นเพียงเพราะตัวเองรับไม่ใด้ ก็ควรจะมองความจริงบ้างนะว่า เธอช่วยใครไม่ใด้เลย
หากเอาแต่จะช่วยคนอื่นไปทั่วเพียงเพราะตัวเองรับไม่ใด้ มันก็ไม่ต่างจากคนชั่วที่ทำไปตามสันดานตัวเองหรอก
แล้วคนแบบพวกเธอเนี่ยมันยิ่งกว่าคนชั่วอีกนะ เพราะมันจะใช้ความเขลาที่ดูสวยหรูล่อลวงผู้อื่นมาตายเพื่ออุดมการที่เปล่าประโยชน์ของตนเอง
หากอยากจะช่วยทุกคนเพียงเพราะตัวเองรับไม่ใด้ที่จะมีใครเศร้าเสียใจ สุดท้ายแล้วเธอจะช่วยใครไม่ใด้เลย แม้กระทั่งตัวเอง
-
-
-
-
-
-
เกร็นถือดอกบัวแล้วถามเฟียว่า นี่คืออะไร เกร็นบอกว่า มันคือ ดอกไม้ หรือ ยา หรือ ไฮโดรคาร์บอน สมุนไพร ฯลฯ แล้วแต่มุมมองคนสังเกตุ (ไม่มีความจริงใดๆอยู่ในตัวมัน เนื้อแท้ของความจริง คือการยอมมองความไม่เป็นจริงของมันว่าเป็นจริง เพราะในธรรมชาติไม่ใด้ปรากฏความเป็นจริงเพียงหนึ่งเดียว ธรรมชาติสามารถปรากฏความเป็นจริงในสิ่งๆนึงใด้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน
แอปเปิลคือสิ่งใด รูปลัก รสชาติ พันธะเคมี ฯลฯ จริงๆแล้วแอปเปิลคืออะไร หากรูปร่างเป็นแอปเปิลแต่รสชาติเป็นส้ม มันจะเป็นแอปเปิลหรือไม่ หากมีส้มที่รูปร่างเหมือนแอปเปิล มันจะเป็นแอปเปิลหรือไม่ จริงๆแล้วมันไม่มีแอปเปิลอยู่ในโลกนี้ตั้งแต่แรก เราต่างหากที่เป็นคนกำหนดมุมมองรวมว่า แอปเปิลควรเป็นยังไงและอย่างไร เมื่อมันตรงตามที่เรากำหนด เราก็ไม่จำเป็นต้องสนความเป็นจริงว่ามันจะเป็นแอปเปิลจริงๆหรือเปล่า เราให้กำเนิดแอปเปิลขึ้นมาจากความว่างเปล่า และไม่ใช่แค่แอปเปิล เรายังให้กำเนิดทุกๆอย่างที่เรารู้จัก ขึ้นมาจากความว่างเปล่า
เรากำหนดสิ่งรอบตัวว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งนั้นมาจาก 1.รูปลัก 2.คุณสมบัติ(แม้มันจะมีรูปร่างป็นรถแต่มันไม่อาจวิ่งใด้ มันไม่ใช่รถมันคือเศษเหล้กที่มีรูปร่างเปนรถ
-
ตัวฉันน่ะเหมือนไม่ใด้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้เลยล่ะ วิ่งตามหาอะไรบางอย่าง อยู่แต่ภายในโลกแห่งจินตนาการ ไม่อาจมีใครเข้าใจหรืออยากมาเข้าใจ ไม่อาจมีใครรับรู้หรืออยากมารับรู้ เคยฝัน เคยอยากถูกกุมมือใว้ในยามที่เศร้าหมองท้อแท้ อยากถูกปลอบโยนโดยใครซักคนตอนที่หาทางออกไม่เจอ อยากใด้รับความอบอุ่นในตอนที่หนาวสั่น แต่มันก็เหมือนเพียงฝัน ในโลกแห่งความจริงฉันไม่อาจจะหาสิ่งเหล่านั้นเจอ สุดท้ายฉันก็หาทางเติมเต็มสิ่งที่ฉันขาดหายไปใด้สำเร็จ ถ้าเพียงแค่ใครซักคน ถ้าเพียงแค่ทำให้ตัวเองมีความสุข เพียงแค่สิ่งที่ตัวเองขาดหายไป แค่จินตนาการมันขึ้นมาก็พอ ถึงจะหลอกตัวเอง ถึงจะเป็นของปลอม แต่ก็เป็นของปลอมที่กำเนิดมาเพราะอยากจะเป็นของจริงยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะงั้นมันจึงมีค่ามากกว่าของจริง ฉันน่ะไม่ต้องการของจริงหรอก (ลิฟาสวนกลับ คุณนะเชื่อแบบนั้นจริงๆหรอค่ะๆ เกร็นบอกแล้วจะให้ฉันเชื่อยังไงล่ะ ความเชื่อมันเปลี่ยนผลลัพท์ไม่ใด้หรอก แรกๆฉันก็ไม่ใด้มีความสุขกับมันหรอก ลิฟาบอก เป็นงั้นเองหรอค่ะ ฉันดีใจค่ะ หากคุณเชื่อแบบนั้นด้วยใจจริงๆฉันจะโกรธคุณ เกร็นบอก มันน่าประหลาดนะ ที่ของจริงยิ่งกินยิ่งรู้สึกน้อยลง แต่ของปลอมยิ่งกินยิ่งรู้สึกมากขึ้น ฉันน่ะรับรู้ของปลอมมากเกินกว่าจะรับรู้ของจริงใด้แล้วล่ะ ต่อให้เชื่อในของจริง ก็มีแต่ต้องเจ็บปวดมากกว่าเดิมเท่านั้น ความเชื่อมันเปลี่ยนผลลัพท์ที่จริงๆแล้วตัวฉันมีเพียงแค่ตัวฉันไม่ใด้หรอก ฉันเติบโตมาแบบนี้ ฉันเป็นนักวิทย์ นักวทิย์คือสิ่งที่ค้นหาแต่ความเป็นไปใด้ คุณค่าของฉันน่ะยืนอยู๋บนความเป็นไปใด้ไปหมดแล้วล่ะ ฉันน่ะติดอยู่ในโลกละหว่างกลางของความเป็นจริงและความจริง ) (ไปคอมโบกับ ทางขวา)
-
-
แปลกใหมน่ะ ที่ความรักที่ฉันต้องการมันคือความรักที่ไม่ต้องครอบครอง ความรักที่ต้องการเฝ้ามองและทำให้เธอเปล่งประกาย ความรักที่อยากจะทำให้เธอมีคุณค่าที่สุด ความรักที่ไม่ใช่ชั่วนิรัน แต่เป็นชั่วคราวที่มีคุณค่ามากกว่าชั่วนิรัน
เธอน่ะอยู่กับฉันในตอนที่ลำบากใด้ตลอดรึเปล่า เธอนะเข้าใจฉันใด้โดยที่ไม่ต้องบอกอะไรรึเปล่า เธอน่ะรู้หรอว่าฉันเจ็บปวดอะไรโดยไม่ต้องถามใหม เข้าใจฉันใด้ตลอดเวลาเพียงแค่มองหน้ารึเปล่า ไม่เลย เธอน่ะไม่รู้เลยอะไรเลย เพราะเธอเป็นของจริงยังไง เธอจึงแตกต่างจากของปลอม(เพราะตัวตนที่เกร็นเกร็นจินตนาการขึ้นมา เลยรู้ว่าตนเองเป็นอะไร)
-
เชื่อว่าตัวเองเกิดมาคนเดียวแล้วก็ตายไปคนเดียว เกร็นเฝ้าค้นหาสิ่งที่จะมาทำลายสมการข้อนี้ ว่าตัวเองไม่ใด้เกิดมาคนเดียวและไม่ใด้ตายไปคนเดียว แต่ก็ไม่เจอ
เกร็นเป็นโคลนของนักวิทย์อัจริยะคนนึง ที่ตัดต่อพัฒธุกรรมให้มีความชอบหรือความต้องการถูกกำหนดใว้แล้วให้เป็นแบบที่ตัวเองต้องการ ให้เป็นนักวิทย์ที่เก่งกว่าตัวเองเและสานต่องานวิจัยตนเอง ทำให้กลายเป็นคนที่ต้องคลุกคลีอยู่กับความรู้และการค้นหาความเป็นไปใด้ในจิตนาการ และต้องคลุกคลีอยู่กับโลกแห่งจินตนาการไปตลอดชีวิตตั้งแต่เด็ก เกร็นใช้ชีวิตใด้ราวกับไม่ใด้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
-
เรียนและศึกษาทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างสนุกสนานกับสิ่งที่ตนเองไม่รู้(เมื่อรู้อะไรแล้วก็สิ่งนั้นก็หมดคุณค่าให้สนใจและโยนทิ้งไม่สนใจอีก) จนเมื่อรู้ทุกอย่างมากๆ ความสนุกต่างๆจากสิ่งที่รู้ไปแล้วก็เริ่มจางหายไป สิ่งที่เกร็นไม่รู้อย่างเดียวคือ ตนเองนั้นกำลังโดดเดี่ยว เกิดความเหงา ความท้อแท้และหนาวเหน็บซุกซ่อนอยู่ สิ่งที่เกร็นต้องการคือความอบอุ่น แต่เกร็นก็ไร้ซึ่งทางออกที่จะค้นหามัน จึงเยียวยาตัวเองด้วยในแบบที่ถนัด เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ด้วยการสร้างบุคคลในจิตนาการขึ้นมาปลอบโยนตัวเอง
นานเข้าก็เริ่มชินและพึงพอใจกับของปลอมที่สร้างขึ้นในจิตนาการ จนไม่มีของจริงก็ไม่เป็นไร ไม่มีของจริงในโลกนี้ก็ไม่เป็นไร และให้ค่ากับของปลอมมากกว่าของจริง มีโลกในจินตนาการที่กว้างใหญ่ไพศาล จนสามารถหาความสุขและพึงพอใจใด้เพียงแค่ขบคิดสิ่งต่างๆในจิตนาการ จนกลายเป็นคนที่ราวกับไ่ม่ใด้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้
เกร็นเริ่มถล้ำลึกเข้าไปในจิตนาการ และเข้าใจว่าของจริงนั้นไม่จีรันยั่งยืน ของจริงสามารถหายไปเมื่อใหล่ก็ใด้โดยที่ไม่ต้องบอกเราก่อน หรือต่อให้ตัวเองต้องหายไปก็ไม่อาจเอาของจริงติดไม้ติดมือไปด้วยใด้ แต่ของปลอมนั้นไม่อาจหายไปใหนใด้ และมันจะอาศัยอยู่ภายในจิตใจตัวเองไปจนวันตาย ทำให้เกร็นค้นพบและเข้าเงื่อนไขว่า "ตัวเองไม่ใด้เกิดมาคนเดียวและไม่ใด้ตายไปคนเดียว" กับสิ่งที่อยู่ในจิตนาการ
เรื่องความรู้สึกต่างๆ เช่นความรัก เกร็นสร้างอีกตัวตนของตนเองขึ้นมาในจิตใจ และให้ Solve ปัญหาข้อนี้ราวกับเป็นแค่การแก้สมการ เพื่อสร้างความเข้าใจต่ออารมต่างๆที่ตนเองไม่มีและพยายามนิยามมัน ด้วยการที่เติบโตมาจากของปลอมและคลุกคลีอยู่กินกับมันในโลกจิตนาการ ไม่เคยใด้รับความอบอุ่นจากของจริงเลย ทำให้ปฏิเสธของจริง และเกิดความกลัวกับของจริงที่สามารถหายไปเมื่อใหล่ก็ใด้ แต่ตัวเองก็ไม่ใด้เชื่อแบบนั้นซะทีเดียว เมื่อไม่อาจมีความรู้สึกรักใด้ แต่ก็ต้องการที่จะรัก เกร็นจึงเป็นคนที่มีระบบความรักในแบบที่แปลกประหลาด ไม่ต้องครอบครอง แต่แค่เฝ้ามองอีกฝ่ายเปล่งประกาย และซึมซับตัวตนของอีกฝ่าย เรียนรู้อีกฝ่ายจนเด่นชัด และขโมยเอาตัวตนของอีกฝ่ายมาสร้างเป็นตัวตนในจินตนาการเพื่อให้อยู่กับตัวเองไปชั่วนิรันแทน (เข้าไปคบจนรู้จักอีกฝ่าย 95เปอ+ พอสร้างอีกฝ่ายมาในจิตนาการของตนเองใด้แล้ว ก็เริ่มเบื่ออีกฝ่ายและตีตัวออกห่าง และเลิก)
ตอนหลังเริ่มเรียนรู้ว่า ตัวตนของปลอมที่สร้างขึ้นไม่อาจเทียบเท่าใด้กับตัวตนของจริงเลย จึงตาสว่างและเข้าใจว่า ของจริงนั้น แม้จะเป็นชั่วคราว แต่ก็เป็นชั่วคราวที่มีคุณค่ามากกว่าชั่วนิรัน เกร็นจึงเริ่มฝักไฝ่ใน "คุณค่า" ของสิ่งต่างๆ และเริ่มอยากรู้จักเรื่องราวของผู้อื่น เพื่อที่จะเก็บ "คุณค่า" ที่ไม่มีใครมองเห็น ของพวกเขาเอาใว้ภายในตนเอง
เกร็นมีตัวตนหลักที่รักอัลไปเลย เลยสร้างตัวตนอื่นที่รักลิฟาหรือคนอื่นๆขึ้นมา แล้วบอกว่า (ฉันสร้างมาให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ) มันน่าสนุกนะการเฝ้าดูละครของตัวเอง
-
-
-
-
-
-
การที่เป็นร่างโคลนนั้นทำให้มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออารมปกติของเกร็น เกร็นถูกตัดต่อพันธุกรรมมากมายเข้าไป ให้สนใจและมีความรู้สึกใด้เพียงแค่บางสิ่งเท่านั้น(วิทย์ เพื่อสานต่องานวิจัย และ สิ่งที่ตนเองอยากรู้แต่ไม่รู้) จึงเกิดผลกระทบที่เกร็นไม่อาจมีความรู้สึกใด้แบบมนุษย์ปกติ(ม่อาจจะเสียใจใด้ ไม่มีความสงสาร ไม่มีความรัก ฯลฯ จนเป็นบุคคลด้านชาที่คนอื่นมองว่า เป็นคนที่เห็นแก่ตัว แม้ตัวตนจะชินชาและไม่รู้สึกกับอะไรซักอย่าง(ยกเว้นแค่อัล) จนถูกคนอื่นมองว่าเย็นชาและเห็นแก่ตัว แต่เจตจำนงของเกร็นและตรรกะต้องการนำพาหัวใจของเกร็นไปสู่อารมความรู้สึกต่างๆที่ตนเองไม่มี เกร็นเลยต้องหลอกล่อตัวเอง สร้างอีกตัวตนขึ้นภายในจิตใจ เพื่อรับรู้ความรู้สึกต่างๆแทนตนเองที่ไร้ความรู้สึก จนความรู้สึกเหล่านั้นนำพาเกร็นให้เข้าใจความรู้สึกของคนอื่นใด้อย่างดี และทำเพื่อคนอื่นไปโดยไม่รู้ตัว เกร็นชอบบอกว่า "ความสุขของฉัน คือการทำในสิ่งที่ตนเองไม่คิดจะทำที่สุด" (อัลเป็นคนทำให้เกร็นคิดใด้แบบนี้)