Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ผู้ป่วยชายไทย เตียง 25 อายุ 49 ปี Dx. มะเร็งเม็ดเลือขาวเฉียบพลันชนิดลิมฟอ…

- - - - ผมร่วง
      - ผิวหนังและเล็บดำคล้ำ
      - คลื่นไส้ อาเจียน
      - มีเลือดออกง่ายขึ้น
      - เยื่อบุช่องปากอักเสบ
      - ฮอร์โมนต้านปัสสาวะหลั่งผิดปกติ
      - การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตถูกรบกวน
  - - - รู้สึกตื่นเต้น กระสับกระส่าย แปรปรวน อยู่ไม่สุข
      - เรอ ท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหาร
      - มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ
      - เวียนศีรษะ
      - ไม่อยากอาหาร
  - - - อุจจาระสีดำซึ่งเป็นสีของยา ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
      - เกิดอาการท้องผูก คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเสีย หรือมีอาเจียน
      - ยานี้อาจทำให้มีปัสสาวะเปลี่ยนสีได้
  - - - ท้องเสีย ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ ปวดหัว ไม่จำเป็นต้องหยุดยา แต่ถ้ามีอาการรุนแรงให้ไปพบแพทย์หากมีอาการบวมที่ใบหน้า เปลือกตา ริฝีปาก ผื่นลมพิษ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก
  - - - อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม คอบวม ลิ้นบวม และริมฝีปากบวม เป็นต้น
      - ภาวะเลือดเป็นกรดแลคติก อาจทำให้มีอาการบางอย่าง เช่น ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชา เย็นแขนและขา หายใจลำบาก ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ เหนื่อย อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น
      - ตับอ่อนผิดปกติ อาจมีอาการบางอย่าง เช่น ปวดท้องส่วนบนอย่างรุนแรงลามไปถึงด้านหลัง คลื่นไส้ อาเจียน และหัวใจเต้นเร็ว เป็นต้น
      - ตับผิดปกติ อาจมีอาการบางอย่าง เช่น คลื่นไส้ ปวดท้องด้านขวา คัน เหนื่อย เบื่ออาหาร ปัสสาวะมีสีเข้ม และตัวเหลืองตาเหลือง เป็นต้น
  - - - เวียนหัว ง่วงซึม
      - รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
      - รู้สึกคล้ายจะเป็นลม
      - ขาดสมดุลในการสื่อสาร เช่น พูดจาเลอะเลือน สับสน
  - - - อาการของภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง เช่น เจ็บหน้าอก เหนื่อยล้า หายใจไม่อิ่ม มีอาการบวมบริเวณลำตัว ขา หรือเท้า ผิวหนังและริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม เป็นต้น
      - มีไข้ เจ็บคอ หนาวสั่น หรือมีสัญญาณการติดเชื้ออื่น ๆ
      - ไอแบบไม่มีเสมหะ ไอเป็นเลือด เสมหะมีสีชมพูหรือมีเลือดปน
      - เจ็บปาก มีปัญหาด้านการพูด
      - น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน
      - เจ็บผิวหนัง ผิวซีด มีผื่นสีแดงหรือสีม่วงขึ้นที่ผิวหนัง โดยผื่นดังกล่าวอาจกระจายออกไปรอบ ๆ และทำให้เกิดแผลพุพองหรือลอกออกได้
      - มีอาการบวมที่ตา แขน หรือมือ แสบร้อนบริเวณดวงตา
      - กล้ามเนื้อเป็นตะคริว ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ
      - ปวดศีรษะอย่างมาก สับสน เป็นลม
      - หัวใจเต้นผิดปกติ เต้นเร็ว หรือใจสั่น
      - มีอาการแน่นหน้าอกมากขึ้นเมื่อไอ จาม หรือสูดหายใจเข้าลึก ๆ
      - มือและเท้าเย็น แขนหรือขาชาหรืออ่อนแรง
      - คลื่นไส้หรืออาเจียนอย่างรุนแรงต่อเนื่อง อาเจียนสีเหมือนเมล็ดกาแฟ หรืออาเจียนเป็นเลือด
      - ปัสสาวะมีเลือดปน อุจจาระร่วง อุจจาระมีเลือดปนหรือมีสีดำและเหมือนดินน้ำมัน
      - มีเลือดออกผิดปกติ หรือฟกช้ำได้ง่าย
      - หน้าอกโตขึ้นชั่วคราว ซึ่งพบในเด็ก
      - มีอาการแพ้อย่างเป็นลมพิษ ปากหรือคอบวม
- - - - ผู้ป่วยได้รับยาเคมีบำบัดครั้งที่ 3 ชนิด
        Endoxan(Cyclophosphamide) 1 gm.INJ. 480 mg+D-5-W 100 ml drip in 2 hr ทุก 12 ชั่วโมง D1-D3
        Uromitexan(Masna) 400 m /4 ml.INJ. 480 mg + D-5-N/2 1000 ml drip in12 hrs ทุก 12 ชั่วโมง D1-D3
      - ผู้ป่วยได้รับยาเคมีบำบัดครั้งที่ 1 มีอาการผื่นขึ้นเป็นตุ่มพองใสมีน้ำ
    - - เพื่อให้ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังจากได้รับยาเคมีบำบัด
    - - V/S ปกติ
        ไม่มีไข้อุณหภูมิร่างกายอยู่ระหว่าง 36.5-37.4 องศาเซลเซียส
        ไม่มีอาการของภาวะโลหิตจาง เช่น อ่อนเพลีย หน้ามืด เป็นลม
        ไม่มีอาการเลือดออกตามร่างกาย
        ไม่มีแผลที่ปากที่คอ
        ไม่มีผื่นคันหรือผื่นแดง
        ผู้ป่วยไม่มีอาการหายใจหอบเหนื่อย
        ไม่มีอาการท้องเสียหรือท้องผูก
        ไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
        ไม่มีอาการชาปลายมือปลายเทา
        ผู้ป่วยไม่วิตกกังวลเกี่ยวกับผมร่วง
        ผู้ป่วยสดชื่นแจ่มใส
        ผลตรวจทางห้องปกิบัติการ CBC,BUN,Electrolyte อยู่ในค่าปกติ
    - - Record V/S ทุก 4 ชั่วโมง
        ติดตามโดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย และ ค่า O2 sat
        สังเกตอาการไข้สูง หนาวสั่นการหายใจหอบเหนื่อย
        ‪Precautions ก่อนให้การพยาบาลผู้ป่วย และ ล้างมือ 5 moment คือ
        1.ก่อนสัมผัสตัวผู้ป่วย
        2.หลังสัมผัสตัวผู้ป่วย
        3.ก่อนการทำหัตถการกับผู้ป่วย
        4.หลังสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย
        5.หลังสัมผัสสิ่งที่ล้อมรอบตัวผู้ป่วย‬
        ดูแลให้ผู้ป่วยนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง
        ดูแลให้ personal hygiene กับผู้ป่วย เพื่อลดการติดเชื้อ
        บันทึก Intake-output และการขับถ่ายอุจจาระ
        ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น CBC ,BUN,Electrolytes
        บันทึกอาการและอาการแสดงของผู้ป่วย
        
        ไข้
        
        ประเมินภาวะมีไข้ทุกเวร
        
        จัดสิ่งแวดล้อมให้อาการถ่ายเทได้สะดวก
        
        เช็ดตัวลดไข้ เมื่อผู้ป่วยมีไข้ เพื่อถ่ายเทความร้อนจากร่างกาย
        
        ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้เพียงพอ
        
        กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ประมาณ 2000-3000 cc/day
        
        ควรมีเทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดไข้ไว้ที่หัวเตียงของผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยสงสัยว่ามีไข้ควรให้ผู้ป่วยวัดอุณหภูมิร่างกายเพื่อยืนยันอาการด้วยตนเอง
        
        ลดกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากลง เพื่อเป็นการลดการใช้ออกซิเจน
        
        ส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้รับอาหารที่มีประโยชน์ ย่อยง่าย มีประโยชน์ต่อร่างกายและให้พลังงานสูง และควรแนะนำให้ผู้ป่วยไม่รับประทานผักและผลไม้สด
        
        คลื่นไส้อาเจียน
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย และให้รับประทานอาหารมื้อละน้อยๆ แต่บ่อยๆ หากมีรู้สึกมีอาการคลื่นไส้
        
        ให้ผู้ป่วยทำความสะอาดในช่องปากและทำความสะอาดช่องปาก
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Onsia 16 mg IV ทุก 8 ชั่วโมง D1-D5
        
        โลหิตจาง
        
        รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กมาก เช่น ตับ ผักใบเขียว อาหารที่มีโปรตีน และวิตามินสูง
        
        พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอแต่ไม่หักโหม เช่น เปลี่ยนจากวิ่งมาเป็นเดินช้า ๆ และทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส
        
        ทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามปกติ แต่ปรับให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Folic acid 5 mg.tab รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า ferrous fumarate 200 mg.tab รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า ตามแผนการรักษา
        
        ให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาการหน้ามืด หากผู้ป่วยหน้ามืดให้ผู้ป่วยนั่งพัก ไม่ควรเดินต่อ เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ
        
        ท้องผูก
        
        รับประทานอาหารที่มีกากใยให้มากขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ
        
        ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 6-8 เพื่อกระตุ้นการขับถ่าย
        
        ออกกำลังกายเบาๆ และหมั่นเคลื่อนไหวร่างกายตามความสามารถอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้
        
        สังเกตสี และลักษณะของอุจจาระ และบันทึกผล
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา mucilin sf powder 5 gm รับประทาน 1 ซอง วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า
        
        ผมร่วง
        
        ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยว่าเป็นผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด อาจทำให้ผมร่วงได้ แต่ไม่ต้องกังวลเมื่อจบการรักษาแล้ว ผมจะงอกขึ้นมาใหม่ได้เอง
        
        แนะนำให้ผู้ป่วยใช้แชมพูอ่อน ๆ ในการสระผม เช่น แชมพูเด็ก
        
        แนะนำผู้ป่วยใช้น้ำมันเพิ่มความชุ่มชื้น หรือโลชั่นสำหรับหนังศีรษะ เพื่อช่วยลดอาการคันและแห้งของหนังศีรษะ
        
        ทำความสะอาดเตียงและสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย เพื่อลดความวิตกกังวลจากผมร่วง
        
        เจ็บปากเจ็บคอ
        
        รับประทานอาหารอ่อน กลืนง่าย รสจืด ไม่ร้อนจัด และอาจใช้หลอดดูดช่วย
        
        บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ 2-3 ครั้งต่อวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ปากแห้ง
        
        แปรงฟัน 2-3 ครั้งต่อวัน ด้วยแปรงสีฟันขนนุ่ม
        
        แนะนำให้ผู้ป่วยทาริมฝีปากให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอด้วยลิปสติกมัน หรือวาสลิน
        
        รักษาความชุ่มชื่นของเยื่อบุช่องปากอยู่เสมอ โดยดื่มน้ำ 2000-3000 cc/day
        
        สังเกตอาการและอาการแสดงของอาการเจ็บปากเจ็บคอ หากมีอาการรุนแรงมากขึ้น ให้รีบแจ้งแพทย์ เพราะอาจเกิดจากการติดเชื้อ
        
        อารมณ์
        
        ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส ไม่ท้อถอยต่อการรักษา และบอกผู้ป่วยว่าอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นจะหายไปเมื่อจบการรักษาแล้ว
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Lorazep 1 mg.tab รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
        
        พูดคุยกับผู้ป่วยด้วยท่าทีที่เป็นมิตร และให้กำลังใจอยู่เสมอ
        
        ทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ ไม่ต้องงดอะไร แต่ปรับกิจกรรมที่ทำให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของท่าน
        
        ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ด้วยการออกกำลังกายเบาๆ หรือหางานอดิเรก เช่น อ่านหนัง การฟังเพลง
        
        ชาปลายมือปลายเท้า
        
        นวดบริเวณที่เกิดอาการชา
        
        สังเกตอาการชาปลายมือปลายเท้าหากรุนแรงมากจนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ รายงานแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยรับวิตามินเพื่อบรรเทาอาการ
        
        ออกกำลังกายแบบยืดกล้ามเนื้อ
        
        ผื่น
        
        ประเมินสภาพผิวหนังของผู้ป่วย เช่น ผื่น แดง รอยแผล รอยโรค
        
        แนะนำให้ผู้ป่วยทำความสะอาดร่างกาย อาบน้ำให้สะอาดทุกวัน โดยใช้สบู่อ่อนๆ เช่น สบู่เด็ก และเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่
        
        แนะนำให้ผู้ป่วยดูแลร่างกายไม่ให้อับชื้น ให้ผู้ป่วยเปลี่ยนท่านอนไม่นอนท่าเดิมเป็นเวลานาน เพราะอาจจะทำให้ผิวหนังที่ถูกกดทับอับชื้น
        
        หากผู้ป่วยคัน ให้ผู้ป่วยลูบเบาๆ ไม่แกะเกา เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ
        
        มีจุดเลือดหรือจ้ำเลือด
        
        หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดบาดแผล หรือเกิดการบาดเจ็บ
        
        เลือกการออกกำลังกายเบา ๆ ไม่หักโหม
        
        แนะนำให้ผู้ป่วยใช้ที่โกนหนวดไฟฟ้าแทนใบมีดโกน เพราะทำให้เกิดแผลน้อยกว่า
        
        ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม ๆ ในการแปรงฟัน หรือใช้น้ำยาบ้วนปาก เพื่อป้องกันเลือดออก
        
        สังเกตผิวหนังร่างกาย เช่น สีผิว รอยแผลเป็น รอยโรค จุดเลือด
    - - (20/12/64) BT 36.6 องศาเซลเซียส
        PR 106 ครั้ง/นาที
        BP 109/67 mmHg
        RR 18 ครั้ง/นาที
        O2 sat 99
        ไม่มีไข้ ไม่มีอาการหนาวสั่น
        ไม่มีแผลที่ปากที่คอ
        ไม่มีผื่นคันตุ่มน้ำใส
        ไม่มีอาการชาปลายมือปลายเท้า
        ถ่ายอุจจาระ 1 ครั้ง มีสีเหลือง ลักษณะนิ่ม
        ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
        ผู้ป่วยเข้าใจถึงอาการข้างเคียงของยาเคมีบำบัดที่เกิดขึ้น
        ผู้ป่วยอารมณ์ดี ยิ้มแย้ม แจ่มใส
        ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ 19/12/64
        Hemoglobin (Hb) 8.3 g/dL (L) ภาวะโลหิตจาง
        Hematocrit 26.9% (L) ภาวะโลหิตจาง
        MCV 77.0 fL (L) ภาวะโลหิตจาง
        RBC 3.50 x 10^6 /uL (L) เม็ดเลือดแดงน้อย
        MCH 23.8 pg (L) ภาวะโลหิตจาง
        MCHC 30.9 g/dL (L) ภาวะโลหิตจาง
      - (21/12/64) BT 37.2 องศาเซลเซียส
        PR 80 ครั้ง/นาที
        BP 119/69 mmHg
        RR 16 ครั้ง/นาที
        O2 sat 99%
        Pain score = 0
        ไม่มีไข้ ไม่มีอาการหนาวสั่น ไม่มีแผลที่ปากที่คอ ไม่มีผื่นคันตุ่มน้ำใส
        ไม่มีอาการชาปลายมือปลายเท้า ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
        ผู้ป่วยเข้าใจถึงอาการข้างเคียงของยาเคมีบำบัดที่เกิดขึ้น ผู้ป่วยอารมณ์ดี ยิ้มแย้ม แจ่มใส ไม่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
      - (23/12/64) BT 37.4 องศาเซลเซียส
        PR 70 ครั้ง/นาที
        BP 118/67 mmHg
        RR 18 ครั้ง/นาที
        O2 sat 99%
        Pain score =0
        ไม่มีไข้ ไม่มีอาการหนาวสั่น ไม่มีแผลที่ปากที่คอ ไม่มีผื่นคันตุ่มน้ำใส
        ไม่มีอาการชาปลายมือปลายเท้า ถ่ายอุจจาระ 1 ครั้ง มีสีเหลือง
        ลักษณะนิ่ม ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ผู้ป่วยเข้าใจถึงอาการข้างเคียงของยาเคมีบำบัดที่เกิดขึ้น ผู้ป่วยอารมณ์ดี ยิ้มแย้ม แจ่มใส
        ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (23/12/64)
        Hemoglobin (Hb) 7.8 g/dL (L) ภาวะโลหิตจาง
        Hematocrit 25.1 % (L) ภาวะโลหิตจาง
        MCV 76.2 fL (L) ภาวะโลหิตจาง
        RBC 3.30 x 10^6 /uL (L) เม็ดเลือดแดงน้อย
        MCH 23.6 pg (L) ภาวะโลหิตจาง
        MCHC 31.0 g/dL (L) ภาวะโลหิตจาง
        WBC 3.76 x10^3/uL (L)
        Corrected WBC 3.76 x10^3/uL (L)
        Neutrophil 84.3% (L)
        Lymphocyte 14.2% (L)
        Monocyte 1.1% (L)
        Eosinphil 0.4%
        Basophil 0.0 %(L)
        Platelet count 166 x10^3 /uL
        MPV 87 fL
  - - - V/S ปกติ
        BT 36.5-37.4 องศา
        ไม่มีไข้ ไม่มีเสมหะ ไม่มีอาการหนาวสั่น ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ช่องปากไม่มีฝาขาว ตำแหน่งที่ให้สารน้ำไม่มีอาการกดเจ็บ บวม แดง ร้อน ไม่มีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ไม่มีอาการหายใจเต้นผิดจังหวะ สามารถเคลื่อนไหวข้อได้ปกติ ปัสสาวะไม่แสบขัด ไม่มีตะกอน
        ค่า white blood cell 4-11 x10^3 cell/mm3
        Neutrophil 50-70%
        Lymphocyte 20-40%
        Monocyte 0-7%
        Basophil 0-1%
        Eosinophil 0-5%
    - - ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำหมูก ท้องเสีย ซึม อ่อนแรง คลื่นไส้อาเจียน ช่องปากมีฝ้าขาว ตำแหน่งที่ให้สารน้ำมีอาการกดเจ็บ บวม แดง ร้อน มีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ไม่หายใจเต้นผิดจังหวะ ไม่สามารถเคลื่อนไหวข้อได้ปกติมีหนอง ปัสสาวะแสบขัด มีตะกอน
        Record V/S ทุก 4 ชั่วโมงเพื่อประเมินภาวะไข้
        ติดตามโดยเฉพาะอุณภูมิร่างกายและชีพจร
        ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์ Dexamethaxone 40 ml iv
        ให้ผู้ป่วยระมัดระวังในการเข้าห้องน้ำเพราะ ยา Dexamethasone นี้
        อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะหรือง่วงนอน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
        ‪ปฏิบัติตามหลัก Standard Precautions ก่อนให้การพยาบาลผู้ป่วย และ ล้างมือ 5 moment คือ
        1.ก่อนสัมผัสตัวผู้ป่วย
        2.หลังสัมผัสตัวผู้ป่วย
        3.ก่อนการทำหัตถการกับผู้ป่วย
        4.หลังสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย
        5.หลังสัมผัสสิ่งที่ล้อมรอบตัวผู้ป่วย‬
        แนะนำให้ผู้ป่วยล้างมือบ่อยๆ ก่อน-หลัง การทำกิจกรรมต่างๆ
        ตรวจดูบริเวณ IV site ทุกวัน หากพบว่า บริเวณนั้น เริ่มแดง บวม หรือ มี discharge ให้ off และเปิดเส้นใหม่ เปลี่ยนเส้นให้ IV ทุก 3 วัน หากพบว่าผิวหนังเริ่มมีอาการบวมแดงให้เปลี่ยน IV site ไม่ต้องรอครบ 3 วัน
        ดูแลสุขลักษณะส่วนบุคคล (personal hygiene)ให้กับผู้ป่วย เพื่อลดการติดเชื้อ
        ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ประมาณ 2000-3000 cc/day
        ให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารอ่อน ที่สุก สะอาด ย่อยง่าย มีวิตามินและโปรตีนสูง
        ส่งเสริมให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเบาๆ และเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ
        ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ เช่น ค่า CBC
    - - (20/12/64)ไม่มีไข้ หนาวสั่น ไม่มีเสมะ ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ช่องปากไม่มีฝาขาว ตำแหน่งที่ให้สารน้ำไม่มีอาการกดเจ็บ บวม แดง ร้อน ไม่มีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ไม่มีอาการหายใจเต้นผิดจังหวะ สามารถเคลื่อนไหวข้อได้ปกติ ปัสสาวะไม่แสบขัด ไม่มีตะกอน
        BT 36.6 องศาเซลเซียส
        PR 106 ครั้ง/นาที
        BP 109/67 mmHg
        RR 18 ครั้ง/นาที
        O2 sat 99%
        Pain score = 0
        ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (19/12/64)
        WBC 9.47 x 10^3 /uL ปกติ
        Neutrophil 81.5 % สูงกว่าปกติ (มีการติดเชื้อ)
        Lymphocyte 12.8% ต่ำกว่าปกติ (เกิดจากการได้รับยาเคมีบำบัด)
        Eosinophil 0.0% ต่ำกว่าปกติ (ร่างกายอาจอยู่ในสภาวะเครียดอย่างหนัก)
        Basophil 0.0% ต่ำกว่าปกติ(อยู่ในสภาพเครียดอย่างหนัก)
      - (21/12/64) ไม่มีไข้ หนาวสั่น ไม่มีเสมะ ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ช่องปากไม่มีฝาขาว ตำแหน่งที่ให้สารน้ำไม่มีอาการกดเจ็บ บวม แดง ร้อน ไม่มีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ไม่มีอาการหายใจเต้นผิดจังหวะ สามารถเคลื่อนไหวข้อได้ปกติ ปัสสาวะไม่แสบขัด ไม่มีตะกอน
        BT 37 องศาเซลเซียส
        PR 82 ครั้ง/นาที
        BP 110/66 mmHg
        RR 18 ครั้ง/นาที
        O2 sat 99%
        Pain score = 0
        ยังไม่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
      - (23/12/64) ไม่มีไข้ หนาวสั่น ไม่มีเสมะ ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ช่องปากไม่มีฝาขาว ตำแหน่งที่ให้สารน้ำไม่มีอาการกดเจ็บ บวม แดง ร้อน ไม่มีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ไม่มีอาการหายใจเต้นผิดจังหวะ สามารถเคลื่อนไหวข้อได้ปกติ ปัสสาวะไม่แสบขัด ไม่มีตะกอน
        BT 37.4 องศาเซลเซียส
        PR 70 ครั้ง/นาที
        RR 18 ครั้ง/นาที
        BP 118/67 mmHg
        O2 sat 99%
        Pain score = 0
        ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (23/12/64)
        WBC 3.76 x 10^3 /uL
        Corrected WBC 3.76
        Neutrophil 84.3 %
        Lymphocyte 14.2 %
        Monocyte 1.1%
        Basophil 0.0%
        Platelet Count 166 x 10^3/uL
  - - - ผู้ป่วยมีอาการเจ็บ ขณะกดตำแหน่งที่บวม Pain score = 1
      - มือข้างขวามีอาการบวมตึงขณะให้สารน้ำ
    - - ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการให้สารน้ำทางหลอดเลือดำ
    - - ตำแหน่งให้ IV อาการบวมลดลง หรือไม่บวม
      - ไม่มีอาการผิดปกติ เช่น ปวด แดง ร้อน ติดเชื้อ มีไข้
    - - สังเกตอาการและอาการแสดงของตำแหน่ง IV ที่เกิดขึ้น เช่น อาการปวด บวม แดง ร้อน
      - ให้ผู้ป่วยช่วยยกตำแหน่งเกิดภาวะแทรกซ้อนให้น้ำไหลลงตำแหน่งที่ต่ำกว่า
      - Off injection plug ในข้างที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน และย้ายตำแหน่งการให้สารน้ำในข้างที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือเปิดเส้น IV ตำแหน่งใหม่ เพื่อลดความเสี่ยง
      - สังเกตอาการและอาการแสดงที่เกิดขึ้นและบันทึกการพยาบาลที่ผู้ป่วยได้รับ
  - - - ค่า Potassium 3.14 mmol/L L
      - ค่า Chloride 109 mmol/L H
      - PR 104 ครั้ง/นาที
      - ผู้ป่วยมีริมฝีปากแห้ง
    - - ไม่มีอาการของภาวะ Hypokalemia เช่น ท้องผูก อ่อนล้า เหน็บชา
        ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
        ไม่มีอาการของภาวะ Hyperchloremia เช่น อาการหายใจลึก หอบเหนื่อย อ่อนเพลีย สับสน หมดสติ
        BP อยู่ระหว่าง 90-140/60-90 mmHg
        PR 60-100 ครั้ง/นาที
        Sodium 136-145 mmol/L
        Potassium 3.5-5.1 mmol/L
        Chloride 98-107 mmol/L
        CO2 22-29 mmol/L
    - - ประเมินภาวะขาดน้ำ ได้แก่ การตึงตัวของผิวหนังลดลง ริมฝีปากแห้ง กระหายน้ำ ความดันต่ำ ชีพจรเร็ว การเปลี่ยนแปลงการรับรู้
      - ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทาน E.KCL 50 ml เพื่อเพิ่มระดับ Potassium รวมถึงยา Onsia 16 mg + NSS 100 ml เพื่อบรรเทาการอาเจียน ตามแผนการรักษา
      - ติดตามอาการ อาการแสดงของการพร่องสมดุลของสารอาหาร น้ำและอิเล็คโตรลัยต์ และรายงานแพทย์ เพื่อช่วยเหลืออย่างเหมาะสม
        เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตลดลง คลื่นไส้ ขาดน้ำ
      - ประเมินสัญญาชีพ โดยเฉพาะ BP PR
      - ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ เช่น Eletrolyte (sodium,potassium,chloride,CO2)
      - ติดตามอาการของภาวะ Hypokalemia เช่น อาการท้องผูก อ่อนเพลีย เหน็บชา ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
      - ติดตามอาการของภาวะ Hyperchloremia เช่น อาการหายใจลึก หอบเหนื่อย อ่อนเพลีย สับสน หมดสติ
    - - (20/12/64) BT 36.6 องศาเซลเซียล
        BP 109/67 mmHg
        PR 98 ครั้ง/นาที
        RR 18 ครั้ง/นาที
        O2 sat 99%
        ผู้ป่วยมีผิวหนังชุ่มชื่นไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
        ไม่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
      - (21/12/64) BT 37 องศาเซลเซียล
        BP 110/66 mmHg
        PR 98 ครั้ง/นาที
        RR 18 ครั้ง/นาที
        O2 sat 99%
        ผู้ป่วยมีผิวหนังชุ่มชื่น ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
        ไม่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
      - (23/12/64) BT 37.4 องศาเซลเซียส
        BP 118/67 mmHg
        PR 70 ครั้ง/นาที
        RR 18
        O2 sat 99%
        Pain score = 0
        ผู้ป่วยมีผิวหนังชุ่มชื่นดี ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
        ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        Sodium 141 mmol/L ปกติ
        Potassium 3.14 mmol/L ต่ำกว่าปกติ
        Chloride 109 mmol/L สูงกว่าปกติ
        CO2 24.1 mmol/L ปกติ
  - - - ผู้ป่วยบอกว่ากังวลเกี่ยวกับการรักษา
      - ผู้ป่วยมีสีหน้าวิตกกังวล คิ้วขมวด
      - ผู้ป่วยบอกว่าคิดมากเกี่ยวกับโรคบางครั้งก็นอนไม่หลับ
    - - ผู้ป่วยไม่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยหรือยอมรับสภาพได้
    - - ผู้ป่วยไม่มีภาวะวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคที่เป็น
      - ไม่ทำหน้าคิ้วขมวด
      - นอนหลับพักติดต่อกันได้ตามปกติ
    - - ประเมินความวิตกกังวลโดยสังเกตอาการและอาการแสดง ซักประวัติสาเหตุ ที่ทำให้ผู้ป่วยวิตกกังวล หลังจากผู้ป่วยเริ่มมีอาการสงบลงด้วยท่าที และน้ำเสียงที่เป็นมิตร
      - ให้ผู้ป่วยได้รับยา Lorazepam 1 mg.tab. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้งก่อนนอน เป็นยาทำให้ผ่อนคลาย เพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ และผู้ป่วยที่วิตกกังวลที่ต้องเข้ารับผ่าตัดหรือเคมีบำบัด
      - ส่งเสริมการนอนหลับให้ผู้ป่วย โดยจัดสิ่งแวดล้อมให้โปร่ง
        โล่งสบาย อาการถ่ายเทดี ไม่มีเสียงหรือกลิ่นรบกวน
      - แนะนำวิธีการเบี่ยงเบนความสนใจให้กับผู้ป่วย เช่น การอ่านหนังสือ การฟังเพลง
    - - (20/12/64) ผู้ป่วยยังมีความวิตกกังลวเกี่ยวกับโรค และมีปัญหานอนไม่หลับเนื่องจากผู้ป่วยในหอผู้ป่วยเสียงรบกวน
      - (21/12/64) ผู้ป่วยยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรค ผู้ป่วยแก้ปัญหาด้วยการโทรคุยกับครอบครัว ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนได้มากขึ้น
      - (23/12/64) ผู้ป่วยยังมีความวิตกกังวลอยู่ และผู้ป่วยใช้วิธีคุยกับครอบครัวเพื่อลดความเครียด ผู้ป่วยพักผ่อนได้มากขึ้น ไม่มีอาการอ่อนเพลีย