Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความหมายและความเป็นมาของโลกาภิวัตน์ - Coggle Diagram
ความหมายและความเป็นมาของโลกาภิวัตน์
นักวิชาการสาขาต่าง ๆ แสดงความเห็นเกี่ยวกับความหมายและขอบเขตของโลกาภิวัตน์ไว้ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Money Fund, IMF)
โลกาภิวัตน์ คือ ความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยีที่ทําให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการดําเนินธุรกรรมระหว่างนานาประเทศได้โดยสมบูรณ์ ทั้งทางด้านการหลั่งไหลทางการค้าและการเงินข้ามพรมแดนประเทศ
2 นายแอนโทนี ไกเดนส์ (Anthony Gidens) ผู้อํานวยการของโรงเรียนเศรษฐศาสตร์แห่งลอนดอน
โลกาภิวัตน์ เน้นความสัมพันธ์ทางสังคมไปทั่วทั้งโลก โดยเชื่อมโยงท้องที่ต่างๆที่อยู่ไกลกัน จนกระทั่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในท้องที่หนึ่งได้เกิดขึ้นในท้องที่อื่นๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไป
3 สถาบันเลวิน (Levin Institute) แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
โลกาภิวัตน์ เป็น กระบวนการดําเนินงานร่วมกันของผู้คน บริษัท และรัฐบาลของชาติต่างๆ
ทั้งในด้านการค้า การลงทุนระหว่างชาติ โดยมีเทคโนโลยี ด้านการสื่อสารเป็นปัจจัยสําคัญที่เร่งให้กระบวนการนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
โลกาภิวัตน์มีผลต่อสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ระบบการเมือง การพัฒนาทางเศรษฐกิจ ความมั่งคั่ง และความเป็นอยู่ที่ดีของทุกสังคมในโลก
เฟรด ดับเบิลยู ริกก์ (Fred W. Riggs)
อ้างว่า มาจิด เทฮารานเนียน (Majid Tehranian) กล่าวไว้ว่า โลกาภิวัตน์ คือ กระบวนการที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ 5000 ปีมาแล้ว แต่เพิ่งจะมาเร่งให้เร็วขึ้นอย่างมากหลังจากการล่มสลายของสหภาพ โซเวียดในปี ค.ศ. 1991
สาระสําคัญของโลกาภิวัตน์ประกอบด้วย
(1) การส่งเงินทุน แรงงาน การจัดการ ข่าวสาร ภาพ และข้อมูลข้ามเขตประเทศ
(2) ตัวจักรกลที่ขับเคลื่อนให้โลกาภิวัตน์ดําเนินไป คือ บริษัทข้ามชาติ องค์กรระหว่าง รัฐบาล และองค์กรสื่อมวลชนข้ามชาติ
5 ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวิน บุศราคํา
โลกาภิวัตน์เป็นกระบวนการต่าง ๆ ที่ซับซ้อน
เช่น กระบวนการ ทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม การเมือง และเทคโนโลย
ที่ทําให้ผู้คนในทุกหนทุกแห่งของโลกติดต่อเชื่อมโยงถึงกัน เพื่อส่งผ่านสินค้าและบริการ แรงงาน ทุน และข่าวสารข้อมูลข้าม อาณาเขตประเทศ
1 more item...
ความเป็นมาของโลกาภิวัตน์
การเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่มีผลมาจาก โลกาภิวัตน์จากอดีตจนถึงศตวรรษที่ 21 โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา ได้แก่
ช่วงที่ 1 (Globalization 1.0) 1492-1800
ตั้งชื่อช่วงนี้ว่า Globalization of Nation States
หมายถึง ในช่วงเวลาดังกล่าว การติดต่อระหว่างประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตามผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนประเทศเท่านั้น
ตัวอย่างหลักฐานการเข้ามาในประเทศไทยในสมัยนั้น
เช่น (1) ภาพวาดเหตุการณ์ที่นายเชอวาเลียร์ เดอ โชมองต์ นําพระราชสาส์นจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
(2) ภาพวาดกรุงศรีอยุธยาเมื่อ ค.ศ. 1665 โดยฝีมือของชาวฮอลันดา
(3) ภาพวาดเหตุการณ์ที่เจ้านายจากสยามนําผ้าไหมเข้าถวายพระเจ้าหลุยส์
(4) ขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง
ภรรยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ เป็นผู้นํารูปแบบการปรุงและส่วนประกอบของขนมใน โปรตุเกสมาเผยแพร่ให้กับหญิงไทยชาววังในสมัยนั้น สืบทอดเป็นวัฒนธรรมในเขตภาคกลางของไทย
ช่วงที่ 2 (Globalization 2.0) 1800-2000
ตั้งชื่อช่วงนี้ว่า Globalization of Companies
เป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมไปจนถึงสิ้นสุดสงครามเย็น การติดต่อระหว่างประเทศโดยเฉพาะ เพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าสามารถเจรจาตกลงกันในระดับบริษัทได้โดยมีขอบเขตอยู่ภายใต้กฎหมายของทั้งสองฝ่าย
ความเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อประชากรโลกอย่างชัดเจน
การสร้างเครื่องจักรที่ใช้พลังงานจากไอน้ําและจากน้ํามันขึ้นมา เพื่อขับเคลื่อนยานพาหนะให้มีความเร็วสูงขึ้นโดยอาศัยธรรมชาติและแรงงานมนุษย์/สัตว์น้อยลง
นอกจากนั้นยังผลิตเครื่องจักรสําหรับใช้ใน กิจการอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ ทําให้ได้ผลผลิตมากขึ้นแต่ใช้เวลาน้อยลง จนทําให้อัตราการผลิตสูงกว่าอัตราการบริโภค และเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจในประเทศที่มีการพัฒนาด้านเครื่องจักร
ช่วงที่ 3 (Globalization 3.0) 2000-2005
ตั้งชื่อช่วงนี้ว่า Globalization of Individual
หมายถึง การติดต่อกับต่างประเทศในช่วงเวลานี้ประชาชนแต่ละคนสามารถดําเนินการได้เอง ทั้งนี้ต้องไม่ผิด กฎหมายของทั้งสองฝ่าย ในช่วงเวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญในสังคมโลกมากมาย
ในหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงไว้ดังนี้
1 การรวมประเทศของเยอรมันตะวันออกกับเยอรมันตะวันตก ในปี ค.ศ. 1989 ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง การเมืองและการปกครองของประเทศที่ยิ่งใหญ่ทั้งพื้นที่ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และพลังทางเศรษฐกิจ ในทวีปยุโรป
2 การเกิดอินเทอร์เน็ต (internet) ในปี ค.ศ. 1976 อินเทอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทําให้เกิดโลกาภิวัตน์ อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
3 การเกิด work flow software คือ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการทํางานเพื่อให้การทํางานมีมาตรฐาน เดียวกัน ไม่ว่าจะทํางานอยู่ที่ส่วนใดของโลกที่มีระบบอินเทอร์เน็ต
4 การเกิด open sourcing คือ การมีโปรแกรมที่เปิดเผยรหัสแก่สาธารณะ ทําให้ประชากรโลกนํามาใช้พัฒนากิจการ ของตนในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งใช้พัฒนาโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ตอบสนองความต้องการในการดําเนินกิจการของตน ได้ดียิ่งขึ้น
5 การเกิด out sourcing คือ การที่องค์กรหนึ่งจ้างหน่วยงานภายนอกให้ดําเนินกิจการบางอย่างให้กับองค์กรของตน เนื่องจากภายในองค์กรของตนไม่มีหน่วยงานย่อยที่มีหน้าที่ดําเนินกิจการนั้นโดยตรง
6 การเกิด in sourcing คือ การที่องค์กรหนึ่งมีการพัฒนา/ปรับปรุง/เปลี่ยนแปลงกิจการ ให้มีเป้าหมายเพิ่มขึ้นจากเดิม
7 การเกิด off shoring คือ การย้ายโรงงานที่ผลิตสินค้าหรือการให้บริการไปอยู่ในประเทศอื่น เพื่อให้มีกําไรสูงขึ้น เช่น ย้ายไปยังประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่า อัตราการเก็บภาษีน้อยกว่า เป็นต้น
8 การเกิด supply chaining หรือธุรกิจสายส่ง รูปแบบใหม่ที่ทําให้ผู้ผลิตสินค้าสามารถส่งสินค้าของตนให้ถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง รวดเร็ว และสินค้าไม่เสื่อมคุณภาพ ทําให้เกิดบริษัทรับส่งสินค้าและวัตถุประเภทต่าง ๆ เชื่อมโยง เครือข่ายการขนส่งไปทั่วโลก
9 การเกิด informing หรือการให้ข้อมูลข่าวสาร ในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิมโดยใช้เครื่องมือ (search engine) รูปแบบต่าง ๆ ทําให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารมีความรวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวาง ทั้งในรูปแบบของตัวอักษร เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และมีประสิทธิภาพสูงกว่าระบบโทรเลข โทรทัศน์ และโทรศัพท์ ในอดีต
10 การหลอมรวมของสื่อดิจิตอล (convergence) ทําให้เกิดความหลากหลายด้านศักยภาพในการสื่อสารข้อมูล เครื่องมือสื่อสารเครื่องหนึ่งสามารถทําหน้าที่ได้หลายอย่าง เช่น ใช้เป็น โทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป เครื่องบันทึกเสียง เครื่อง คอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์
นอกจากนั้นยังรวมถึงการรวมการให้บริการหลายอย่างไว้ในสถานที่ เดียวกัน เช่น สถานที่ขายน้ํามันเชื้อเพลิง มีร้านซ่อมรถ เป็นต้น
เขียนหนังสือชื่อ The world is flat : A brief history of the twenty first century ไว้เมื่อประมาณ
ปี ค.ศ. 2005 หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงความเป็นมา
โลกาภิวัตน์ ตรงกับคําว่า “Globalization
หมายถึง การแพร่กระจายไปทั่วโลก การที่ประชาคมโลกไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใด สามารถรับรู้สัมพันธ์ หรือรับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วกว้างขวาง
หรือรับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วกว้างขวาง
อันเนื่องมาจากการพัฒนาระบบสารสนเทศ