Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรควัณโรค - Coggle Diagram
โรควัณโรค
อาการและอาการแสดง
ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด
หายใจลำบาก
เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
อ่อนเพลีย
มีไข้ต่ำๆ
เหงื่อออกตอนกลางคืน
การใช้ยารักษาวัณโรค
ในหญิงตั้งครรภ์
1․ Isoniazid (H)
👉🏼ยาที่ละลายในไขมันได้ดีและ
มีขนาดโมเลกุลเล็ก จึงสามารถผ่านรกได้ดี
Rifampicin (R)
เป็นยาที่ดูดซึมเข้ากระแสเลือดและสามารถ ผ่านเข้าสู่รกได้ดี ระดับความเข้มข้นของยา
ใน fetal cord เท่ากับ 0.33 เท่า
3․ Ethambutol (E)
เป็นยาที่ผ่านสู่รกได้ดีมาก ระดับความเข้มข้น ของยาใน fetal cord เท่ากับ 0.75 เท่า
4․ Pyrazinamide (Z)
เป็นยาที่ถูกดูดซึมจากทางเดินอาหารได้ดี
5․ Streptomycin (S)
เป็นยากลุ่ม aminoglycoside ที่สามารถผ่านรกได้ดี โดยมี ระดับความเข้มข้นของยาใน fetal cord เท่ากับ 0.5 เท่า
6․ ยาอื่นๆ Kanamycin และ amikacin เป็นยากลุ่ม aminoglycoside ที่มีผลต่อทารกในครรภ์ได้ไม่แตกต่างจาก streptomycin จึง❌ไม่แนะนำให้ใช้ยาเหล่านี้ในหญิงตั้งครรภ์
การพยาบาล
คัดกรองภาวะเสี่ยง
ให้ยามารดาในระยะไตรมาสที่ 2 หรือหลังคลอด
ให้คำแนะนำการป้องกันการแพร่เชื้อ
ให้รับประทานยาสม่ำเสมอ
การวินิจฉัย
การตรวจเสมหะด้วยการย้อมสีทนกรด
การเพาะเชื้อ
การถ่ายภาพรังสีทรวงอกโดยใช้แผ่นกำบังท้อง
⚠หลีกเลี่ยงการส่งตรวจในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
ข้อแนะนำในการดูแลรักษาวัณโรค
ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
✳ให้วิตามินบี 6 (pyridoxine) 25 มิลลิกรัมต่อวัน
ตลอดช่วงเวลาการรักษาวัณโรค
ในกรณีที่มีการใช้ยา isoniazid ร่วมด้วย
เพื่อป้องกันภาวะปลายประสาท อักเสบ
✳การคุมกำเนิดหลังคลอดหรือการคุมกำเนิด
ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยง
วิธีการใช้ฮอร์โมนในกรณีที่มีการรักษาวัณโรค โดยใช้ยา rifampicin ร่วมด้วย
✳ภายหลังคลอดหากมารดายังเป็นวัณโรค ระยะแพร่เชื้อ (เสมหะยังย้อมพบเชื้อ)
ควรแยกมารดากับทารก ยกเว้นช่วงให้นม
วัณโรคต่อการตั้งครรภ์
ไม่มีผล
ทารกแรกเกิดมีการติดเชื้อน้อยมาก
ทารกแรกเกิด
แยกทารกจากมารดาที่กำลังเป็นวัณโรค และให้ INH3 เดือน อาจฉีด/ไม่ฉีด BCG
สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้
เนื่องจากยาขับออกทางน้ำนมได้น้อย
✍🏼การติดเชื้อ acid-fast bacillus Mycobacterium tuberculosis