Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
จอนห์ ล๊อค มาร์ติน ลูเธอร์ โธมัส ฮอบส์, นายเกณฑ์พล พระไพรี เลขที่ 2 ม…
จอนห์ ล๊อค มาร์ติน ลูเธอร์ โธมัส ฮอบส์
โธมัส ฮอบส์
แนวคิด
โทมัส ฮอบส์ นักปรัชญาชาวอังกฤษ ซึ่งเรารู้จักเขาดี ในฐานะของผู้ที่บอกว่า “มนุษย์ทุกคนล้วนมีความเห็นแก่ตัว ไม่มีใครสักคนหรือสักวินาที ที่จะทำเพื่อคนอื่นอย่างแท้จริง ทุกการกระทำที่มนุษย์ คิดว่าทำเพื่อคนอื่นนั้น แท้จริงแล้วก็เพื่อมุ่งไปสู่ผลประโยชน์ของตนเองทั้งสิ้น ทั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม”
ผลงาน
โทมัส ฮอบส์ นักปรัชญาชาวอังกฤษ ซึ่งเรารู้จักเขาดี ในฐานะของผู้ที่บอกว่า “มนุษย์ทุกคนล้วนมีความเห็นแก่ตัว ไม่มีใครสักคนหรือสักวินาที ที่จะทำเพื่อคนอื่นอย่างแท้จริง ทุกการกระทำที่มนุษย์ คิดว่าทำเพื่อคนอื่นนั้น แท้จริงแล้วก็เพื่อมุ่งไปสู่ผลประโยชน์ของตนเองทั้งสิ้น ทั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม
จอนห์ ล๊อค
แนวคิด
เขามีทัศนะเกี่ยวกับทฤษฎีความรู้ว่า ความรู้จะต้องเกิดหลังประสบการณ์ และความรู้จะเกิดขึ้นโดยอาศัยการสัมผัส เมื่อมนุษย์ได้สัมผัสก็จะมีความรู้สึก และความรู้สึกจะทำให้มนุษย์นั้นคิด และความคิดนี้คือแหล่งกำเนิดแห่งความรู้ หากปราศจากการสัมผัสมนุษย์ก็จะไม่คิด เพราะจิตโดยธรรมชาติจะมีสภาพอยู่เฉย.
ปรัชญาการเมือง
หลักคำสอนทางการเมืองของจอห์น ล็อค ที่ให้แก่ผู้มีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย มีอยู่สั้นๆ ว่า รัฐบาลที่ชอบธรรมทั้งปวง มีอำนาจที่จำกัด และดำรงอยู่ได้ด้วยความยินยอม (consent) ของผู้อยู่ใต้ปกครอง รากฐานของคำสอนนี้ คือหลักการที่ว่ามนุษย์เกิดมามีเสรี ซึ่งก็อยู่บนหลักการสากลที่ว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันอีกทีหนึ่ง
มาร์ติน ลูเธอร์
ลูเทอร์ได้ตั้งลัทธิลูเทอรัน (Lutheranism) ขึ้นโดยมีหลักความเชื่อดังนี้
ผู้ชอบธรรมจะต้องดำรงชีวิตด้วยความเชื่อเท่านั้น(The Just shall live by Faith alone) คือยืนยันว่าชีวิตนิรันดร์และความรอด เป็นรางวัลที่พระเจ้าประทานให้แก่ผู้ที่มีความเชื่อในพระองค์ และการไถ่บาปได้มาจากพระเมตตาของพระเจ้าเท่านั้น ซึ่งเป็นการต่อต้านความเชื่อของสถาบันสันตะปาปา เกี่ยวกับความจำเป็นของพิธีกรรมทางศาสนาเพื่อความรอด และการไถ่บาป
ผู้ที่เชื่อทุกคนคือผู้รับใช้พระเจ้า(Priesthood of all Believers) คือการยกเลิกนักบวชในศานาว่าเป็นผู้กุมกรรมสิทธิ์ในการติดต่อกับพระเจ้า ตามการกล่าวอ้างของสถาบันศาสนา แต่เน้นสิทธิของแต่ละบุคคลที่จะสามารถมีความสัมพันธ์โดยตรงกับพระเจ้าได้
เชื่อในคำตรัสของพระเยซูในการรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย (The Last Supper) ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่ถือว่ามีความหมายยิ่งของศาสนาเพราะเป็นการสื่อสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูและมนุษย์
สิทธิอำนาจสูงสุดมีสิ่งเดียวคือ”พระวจนะของพระเจ้า” (Word of God) นั่นคือพระวจนะที่อยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิล, พระวจนะที่ได้ยินจากคำเทศน์บนธรรมมาสน์ และพระวจนะที่อยู่ในพิธีบัพติสมาและศีลมหาสนิท ดังนั้นจึงเป็นการยกเลิกการยอมรับตามสถาบันสันตะปาปาที่ว่าที่มาแห่งสิทธิอำนาจในศาสนาประกอบด้วยพระคัมภีร์ พิธีกรรม และสถาบันศาสนา คือเป็นการประกาศยกเลิกอำนาจของสันตะปาปานั่นเอง
เชื่อในพระประสงค์และน้ำพระทัยของพระเจ้า ที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจพระองค์ ทำให้มนุษย์ไร้ความหมายที่จะกระทำสิ่งใดด้วยใจอิสระของตนเองเพื่อเปลี่ยนแปลงพระประสงค์ และน้ำพระทัยของพระเจ้าได้
แนวคิด
ลูเธอร์ได้สอนว่า การช่วยให้รอดพ้นจากบาป และด้วยเหตุนี้ ชีวิตอันเป็นนิรันดร์จึงไม่ได้มาจากการกระทำกรรมดี แต่จะได้รับเป็นของขวัญจากพระกรุณาของพระเจ้าโดยไม่เสียค่าใช่จ่ายเท่านั้น โดยผ่านทางความเชื่อของผู้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ในฐานะพระผู้ไถ่จากบาป ลัทธิเทววิทยาของเขาได้ท้าทายอำนาจและตำแหน่งของสมเด็จพระสันตะปาปา
นายเกณฑ์พล พระไพรี เลขที่ 2 ม.4/16