Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Respiratory system - Coggle Diagram
Respiratory system
สารลดแรงตึงผิว (surface tension and surfactant)
สร้างจาก alveolar type ll cell
สร้างในเดือนที่ 4 ของการตั้งครรภ์และทำหน้าที่ได้ตั้งแต่เดือนที่ 7 ของการตั้งครรภ์
เป็นของเหลวมีส่วนผสมของสารไขมันชนิดหนึ่งคือ Palmitoyl lecithin
ประโยชน์
ลดการแทรกซึมของของเหลวเข้ามาในถุง
คงสภาพของถุงลม
ช่วยลดแรงตึงผิวของของเหลวบนถุงลม
กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องการหายใจ
การหายใจเข้า-ออกแบบปกติ
กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจเข้า
External intercostals muscle
Diaphragm
การหายใจออกแบบใช้พลังงาน (Forced Expiration)
เป็นการหายใจออกแรงๆ
เช่น
ผู้ที่ออกกำลังกาย
ผู้ป่วยที่มีทางเดินอากาศตีบแคบหรือความยืดหยุ่นของปอดผิดปกติ (เช่น ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง)
จำเป็นต้องอาศัยกล้ามเนื้อช่วยหายใจออก
Abdominal muscle
Internal intercostal muscle
การหายใจเข้าที่ลึกและแรง
เช่น
ขณะออกกำลังกาย ไอ จาม หรือในผู้ป่วยโรคหอบหืด
Sternocleidomastoid
Scalenus
Respiratory part
เป็นส่วนที่มีการแลกเปลี่ยนก๊าซระหว่างหลอดเลือดฝอยกับถุงลม
Alveolar duct
Alveolar sac
Respiratory bronchioles
Alveoli
โครงสร้างผนังถุงลมประกอบด้วยเซลล์เยื่อบุชั้นเดียว
แบ่งออกเป็น
Capillary endothelial cells
เซลล์ถุงลมชนิดที่1(type l alveolar cell หรือ Squamous epithelial cells)
เป็นเซลล์ส่วนใหญ่ของผนังถุงลม
พบ pinocytic vesicles จำนวนมาก
มีบทบาท
เปลี่ยนแปลงของสาร surfactant
กำจัดฝุ่นเล็กๆ
เซลล์ถุงลมชนิดที่2(type ll alveolar cell หรือ Great alveolar)
ทำหน้าที่
สร้างสารลดแรงตึงผิว (surfactant) และพบเซลล์ macrophage
ปอด (Lungs)
Apex อยู่เหนือไหปลาร้าขึ้นไปประมาณ 1.5-2.5 ซม. และอยู่ตรงกับกระดูกสันหลัง T1
Base อยู่ติดกระบังลม ข้างขวาอยู่ตรงกับกระดูกสันหลัง T10 ข้างซ้าย T11
เยื่อหุ้มปอด (Pleura)
เป็นถุง 2 ชั้น
ชั้นในติดกับผิวนอกของปอด เรียก (visceral pleura)
ชั้นนอกติดกับผนังทรวงอก เรียก parietal pleura
ลักษณะภายนอก
Right lung
ประกอบด้วย 3 พู (lobe)
Middle lobe
Lower (Inferior) lobe
Upper (Superior) lobe
ร่อง 2 ร่อง
oblique
horizontal fissure
Left lung
ประกอบด้วย 2 พู (lobe)
Upper (Superior) lobe
Lower (Inferior) lobe
ร่อง 1 ร่อง
oblique fissure
Conducting part
ส่วนที่เป็นทางผ่านของอากาศ (Air passages)โดยไม่มีการแลกเปลี่ยนก๊าซ
ประกอบด้วย
Nose/Nasal cavity
แบ่งออกเป็น 2 ช่อง โดย nasal septem เป็นส่วนของ septal cartilage
ได้รับการค้ำจุนโดยกระดูก
ethmoid maxillary
inferior conchae
โพรงจมูกแบ่งได้เป็น 3 บริเวณ
Olfactory region
Respiratory region
Vestibule
มีเยื่อบุผิว 2 ชนิด
Respiratory epithelium
Olfactory epithelium
Pharynx
ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของอากาศและอาหาร
มีโครงสร้าง 3 ส่วน
Nasopharynx
พบ Pharyngeal tonsil (adenoid)
เป็นส่วนบนสุดของคอหอย วางตัวอยู่หลังโพรงจมูกลงมาถึงเพดานอ่อน (soft palate)
มีรูเปิดของ Eustachian’s tube
Oropharynx
วางตัวอยู่ด้านหลังช่องปาก
พบ Palatine tonsil และ lingual tonsils
เริ่มจาก soft palate ลงไปถึงระดับของกระดูก hyoid
Laryngopharynx
อยู่ด้านหลังกล่องเสียง
เริ่มตั้งแต่ระดับ hyoid ไปจนถึงระดับ cricoid
เปิดเข้าสู่กล่องเสียงด้านหน้า และเข้าสู่หลอดอาหารทางด้านหลัง
Larynx
ทำหน้าที่
ควบคุมการหายใจเข้า-ออก
การกลืนอาหาร
เป็นแหล่งเกิดเสียง
ป้องกันท่อลมในระบบทางเดินหายใจ
ประกอบด้วยกระดูกอ่อน 9 ชิ้น
Epiglottis 1 ชิ้น
Arytenoid cartilage 1 คู่
Cricoid cartilage 1 ชิ้น
Corniculate cartilage 1 คู่
Thyroid cartilage 1 ชิ้น
Cuneiform cartilage 1 คู่
Trachea
ตั้งอยู่ด้านหน้าของหลอดอาหาร
ประกอบด้วยกระดูกอ่อนเป็นรูปวงแหวนคล้ายตัว C จำนวน 16-20 ชิ้น
เริ่มจากส่วนปลายสุดของ larynx (C6) จนถึงจุดแยกเป็น bronchus ซ้าย ขวา (T5) เรียกมุมนี้ว่า carina angle
ภายในหลอดลมบุด้วยเยื่อเมือก และมีขนเล็กๆ (Cilia) และ Goblet cells ทำหน้าที่ผลิตเมือก
Bronchus (bronchi)
Bronchiole
Terminal bronchiole
หลอดเลือดที่มาเลี้ยงปอด (Blood supply to the lungs)
มี 2 ระบบ
ระบบ Brochial
ระบบ Pulmonary
Rt.Superior pulmonary vein
Rt.Inferior pulmonary vein
Pulmonary vein
Lt.Superior pulmonary vein
Rt.pulmonary artery และ Lt.pulmonary artery
Lt.Inferior pulmonary vein