Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

CA nasopharynx, Nasopharyngeal carcinoma มะเร็งหลังโพรงจมูก - Coggle…

- - - - 1 ปีก่อนมาโรงพยาบาล มีอาการลิ้นรับรสชาติไม่ได้ กลืนลำบาก คลำพบก้อนที่คอข้างซ้ายบวมเท่าครึ่งลูกปิงปอง คลำก้อนเคลื่อนไหวได้ ไม่เจ็บ จึงไม่ได้เข้ารับการรักษาเนื่องจาก สถานการณ์โควิด 19
      - 3 เดือนต่อมาผู้ป่วยจึงมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราช แพทย์ตัดชิ้นเนื้อที่ก้อนบริเวณคอไปตรวจ และวินิจฉัยว่าเป็น CA nasopharynx และทำการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อที่บริเวณคอออก และให้การรักษาโดยการฉายแสงร่วมกับเคมีบำบัด ในครั้งแรกผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงจากการได้รับยา คือ คลื่นใส้อาเจียน ปวดศีรษะ มีอาการผมร่วงเล็กน้อย และหายไปเมื่อได้ยารักษาอาการข้างเคียง
      - 10 เดือนหลังจากนั้นผู้ป่วยมาเข้ารับการรักษาโดยเคมีบำบัด ที่โรงพยาบาลทุกเดือน 11 ครั้ง โดยแต่ระครั้งได้รับยาเคมีบำบัดทั้งหมด 8 เข็ม ไม่มีอาการข้างเคียงจากการได้รับยา
      - 8 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล มีอาการลิ้นรับรสชาติไม่ค่อยได้ มาเข้ารับการรักษาโดยการให้เคมมีบำบัดตามที่แพทย์นัด ครั้งที่ 12
- - - - 12 ธันวาคม 2564
        
        KVO ด้วย NSS 250 ml. (Keep Open Rate) ให้เพื่อปรับแรงดันอุดตันในสายโดยการเปิดการหยดแบบช้าๆ
        
        Dexamethasone 20 mg + 5%D/W 50 ml IV drip ยากลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ ป้องกันผลข้างเคียงจากการใช้ยาเคมีบำบัด จากโรคกระดูกพรุน ข้อเข่าอักเสบ หรือพิษต่อตับและไต
        
        Ondansetron 16 mg dilute 20 ml IV เป็นยาที่ใช้ในการรักษาอาการคลื่นไส้และอาเจียน จากผลข้างเคียงจากการใช้ยา
        
        20% Manital 100 ml IV drip in 60 min เพื่อป้องกันพิษต่อไตจากยาเคมีบำบัด ซึ่งอาจมีอาการปวดเส้น หากเกิดอาการให้แจ้งพยาบาลเพื่อได้รับการประคบเย็นบรรเทาอาการ
        
        Chemotherapy
        
        Cisplatin 135 mg + NSS 250 ml IV drip in 2 hr. ยาเคมีบำบัดสำหรับฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ออกฤทธิโดยไปยับยั้งการจำลองตัวเองของดีเอ็นเอ
        
        5FU 650 mg + 5%D/N/2 1000 ml drip in 12 hr. ยา Fluorouracil ผู้ป่วยทุกรายจึงจะได้รับยาฉีดป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนก่อนรับยาเคมีบำบัดประมาณ 30 นาที
    - - ข้อควรระวังระหว่างรับยา
      - เนื่องจากผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ผู้ป่วยทุกรายจึงจะได้รับยาฉีดป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนก่อนรับยาเคมีบำบัดประมาณ 30 นาที
      - ยาเคมีบำบัดทุกชนิดอาจทำให้เกิดอาการแพ้ยาได้ หากรู้สึกแน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดปกติ ใจสั่น เวียนศีรษะ หายใจติดขัด ต้องแจ้งพยาบาลทันที
      - ก่อนให้ยา Cisplatin จะให้สารน้ำปริมาณมากและ mannitol เพื่อป้องกันพิษต่อไตจากยา ซึ่งอาจมีอาการปวดเส้น หากเกิดอาการให้แจ้งพยาบาลเพื่อได้รับการประคบเย็นบรรเทาอาการ
      - อาการข้างเคียงจากยาสูตรนี้
        
        หลังได้รับยา 1-2 วันอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนพะอืดพะอมผู้ป่วยจะได้รับยาป้องกันอาการกลับไปรับประทานต่อเนื่องที่บ้าน
        
        หลังให้ยาอาจมีอาการท้องเสียควรรับประทานยาแก้ท้องเสียตามแพทย์สั่งเมื่อมีอาการเท่านั้น
        
        หลังได้รับยาช่วงสัปดาห์แรกอาจมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรงอาการจะค่อยๆดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
        
        หากมีแผลหรือเจ็บแสบร้อนในปากควรแปรงฟันเบาๆและบ้วนปากวันละหลายครั้งๆด้วยน้ำยาบ้วนปากสูตรไร้แอลกอฮอล์หรือมีส่วนผสมของเกลือ
        
        เล็บมือเล็บเท้าอาจคล้ำลงผิวหนังไวต่อแสงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ
        
        ยาอาจทำให้เกิดพิษต่อไตควรดื่มน้ำต่อวันให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตรถ้าไม่มีข้อจำกัดปริมาณน้ำดื่ม
- - - - S = ผู้ป่วยบอกว่า "กลับบ้านไปกลับไปทำงานเหมือนเดิม"
      - O = จากการสอบถามผู้ป่วยเกี่ยวกับการปฎิบัติตนหลังการได้รับยาเคมีบำบัดผู้ป่วยบอกว่า " ทุกครั้งก็กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทำความสะอาจร่างกาย แค่นี้ครั้บ" ผู้ป่วยมีประวัติการได้รับยาเคมีบำบัด Cisplatin 135 mg และ Fluorouracil 650 mg เป็นเวลานาน 1 ปีและได้รับมาทั้งหมด 12 ครั้ง
      - วัตุประสงค์ : เพื่อให้ผู้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฎิบัติตนหลังการได้รับยาเคมีบำบัด
      - เกณฑ์การประเมินผล :
        
        ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการดูแลตนเองหลังจากการได้รับยาเคมีบำบัด ได้มากกว่า 3 ข้อขึ้นไป
        
        ผู้ป่วยไม่เกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงจากการได้รับยาเคมีบำบัด
        
        ผู้ป่วยสามารถปฎิบัติตนและสามารถดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินสอบถามความรู้ในการปฎิบัติตนของผู้ป่วย ว่าผู้ป่วยมีการปฎิบัติตนอย่างไรหลังจากการได้รับยาเคมีบำบัดในแต่ละครั้ง
        
        ให้ความรู้ผู้ป่วยเกี่ยวกับ ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดและวิธีการสังเกตุ
        
        อาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากการได้รับยา
        
        หลังได้รับยา 1-2 วันอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนพะอืดพะอมผู้ป่วยจะได้รับยาป้องกันอาการกลับไปรับประทานต่อเนื่องที่บ้าน เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้และจะหายไปหลังจากการได้รับยา
        
        หลังให้ยาอาจมีอาการท้องเสียควรรับประทานยาแก้ท้องเสียตามแพทย์สั่งเมื่อมีอาการเท่านั้น
        
        หลังได้รับยาช่วงสัปดาห์แรกอาจมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรงอาการจะค่อยๆดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
        
        หากมีแผลหรือเจ็บแสบร้อนในปากควรแปรงฟันเบาๆและบ้วนปากวันละหลายครั้งๆด้วยน้ำยาบ้วนปากสูตรไร้แอลกอฮอล์หรือมีส่วนผสมของเกลือ
        
        เล็บมือเล็บเท้าอาจคล้ำลง ผิวหนังไวต่อแสงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ
        
        ยาอาจทำให้เกิดพิษต่อไตควรดื่มน้ำต่อวันให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตรถ้าไม่มีข้อจำกัดปริมาณน้ำดื่ม สังเกตุการปัสสาวะ ปริมาณ สีและกลิ่น หากปัสสาวะน้อย ปัสสาวะแสบขัด มีสีเข้มควรรีบปรึกษาแพทย์
        
        หลังการให้ยาเคมีบำบัดควรพยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษต่างๆ หรือรับสารพิษที่อาจไปกระตุ้นการทำงานของมะเร็ง เช่น อยู่ในมลภาวะไอเสียรถยนต์ สัมผัสกับสิ่งสกปรก สูบบุหรี่หรือรับควันบุหรี่ ซึ่งมีสารกระตุ้นเซลล์มะเร็ง ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนไข้ที่อยู่ในสภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งอาจทำให้ผลการรักษาไม่เป็นไปตามแผนการรักษาของแพทย์ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนไข้ ถ้าหากจำเป็นต้องทำงานในที่ที่มีมลพิษ ฝุ่น ควรสวมแทสปิดปาก หรืออุปกรณ์ป้องกัน และไม่ควรอยู่ในพื้นที่นั้นเป็นเวลานานๆ
        
        ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ คนไข้อาจจะรับประทานอาหารทีละน้อยโดยแบ่งเป็นมื้อย่อย 5 – 6 มื้อ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพื่อการฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมกับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดครั้งต่อไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นโปรแกรมการรักษา
        
        5.แนะนำเรื่องการรับประทานอาหารหลังจากการได้รับยาเคมีบำบัด
        
        อาหารปรุงสุกใหม่ อาหารที่สุกและสะอาดช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหาร
        
        อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น นม และไข่ไก่ต้มสุก เป็นแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่าย โปรตีนมีความสำคัญในการเสริมสร้างเซลล์ในร่างกายที่ถูกทำลายไป ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้แนะนำปริมาณการรับประทานที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละราย
        
        ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ไตขับยาเคมีบำบัดออกจากร่างกายให้มากที่สุด และเร็วที่สุด
        
        อาหารที่ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงหลังจากการได้รับยาเคมีบำบัด
        
        เลี่ยงรับประทานอาหารค้างคืน เพราะมีความเสี่ยงที่ร่างกายจะได้รับเชื้อโรคที่กำลังเพาะตัวในอาหารได้ อาจทำให้เข้าไปก่อโรคในร่างกายจากการมีภูมิคุ้มกันต่ำอยู่แล้วได้
        
        เลี่ยงรับประทานอาหารหมัก ดอง ดิบ กึ่งสุก กึ่งดิบ เพราะมีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องร่วง
        
        เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอลล์ หรือเสพสิ่งมึนเมาอื่นๆ ในระหว่างการรักษา ที่อาจกระตุ้นการทำงานของเซลล์มะเร็ง