Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบไหลเวียนเลือด - Coggle Diagram
ระบบไหลเวียนเลือด
หน้าที่ของไหลระบบไหลเวียน
ขนส่งสารอาหารและก๊าซไปให้กับเซลล์ทุกเซลล์
ขับคาร์บอนไดออกไซด์จํากัดเซลล์ ออกนอกร่างกาย
ควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้เป็นปกติ
ป้องกันเชื้อโรคและส่ิงแปลกปลอมต่างๆเข้าสู่ร่างกาย
ควบคุมสมดุลกรด-ด่าง
หลอดเลือด (Blood Vessels)
หลอดเลือดแดงของร่างกาย (Principal artery of the body)
Aorta เป็นหลอดเลอืดแดงท่ีใหญ่ที่สุด ของร่างกายที่ออกจํากหัวใจห้องล่างซ้าย แบ่งออกเป็น3ส่วนคือ
1.1 Ascending aorta
1Right coronary artery 2 Left coronary arter
1.2 Arch of aorta หรือ Aortic arch
ตรงกับกระดูกสันหลังระดับอกที่4
Brachiocephalic artery
Right common carotid artery
Right subclavian artery
Left common carotid artery
Left subclavian artery
1.3 Descending aorta
จากระดับT4-L4 แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคืออยู่ในช่องอกเรียก Thoracic aorta
อยู่ในช่องท้องเรียก Abdominal aorta
Thoracic aorta เริ่มจากT4จนถึงรูเปิดที่กระบังลม(T12-L1)
1.Visceral branchส่งไปเลี้ยอวัยวะภายนอก
Pericardial artery ส่งไปเลี้งผนังทรวงอก
Bronchial artery
Esophageal artery
Mediastinal artery
Abdominal aorta ตั้งแต่กรูเปิด(Aorticopening)ที่กะบังลม ทอดลงไปจนถึง L4 แล้วแตกปลายออกเป็น right และ Left Common iliac artery
Inferior phrenic artery
Middle suprarenal artery
Superior mesenteric artery
Renal artery
Gonadal (Teasticular or ovarian) artery 8. Inferior mesenteric artery
Middle sacral artery
Common iliac artery
Celiac trunk
Lumbar artery
หลอดเลือดแดงบริเวณคอและศีรษะ (Artery of the Neck and head)
Common carotid artery 1 คู่แตก แขนงได้ 2 แขนงใหญ่ คือ
External carotid artery 2. Internal carotid artery
หลอดเลือดแดงของรยางค์บน (Arteries of the upper limb)
Subclavian artery
ข้างซ้ายแตกแขนงมาจาก arch of aorta ข้างขวาแตกแขนงจาก brachiocephalic artery
Vertebral artery
เมื่อเข้าสู่กะโหลกศีรษะ ทั้งสองข้างจะรวมกันเป็น Basilar artery ให้แขนงไปเลี้ยง cerebellum, pons และหูส่วนใน
• Basilar a. ให้แขนงเป็น Posterior cerebral artery 1 คู่ (เลี้ยง occipital และ temporal)
เป็นแขนงมาจากSubclavianartery
Axillary artery
ต่อจาก Subclavian artery ผ่านขอบล่างของกระดูกซี่โครงที่ 1 เข้าสู่รักแร้ เปลี่ยนชื่อ เป็นAxillaryarteryแตกแขนงเลี้ยงโครงสร้างภายในรักแร้ บริเวณส่วนบนของอกและไหล
Brachial artery
เป็นแขนงต่อจํากAxillaryartery เร่ิมต้นท่ีขอบล่างของกล้ามเนื้อ teresminor ให้และที่ข้อศอกแตกออกเป็น2
แขนงใหญ่
Ulnar artery 2. Radial artery
หลอดเลือดแดงของเชิงกราน และรยางค์ล่าง (Arteries of pelvic and lower limb)
Common iliac arteryแยกจาก abdominal aorta ที่ระดับ L4 แล้วทอดไปยัง sacroiliac
joint เป็น
Internal iliac artery
ให้แขนงไปเลี้ยงกระเพาะปัสสาวะ ลําไส้ใหญ่ ส่วน rectum อวัยวะสืบพันธ์ุภายในและภายนอก กล้ามเนื้อก้นต้นขา
External iliac artery
หลอดเลือดดําบริเวณต่างๆของร่างกาย
มี 3 ชนิด
Superficial vein ที่สำคัญได้แก่ small และ great saphenous vein 2. Deep vein เช่น femoral vein 3.Venoussinusเป็นหลอดเลือดดําท่ีพบในกะโหลกศีรษะ
Superior vena cava (SVC)
รับเลือดดําจํากส่วนบนของร่างกายจนถึงกะบังลมไปเทเข้าที่ right atrium
เป็นกํารรวมกันของRt.และLt.brachiocephalicv.(เกดิ จากinternaljugularvein
และ subclavian vein) ส่งเลือดเข้าสู่ SVC
มีแขนงคือ
Mediastinal vein
Azygos vein
Small pericardial veins
Inferior vana cava(IVC)
จุดเริ่มต้นที่L5+Rt.commonliliac vein
รับเลือดจากด้านล่างไปด้านบนของร่างกาย ทอดขึ้นไปด้านขวา ของabdominal aorat
สิ้นสุดที่ righ atrium
Portal venous system รับเลือดจากอวัยวะในระบบทางเดินอาหาร แล้วส่งสู่ตับ
Dural sinus
รับเลือดดําจํากสมองแล้วเข้าสู่ internal jugular vein
Internal jugular vein ทอดลงล่างภายใน carotid sheath โดยคู่กับ vagus nerve และ carotid artery แล้วเทเข้าสู่ brachiocephalic vein
External jugular vein เทเลือดเข้า subclavian vein
ระบบไหลเวียนเลือด (Cardiovascular system)
เลือด ประกอบด้วย เม็ดเลือด พลาสมาและเกล็ดเลือด
เม็ดเลือด
เม็ดเลือดแดง(Redbloodcell)
ทําหน้าท่ีขนส่งออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซค์
มีขนาดประมาณ 7 ไมโครเมตร ถูกสร้างที่ไขกระดูก ทำลายที่ ตับ ม้าม ไขกระดูก
-อายุการทํางานในกระแสโลหิต ประมาณ 90-120 วัน
ภายในเม็ดเลือดแดงมสีสารช่ือฮีโมโกลบิล(hemoglobin)
การสร้างเม็ดเลือดแดง(Erytropoiesis)
Embryo : yolk sac
Mid-trimester : liver, spleen
Last month of gestation & after birth: red bone narrow (Flatbone
อัตตราการสาร้าง400-500มล./เดือน
ถูกควบคุมโดยฮอร์โมนerythropoietin
กํารทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง(Redcell destruction)
RBC destruction : hemoglobin (heme+globin) -----> phagocytosis by macrophages in liver, spleen & bone marrow
เม็ดเลือดขาว (Whitebloodcells)
มีหน้าที่ป้องกัน การรุกรานของแบคทีเรียและเชื้อโรคหรือสารแปลกปลอมต่างๆ เซลล์เม็ดเลือดขาวประมาณ5,000-10,000/ลบ.มม
2.)เม็ดเลือดขาวชนิดAgranulocytes
2.1 Lymphocytes
2.2 Monocytes
1.) เม็ดเลือดขาวชนิด Granulocytes
1.1 Neutrophils
1.2 Eosinophils
1.3 Basophils
คุณสมบัติที่สำคัญของเม็ดเลือดขาว3ประการ 1 .Diapedesis:สํามารถเคลื่อนที่ผ่านผนังหลอดเลือดฝอยไปไปยังเนื้อเยื่อได้ 2.Chemotaxis:สามารถเคลอื่นที่เข้าหาสารเคมีท่ีปล่อยจํากเนื้อเยื่อที่ถูกทําลํายได้ 3. Phagocytosis : สามารถเก็บกินส่ิงแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย
Neutrophils
เป็นเม็ดเลือดขาวที่พบมากที่สุด
มีนิวเคลียสหลายพู
มีหน้าที่ทำลายเชื้อแบคทีเรีย
ทำลายสิ่งแปลกปลอมโดยจับกิน แบบฟาโกไซโทซิส
Eosinophils
มีประมาณ1-3%ของเซลล์เม็ดเลือดขาวทั้งหมด
มีนิวเคลียส 2พู
มีหน้าในการทำลายสารพิษของ histamine ที่ถูกสร้างจาก mast cells ในขณะที่ เนื้อเยื้อมีการถูกทํางําน
เพิ่มจำนวนเมื่อติดเชื้อพยาธิและเกิดการแพ้
Basophils
มีประมาณ1%จากทั้งหมด
สร้างhistamineทําให้เกิดการแพ้หรืออักเสบ
สร้างสารheparinช่วยการแข็งตัวของเลือด
Lymphocytes
มีนิวเคลียสใหญ่เกือบเต็มเซลล์
มีประมาณ30%ของเซลล์เม็ดเลือดขาวทั้งหมดแบ่งเป็นB-cellเจริญที่ไขกระดูก และ T-cell พัฒนาที่ต่อมไทมัส
มีหน้าที่เกี่ยวข้องข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
Monocytes
มีประมาณ3-8% เป็นเม็ดเลือดขาวที่ใหญ่ที่สุด
มีนิวเคลียสรูปคล้ายไต
เมื่อแทรกออกจากหลอดเลือดสู่เนื้อเยื่อต่างๆ จะเจริญเป็นแมโครฟาจ
(macrophage) ทําลายเชื้อโรค โดยวิธีฟาโกไซโทซิส
มีกน้าที่กินสิ่งแปลกปลอมต่างๆ
พลาสมาหรือน้ำเลือด(Plasma)
•มีประมาณ55%ของปริมาณเลือดหมดประกอบไปด้วยน้ำประมาณ91%สารโปรตีน 7%มีลักษณะใสไม่มีเซลล์
คือส่วนที่ได้หลังจากแยกจากเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือด เม็ดเลือดขาวออก
ทําหน้าที่ช่วยขนส่งโมเลกลุ ต่างๆ เช่น ไขมันหรือ โปรตีน และฮอร์โมนบางชนิด
เกล็ดเลือด (Blood Platelet, Thrombocyte)
เกล็ดเลือดเป็นส่วนของcytoplasmของmegakaryocytesไม่มีนิวเคลียส
1ลบ.มมมีเซลล์เกล็ดเลือดประมําณ140,000-400,000เซลล์
มีหน้าให้เลือดหยุดไหลดห้ามเลือด