Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะแทรกซ้อนในระยะที่1-3 - Coggle Diagram
ภาวะแทรกซ้อนในระยะที่1-3
ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์คลอด:PROM
ปัจจัยเสี่ยง
-การติดเชือในโพรงมดลูกและช่องคลอด - การติดเชือทางเดินปัสสาวะ - มดลูกมีความตึงตัวมากกว่าปกติ
การวินิจฉัย 1.ซักประวัติจากสตรีตั้งครรภ์ 2.การตรวจภายในควรใช้ Vaginal speculum เท่านั้น เพื่อดูลักษณะว่าเป็นน้ำคร่ำ,ตกขาว,ช่องคลอดอักเสบ 3. ตรวจทางห้องปฏิบัติการ 3.1) Nitrazine paper test : ใช้กระดาษ nitrazine แตะสิ่งคัดหลั่งบริเวณช่องคลอดเพื่อทดสอบกรด-ด่างของช่องคลอด (Normal pH 4.5 - 6 และ pH น้าคร่้า 7 - 7.5) Nitrazine จะเปลี่ยนสี
3.2) Fern test (Arborization) : เอาของเหลวที่ขังในแอ่งช่องคลอดไปป้ายสไลด์ทิ้งไว้ให้แห้ง ถ้าน้าคร่้าแตกออกมาแล้ว จะเห็นผลึกรูปใบเฟิร์นเพราะในน้าคร่ำมี NaCl 4.การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
ภาวะแทรกซ้อน 1.การติดเชือในโพรงมดลูก (Chorioamnionitis) 2. ภาวะรกลอกตัวก่อนก้าหนด (Abruptioplacenta) 3.ภาวะสายสะดือโผล่ย้อย (Prolap cord) 4.ทารกในครรภ์เสียชีวิตจากหลอดเลือดสายสะดือฉีกขาด 5.ทารกคลอดก่อนกำหนด
แนวทางการดูแลรักษา 1.ประเมินและยืนยันอายุครรภ์ที่แน่นอน โดยการคำนวณจาก LMP หรือ การ U/S 2.ประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ RDS ของทารก 3.การประเมินอาการแสดงของการติดเชื้อเป็นระยะ 4.ให้ยา glucocorticoid เพือกระตุ้นปอดทารกในครรภ์ 5.ให้ยายับยั้งการหดรัดตัวของมดลูกในรายที่อายุครรภ์ไม่ครบกำหนด 6.ตรวจดูภายในช่องคลอดด้วย sterile speculum
หากมีการคลอดก่อนกำหนด
การทำNST การตรวจ BPP การตรวจultrasound เพื่อดูปริมาณน้ำคร่ำ ค่าปกติ มากกว่าหรือเท่ากับ5ซม. ประเมินความสมบูรณ์ของปอดทารกในครรภ์ด้วยวิธีต่างๆเช่น foam test ต้องได้ผลบวก 3/5 หลอด
กรณีที่อายุครรภ์ ≥ 34 สัปดาห์
-ในรายที่มีน้ำเดินเกิน 18 ชั่วโมง หรือมี chorioamnionitis แพทย์จะชักนำการคลอด -กรณีที่มีน้ำเดินไม่ถึง 18 ชั่วโมง ให้การดูแลแบบ expectant ร่วมกับให้ยาปฏิชีวนะป้องกันการติดเชือ GBS
กรณีทีอายุครรภ์ตั้งแต่ 24-33 สัปดาห์
-ให้การดูแลแบบ expectant โดยตรวจวัดสัญญาณชีพและ CBC ทุกวัน - เฝ้าระวังทารกในครรภ์ ตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อวัดปริมาณน้ำคร่ำ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง -ให้ยาสเตียรอยด์แบบครั้งเดียว -ประเมินสุขภาพมารดา ได้แก่ วัดสัญญาณชีพ ตรวจร่างกายทั่วไปเบื้องต้น และตรวจครรภ์ -ประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ โดยการฟัง FHS ด้วยหูฟัง เครือง Doptone หรือตรวจ
cardiotocography ร่วมกับตรวจการหดรัดตัวของมดลูก
สตรีตั้งครรภ์จะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้เมือ
ได้รับความยินยอมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ซึ่งจะพิจารณาเป็นราย ๆ ไป
สามารถติดตามเฝ้าระวังสุขภาพมารดาและทารกในครรภ์ ภายใน 72 ชั่วโมง หลังออกจากโรงพยาบาล
ผู้ป่วยเข้าใจดีถึงอาการและอาการแสดงของ chorioamnionitis
ผู้ป่วยสามารถวัดอุณหภูมิกายได้วันละ 2 ครั้ง
ผู้ป่วยสามารถมาพบแพทย์ตามนัดได้
ภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด:Preterm Labor
หมายถึง ภาวะเจ็บครรภ์คลอดที่เกิดในช่วงอายุครรภ์ก่อน 37 สัปดาห์ โดยมีการหดรัดตัวของมดลูกอย่างสม่ำเสมอ 4 ครั้งใน 20 นาที หรือ 8 ครั้ง ใน 1 ชั่วโมง ร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลงของปากมดลูก โดยมี การเพิ่มขยายของปากมดลูกมากกว่า 1 เซนติเมตร หรือปากมดลูกมีความบางตัวตังแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป
สาเหตุ:จะมีการหลั่งสารคอร์ติซอล (cortisol) ออกมาจากต่อมหมวกไต ส่งผลให้รกสร้างสาร prostaglandin มากขึ้น คอร์ติซอลจะไปกระตุ้นเนื้อรกให้สร้างสาร corticotropin releasing hormone (CRH) ซึ่งไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้สร้างสาร prostaglandin มากขึ้น ทำให้เกิดภาวะเจ็บครรภ์คลอด ซึ่งการคลอดก่อนก้าหนดน่าจะมีสาเหตุจากการกระตุ้น hypothalamic- pituitary-adrenal axis ของสตรีตั้งครรภ์หรือทารกก่อนกำหนด ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อ มดลูกได้รับอุบัติเหตุ หรือมีเลือดออกบริเวณเนือรก เป็นต้น
ผลกระทบต่อทารก
ภาวะปอดไม่สมบูรณ์ (Respiratory distress syndrome) เป็นภาวะที่เกิดขึนทันทีหลังคลอด ยิ่งอายุครรภ์น้อยยิ่งเกิดได้มาก
ภาวะเลือดออกในสมองอย่างเฉียบพลัน (Intraventricular hemorrhage)
ภาวะลำไส้อักเสบเน่าตาย (Necrotizing enterocolitis)
การติดเชื้อคลอดจากมารดาที่มีการติดเชื้อในช่องคลอดหรือน้ำเดิน
น้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์และพัฒนาการช้า
การรักษา
ยายั้บยั้งการหดรัดตัวของมดลูก (Tocolytic drug)
Corticosteroid
กระตุ้นการเจริญของปอดของทารกในครรภ์
Dexamethasone 6 mg IM q 12 hr x 4 dosesBetamethasone 12 mg IM q 24 hr x 2 doses
Antibiotic แนะนำใช้ในกรณี PRROM และ Group B streptococci carrier