Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Anus Cancer T4N0M1 - Coggle Diagram
Anus Cancer T4N0M1
8.มีโอกาสเกิด Low Self Esteem
การพยาบาล
1.พูดคุย ซักถาม สังเกตุพฤติกรรม
2.ให้ข้อมูลย้อนกลับที่ดี สนับสนุน สร้างความเชื่อมั่น
3.แนะนำให้รู้จักกับทวารเทียมตนเองมากขึ้น
4.สังเกตุการแสดงออกของญาติ ให้กำลังใจและเสริมสร้างความมั่นใจ
5.เสริมEmpowerment แก่ผู้ป่วยและญาติ
9.เสี่ยงต่อการเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
การพยาบาล
1.อธิบายวัตถุประสงค์ของการใส่สายสวน
2.ประเมินการติดเชื้อและติดตามสัญญานชีพ
3.กระตุ้นให้ดื่มน้ำอย่างน้อย2 ลิตรต่อวัน
4.ดูแลการทำงานและตำแหน่งของสายF/C
5.ดูแลทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธ์เช้า-เย็น
6.ให้การพยาบาลโดยยึดหลักAseptic technique
7.ติดตามผล U/A,U/C,H/C
8.ประเมินIntake/Output
10.มีโอกาสเกิดภาวะMalnutrition
การพยาบาล
1.ประเมินภาวะMalnutrition ของผู้ป่วย
2.ประเมินการได้รับสารน้ำสารอาหารในแต่ละวัน
3.ชั่งน้ำหนักสัปดาหืละ1-2ครั้ง
4.กระตุ้นให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
11.เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการฉายแสง
การพยาบาล
1.แนะนำการปฎิบัติตัวขณะและหลังรับการรักษาด้วยการฉายแสง
2.แนะนำอาการข้างเคียงจากการฉายแสง
3.แนะนำดูแลบริเวณทวารหนักเนื่องจากอับชื้นได้ง่ายเสี่ยงต่อการเกิด Moistdesquamation
4ดูแลไม่ให้เส้นที่แพทย์ขีดไว้ลบเลือน ห้ามแกะ เกา
5.แนะนำวิธีทำความสะอาดแผลบริเวณที่ได้รับรังสีรักษา
6.ประเมินและให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและญาติ
7.แนะนำรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง
8.แนะนำเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนหรือภาวะผิดปกติที่ต้องรีบแจ้งหรือพบแพทย์ทันที
12.อาจเกิดอาการข้างเคียงจากยาเคมีบำบัด
การพยาบาล
1.อธิบายอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากยาเคมีบำบัด
2.ประเมินการขับถ่ายอุจจาระ ในแต่ละวัน
3.แนะนำอาหารที่ควรงดรับประทาน
4.แนะนำงดเดินทางไปอยู่ในที่ชุมนุม แออัด
5.งดอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยหรือผู้ที่เป็นโรค
6.แนะนำดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือบ่อยๆ ก่อนและหลังรับประทานอาหารหรือขับถ่าย
13.มีภาวะ Electrolyte Imbalance
การพยาบาล
1.ประเมินภาวะโภชนาการ พลังงาน สารอาหาร สารน้ำ
2.ดูแลให้ได้รับอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ
3.บันทึกปริมาณสารน้ำเข้า-ออก
4.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น Electrolytes
14.เตรียมความพร้อมในการจำหน่าย (Discharg Planning)
การพยาบาล
1.ประเมินความรู้ความเข้าใจของญาติ
3.วางแผนจำหน่ายโดยใช้หลัก D-METHOD
2.สร้างสัมพันธภาพการพูดคุยกับผู้ป่วยและญาติ
4.ประเมินผลการรับรู้จากผู้ป่วยและญาติ