Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Asthma with Acute asthmatic attack with Pneumonia with Respiratory failure…
Asthma with Acute asthmatic attack with Pneumonia with Respiratory failure
เด็กชายไทย อายุ 2 ปี น้ำหนัก 16 กิโลกรัม ส่วนสูง 95เซนติเมตรรูปร่างผอม ผิวสีคล้ำ ตื่นตัวดี มีไข้ต่ำๆ ใส่ชุดโรงพยาบาล แต่งกายสะอาด นอนบนเตียง 11 ในหอผู้ป่วยเด็กโต แขนข้างซ้าย On heparin lock การหายใจปกติ ไม่มีอกบุ๋ม ไม่มีปีกจมูกบาน รับประทานอาหารได้ดี การขับถ่ายปกติ
CC : ไข้ โอ หอบ 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล
PI : 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล ไข้ ไอ หอบ พ่นยาที่บ้านอาการไม่ทุเลา เลยไปที่รพช. RR 58/min O2sat 93% พ่น Ventolin 0.5 ml + NSS 3 ml x 3 dose อาการไม่ทุเลา RR 60/min On ETT No 5 #16 cm. จึง Referมาที่โรงพยาบาลชัยภูมิ
Acute asthmatic attack
(โรคหืดในระยะเฉียบพลัน)
กลไกการเกิดโรคหอบหืด อาจแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
การอักเสบของหลอดลมแบบเฉียบพลัน เมื่อผู้ป่วยหอบหืดสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันโดยสารก่อภูมิแพ้ที่ปรากฏในเชลล์เยื่อบุ (mucosal dendritic cells ) จะทำให้ T lymphocytes ถูกกระตุ้น เกิดการสร้าง antigen specific lgE ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ชนิด นี้มากกว่าปกติ
การอักเสบของหลอดลมเรื้อรัง มีความซับซ้อนกว่าแบบที่กล่าวมาแล้ว คือ เซลที่เกี่ยวข้อง เป็นจำนวนมาก ทั้งเซลจากกระแสเลือด เซลจากหลอดลมและถุงลม โดยเฉพาะ eosinophils พบว่าเพิ่ม มากขึ้นทั้งในเซลบุหลอดลม
การซ่อมสร้างหลอดลม (airway remodelling) เมื่อเกิดการอักเสบเรื้อรังจะเกิดการ เปลี่ยนแปลงของหลอดลมโดยผนังหลอดลมจะถูกทดแทนโดยเนื้อเยื่อชนิดใหม่กลายเป็นพังผืด (Fibrosis) กล้ามเนื้อหลอดลมหนาตัวขึ้นและต่อมมูก (mucous glang) เพิ่มจำนวนมากขึ้น เซลที่มีความสำคัญต่อการ ซ่อมสร้างหลอดลม คือ เซลล์บุหลอดลม
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยเป็นหอบหืดระยะเฉียบพลัน เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ ทำให้กล้ามเนื้อหลอดลมหดเกร็งมีน้ำมูกไหล มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นจากข้าวเปลือก ฝุ่นในห้องนอน และควัน
พยาธิสภาพและพยาธิสรีระ
กล้ามเนื้อของหลอดลมหนาขึ้น กล้ามเนื้อที่หนาขึ้นจะพบทั้งในหลอดลมขนาดใหญ่และ ขนาดเล็ก เป็นสาเหตุให้หลอดลมแคบลงกวาคนปกติเมื่อกล้ามเนื้อหดตัวในขนาดเท่ากัน
ต่อมมูก (mucous glands ) เพิ่มขึ้น ต่อมสร้างมูกในชั้นเยื่อบุหลอดลม (epithelial goblet cells) มีปริมาณเพิ่มขึ้น หลังมูกออกมาอยู่ในหลอดลมจำนวนมากขึ้น อาจจะอุดตันหลอดลมได้เป็น จำนวนมาก
Reticular besement membrane หนาขึ้น และเส้นเลือดใต้ต่อผนังหลอดลมระดับนี้ จะมี ปริมาณเพิ่มขึ้นขยายใหญ่ขึ้น และอาจจะมีการสร้างเส้นเลือดใหม่ ๆ เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ผนังหลอดลม หนาขึ้น พยาธิสภาพดังกล่าวจะทำให้หลอดลมทั้งเล็กและใหญ่แคบลง บางแห่งจะอุดตันเกิด ความผิดปกติในการระบายอากาศและแลกเปลี่ยนก๊าซ ก่อให้เกิดความผิดปกติในการตรวจสมรรถภาพ
สาเหตุ
1.ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น เป็นไข้หวัด ไซนัสอักเสบ
สัมผัสอากาศเย็น
การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ (allergens) ที่กระตุ้นให้เกิดอาการทางระบบทางเดินหายใจซึ่งจะแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคน เช่น ละอองเกสรดอกไม้ เกสรหญ้า ไรฝุ่น ขนสัตว์ มลพิษในอากาศ
2.ปัจจัยทางพันธุกรรม
โรคหอบหืดเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผู้ที่มีบิดา มารดา หรือญาติเป็น จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป
กรณีศึกษา
เกิดจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
จากสารก่อภูมิแพ้ ที่กระตุ้นให้ทางเดินหายใจเกิดอาการหายใจลำบาก เช่น ฝุ่นจากข้าวเปลือกที่ตากหน้าบ้าน ฝุ่นจากที่นอน ตุ๊กตา และควันจากการเผาฟาง
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยโรคหอบหืดจะมีอาการไอ มีเสมหะ แน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม หายใจมีเสียงหวีด และเหนื่อยหอบ โดยอาการจะเป็นๆ หายๆ ส่วนใหญ่เป็นช่วงกลางคืนหรือเช้ามืด และหลังจากสัมผัสปัจจัยกระตุ้นต่างๆ
ทั้งนี้ อาการของโรคมีตั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คือ ไออย่างเดียว มีอาการเป็นช่วงสั้นๆ หอบนานๆ ครั้ง ไปจนถึงอาการรุนแรงมาก เช่น หอบทุกวัน หรือมีอาการตลอดเวลาจนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
กรณีศึกษา
เด็กชายไทย อายุ 6 ปี 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล ไข้ ไอ หอบ พ่นยาที่บ้านอาการไม่ทุเลา เลยไปที่รพช. RR 58/min O2sat 93% พ่น Ventolin 0.5 ml + NSS 3 ml x 3 dose อาการไม่ทุเลา RR 60/min On ETT No 5 #16 cm. จึง Referมาที่โรงพยาบาลชัยภูมิ
การรักษา
แนวทางในการรักษาโรคหอบหืดประกอบไปด้วย การรักษาภาวะอักเสบเพื่อควบคุมอาการของโรคให้สงบลง และการป้องกันอาการกำเริบด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการหอบหืด เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
กรณีศึกษา
Vantolin MDI 2 puff q 4 hr.
Beraduol MDI 2 puff q 6 hr.
Budesonide MDI 1 puff BID
paracetamol 9 ml per oral q 4-6 hr.
Guaifanesin 1 tsp po pc tid.
5% DN/2 1000 ml IV drip 85 ml/hr
Pneumonia
สาเหตุ
โรคปอดบวมสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย โดยสามารถติดต่อได้จากการหายใจเอาเชื้อที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศเข้าไป
กรณีศึกษา
การวินิจฉัย
การซักประวัติ รวมทั้งอาการและอาการแสดง โดยมีอาการสำคัญ ได้แก่ ไข้ ไอ หอบ อาจมีภาวะซีด เขียว หรือหยุดหายใจ อ่อนเพลีย กินอาหารได้น้อย
การตรวจร่างกาย
ฟังเสียงปอด มักได้ยินเสียง fine หรือ medium crepitation อาจได้ยินเสียง bronchial breath sound ในกรณีที่เนื้อปอดมีพยาธิสภาพแบบ consolidation ในการฟังเสียงปอดควรต้องพยายามกระตุ้นให้เด็กหายใจเข้าให้ลึกที่สุด และฟังเปรียบเทียบกันทั้ง 2 ข้าง ถ้าผู้ป่วยหายใจไม่ลึกพอ อาจฟังไม่ได้ยินเสียง crepitation ทั้งๆที่เป็นปอดบวม
กรณีศึกษา
จากการสอบถามญาติได้ข้อมูลว่า ผู้ป่วยไปเผาฟางข้าวช่วยตาที่นา และได้แอบไปเล่นน้ำที่นาก่อนมีอาการ
หายใจหอบเหนื่อย หายใจมีหน้าอกบุ๋ม อัตราการหายใจ 40 ครั้ง/นาที
วันที่ 16 ธันวาคม 2564 ฟังปอด พบเสียง rhonchi ทั้งสองข้าง วันที่ 19 ธันวาคม 2564
พบเสียง wheezing ข้างขวา
ผล CXR คือ perihilar infiltration วันที่ 14 ธันวาคม 2564
การรักษา
ให้ออกซิเจนในรายที่มีการหายใจเร็ว หายใจหอบ เขียว
ให้สารน้ำให้เพียงพอ แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆในรายที่หอบมากพิจารณาให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและงดให้อาหารทางปากเพื่อป้องกันการสำลัก
ให้ยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ ยาลดไข้ทำกายภาพบำบัดทรวงอก กรณีที่มีภาวะหายใจวายหรือหยุดหายใจ ให้พิจารณาใส่ท่อหลอดลมคอ และใช้เครื่องช่วยหายใจ
กรณีศึกษา
5% DN/2 1,000 ml IV 65 ml/hr.
cefotaxime 1,100 mg IV q 8 hr.
Paracetamol syrup 9 ml oral prn q 4-6 hr.
On Oxygen cannula 3 LPM 1 วัน
อาการและอาการแสดง
อาการสำคัญคือ ไข้ ไอ หอบ ลักษณะทางคลินิกที่ตรวจพบได้แก่ มีไข้ ยกเว้นปอดบวมที่เกิดจากเชื้อบางชนิด
กรณีศึกษา
1 วันก่อนมาโรงพยาบาล ไข้ ไอ หอบ พ่นยาที่บ้านอาการไม่ทุเลา ผลตรวจ CBC วันที่ 14 ธันวาคม 2564 WBC=20.2 K/ul Neutrophil=89%