Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
RESPIRATORY SYSTEM PART 1, AEE5E488-71D6-48BD-8039-B6D24D438A97, 006D9263…
RESPIRATORY SYSTEM PART 1
ระบบหายใจ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ
Conducting part
ส่วนที่เป็นทางผ่านของอากศ (air passages) โดยไมมีการแลกเปลี่ยนก๊าซ
Respiratory part
เป็นส่วนที่มีการแลกเปลี่ยนก๊าซระหว่างหลอดเลือดฝอยกับถุงลม
Conduction part
Trachea
ประกอบด้วยกระดูกอ่อนเป็นรูปวงแหวน
คล้ายตัว C จำนวน 16-20 ชิ้น
เริ่มจากส่วนปลายสุดของ larynx (C6) ถึงจุดแยกเป็น bronchus ซ้าย ขวา (T5)
เรียกมุมนี้ว่า carina angle
ตั้งอยู่ด้านหน้าของหลอดอาหาร
ภายในหลอดลมบุด้วยเยื่อเมือก และมีขนเล็กๆ (cilia) และ goblet cells ทำหน้าที่ผลิตเมือก
Bronchial tree
Trachea
Primary (main) bronchi (Rt. and Lt.)
Secondary (lobar) bronchi
Rt :3 lobar bronchi
Lt : 2 lobar bronchi
Tertiary (segmental) bronchi
Subsegmental
Bronchioles
Terminal bronchioles
Larynx หรือ voice box
เป็นแหล่งเกิดเสียง ควบคุมการหายใจเข้า-ออก การกลืนอาหาร และป้องกันท่อลมในระบบทางเดินหายใจ
ประกอบด้วยกระดูกอ่อน 9 ชิ้น
Arytenoid cartilage 1 คู่
Corniculate cartilage 1 คู่
Epiglosttis 1 ชิ้น
Cuneiform cartilage 1 คู่
Cricoid cartilage 1 ชิ้น
Thyroid cartilage 1 ชิ้น
สายเสียง (Vocal cords)
สายเสียงไม่แท้ (Vestibular fold หรือ False vocal cord)
สายเสียงแท้ (Vocal fold หรือ True vocal cord)
Muscle of larynx
กล้ามเนื้อกลุ่ม intrinsic muscle ของ larynx จะเชื่อมพวก cartilage palate เข้าด้วยกันและทำให้เกิด tension ของ vocal fold สำหรับเปิดปิด glottis
กล้ามเนื้อกลุ่ม extrinsic muscles จะมี origin จาก extralaryngeal structure มาเกาะที่ cartilage ของ larynx มีหน้าที่เคลื่อน larynx ระหว่างที่มีการกลืน(Deglutition)
Bronchopulmonary segment
แต่ละ Tertiary (segmental) bronchi
รวมกับเนื้อปอดที่ล้อมรอบ เรียกว่า bronchopulmonary segment
Pharynx
Nasopharynx
มีรูเปิดของ Eustachian’s tube
พบ Pharyngeal tonsil (adenoid)
เป็นส่วนบนสุดของคอหอย วางตัวอยู่หลังโพรงจมูกลงมาถึงเพดานอ่อน (soft palate)
Oropharynx
พบ Palatine tonsils และ lingual tonsils
เริ่มจาก soft palate ลงไปถึงระดับของกระดูก hyoid
วางตัวอยู่ด้านหลังช่องปาก
เริ่มตั้งแต่ Base of skull ลงไปจนถึงกระดูกคอชิ้นที่ 6 (C6) ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของอากาศและอาหาร มีโครงสร้างแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
Laryngopharynx
เริ่มตั้งแต่ระดับ hyoid ไปจนถึงระดับcricoid
เปิดเข้าสู่กล่องเสียงด้านหน้า และเข้าสู่หลอดอาหารทางด้านหลัง
อยู่ด้านหลังกล่องเสียง
Nose
Nasal cavity
ถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่องโดย nasal septem เป็นส่วนของ septal cartilage และได้รับการค้ำจุนโดยกระดูก ethmoid maxillary และ inferior conchae
แบ่งได้เป็น 3 บริเวณ คือ
Olfactory region
Vestibule
Respiratory region
มีเยื่อบุผิว 2 ชนิด คือ
Respiratory epithelium
Olfactory epithelium
Sinuses
เกี่ยวกับการช่วยทำให้ลมหายใจอุ่นขึ้น และทำให้เสียงมีความกังวาน
Respiratory part
Alveolar duct
Alveolar sac
ประกอบด้วย alveoli ประมาณ 20 ถุง
(ประมาณ 100 ถุง เรียก 1 functional unit ของปอด)
Respiratory bronchioles
Alveoli
ปอดคนปกติมีประมาณ 300 ล้านถุงแรกเกิดมี 24 ล้านถุงและเพิ่มจำนวนเท่าผู้ใหญ่ปกติเมื่ออายุ 8 ขวบ
ปอดมีโครงสร้างท่ีประกอบด้วยถุงลม ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างกัน
โครงสร้างผนังถุงลมจะประกอบด้วยเซลล์เยื่อบุช้ันเดียว แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด
เซลล์ถุงลมชนิดที่ 1 (type I alveolar cell หรือ Squamous epithelial cells)
เป็นเซลล์ส่วนใหญ่ของผนังถุงลม
พบ pinocytic vesicles จำนวนมาก มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงของสาร surfactant และมีบทบาทในการกำจัดฝุ่นเล็กๆ
เซลล์ถุงลมชนิดที่ 2 (type II alveolar cell หรือ Great alveolar)
ทำหน้าที่สร้างสารลดแรงตึงผิว (surfactant) และพบเซลล์ macrophage
สารลดแรงตึงผิว (surface tension and surfactant)
สร้างจาก alveolar type II cell
สร้างในเดือนที่ 4 ของการตั้งครรภ์และทำหน้าท่ีได้ต้ังแต่เดือนที่ 7 ของการตั้งครรภ์
เป็นของเหลวมีส่วนผสมของสารไขมันชนิดหนึ่งคือ Palmitoyl lecithin
ประโยชน์
ลดการแทรกซึมของเหลวเข้ามาในถุง
คงสภาพของถุงลม
ช่วยลดแรงตึงผิวของของเหลวบนถุงลม
Capillary endothelial cells
Lungs
ลักษณะภายนอก
Right lung
ประกอบด้วย 3 lobe
Middle lobe
Lower (Inferior) lobe
Upper (Superior) lobe
ร่อง 2 ร่อง
oblique
horizontal fissure
Hilus
Bronchial a.
Bronchial v.
Pulmonary v.
Nerve.
Pulmonary a.
Lymph vessel
Medial surface of Rt.lung
Inferior vena cava
Superior vena cava
Heart
Azygos vein
Esophagus
Left lung
ประกอบด้วย 2 lobe
Upper (Superior) lobe
Lower (Inferior) lobe
ร่อง 1 ร่อง ได้แก่ oblique fissure
Medial surface of Lt.lung
Aortic arch
Thoracic aorta
Heart
Esophagus
Blood supply to the lungs
Bronchial
Bronchial artery and vein
Bronchial artery ข้างซ้ายเป็นแขนงของ thoracic aorta ข้างขวาเป็นแขนงของ posterior intercostalsa.ให้แขนงไปเลี้ยง
Bronchial trees จนถึง respiratory bronchioles
เยื่อหุ้มปอดช้ันใน และผนังหลอดเลือดของ pulmonary
Bronchial vein ข้างขวาเทเข้าท่ี azygos vein ข้างซ้ายเทเข้าท่ี accessory hemiazygos vein
Pulmonary
Rt. pulmonary artery และ Lt. pulmonary artery )
Pulmonary vein
Rt. Inferior pulmonary vein
Lt. Superior pulmonary vein
Rt. Superior pulmonary vein
Lt. Inferior pulmonary vein
Pleura
เป็นถุง 2 ชั้น
ชั้นนอกติดกับผนังทรวงอก เรียก parietalpleura
ชั้นในติดกับผิวนอกของปอด เรียก visceral pleura
Pleural recesses
Costodiaphagmatic recesses
Costomediastinal recesses
เส้นประสาทที่มาเลี้ยงปอด
Lung: anterior และ posterior pulmonary plexus
Parasympathetic จากเส้นประสาท vagus
Sympathetic จาก sympathetic trunk และ cardiac plexus
Bronchus
Visceral efferents from: Vagus nerve
Constrict the bronchioles : Sympathetic system
Base อยู่ติดกระบังลม ข้างขวาอยู่ตรงกับกระดูกสันหลัง T10 ข้างซ้าย T11
Apex อยู่เหนือไหปลาร้าขึ้นไปประมาณ
1.5-2.5 ซม. และอยู่ตรงกับกระดูกสันหลัง T1
กล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการหายใจ
การหายใจออกแบบใช้พลังงาน(Forced Expiration)
จำเป็นต้องอาศัยกล้ามเนื้อช่วยหายใจออก
Abdominal muscle
Internal intercostal muscle
เป็นการหายใจออกแรงๆ เช่น ในผู้ที่ออกกาลังกายหรือในผ้ปู่วยที่มีทางเดินอากาศตีบแคบหรือความยืดหยุ่นของปอดผิดปกติ (เช่น ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง)
การหายใจเข้าที่ลึกและแรง
ขณะออกกำลังกาย ขณะไอหรือจาม
หรือในผู้ป่วยโรคหอบหืด
Sternocleidomastoid
Scalenus
การหายใจเข้า-ออกแบบปกติ
กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ
Diaphragm
External intercostals muscle
: