Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปเคมีบำบัด - Coggle Diagram
สรุปเคมีบำบัด
ผลข้างเคียงจากการให้เคมีบำบัด
ผลต่อเม็ดเลือด โดยเฉพาะเม็ดเลือดขาว โดยทำให้เม็ดเลือดขาวมีปริมาณที่ลดลง และมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เกร็ดเลือดลดลง จึงทำให้เลือดออกง่ายกว่าปกติ
มีอาการอ่อนเพลีย ซึ่งจะพบในผู้ที่รับเคมีบำบัดในทุกราย และจะมีอาการอ่อนเพลียต่อไปเป็นเดือนๆภายหลังสิ้นสุดการรักษา
ผมร่วง และผมบางลง เจ็บคอ ท้องเสีย และเจ็บตา
หญิงที่ยังไม่หมดประจำเดือนนั้น การให้เคมีบำบัดจะทำให้ขาดประจำเดือนได้ และประจำเดือนกว่าจะมาต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน หรือ 1 ปีภายหลังการรักษา หรือบางครั้งก็เป็นสาเหตุให้หมดประจำเดือนก่อนเวลาอันควร (Early Menopause)
วัตถุประสงค์การทำเคมีบำบัด
เพื่อประโยชน์ในการรักษาให้หายขาดแก่ผู้ป่วยหายจากโรคมะเร็งและไม่กลับมาเป็นซ้ำ ในโรคมะเร็งบางชนิดที่มีโอกาสหายขาดจะต้องใช้เวลาในการตรวจติดตามผู้ป่วยเป็นระยะเวลาหลายปี จึงจะสรุปได้ว่าผู้ป่วยหายขาดจากโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม
ควบคุมโรค ในกรณีที่มะเร็งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ควบคุมโรคให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลงหรือไม่โตขึ้น และไม่แพร่กระจายลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
บรรเทาอาการ กรณีมะเร็งมีการแพร่กระจายเพื่อบรรเทาอาการจากโรคมะเร็ง
โรคมะเร็งบางชนิดต้องให้การรักษาโดยยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสี หรือการผ่าตัด ซึ่งมีทั้งแบบให้ยาเคมีบำบัดก่อนการผ่าตัดหรือฉายรังสี (Neoadjuvant chemotherapy) หรือให้ยาเคมีบำบัดหลังการผ่าตัดหรือฉายรังสี (Adjuvant chemotherapy)
รังสีรักษาจะแบ่งเป็น 2 ประเภท
รังสีรักษาแบบภายนอก ส่วนใหญ่ของรังสีรักษาจะเป็นการฉายแสงแบบภายนอก
รังสีรักษาแบบภายใน โดยการสอดเครื่องมือที่ให้รังสีเพื่อการรักษาที่ตำแหน่งของการผ่าตัด เมื่อฉายรังสีตามเวลาที่กำหนดแล้วก็จะเอาออก โดยวิธีการแบบนี้เรียกว่า Internal Radiotherapy หรือ Brachytherapy ซึ่งวิธีการดังกล่าวทำในโรงพยาบาลที่เป็น Center ในทำการทำรังสีรักษาที่ทันสมัย
รังสีรักษาแบบภายนอก ส่วนใหญ่จะกระทำอาทิตย์ละ 5 วัน โดยจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3-5 สัปดาห์ โดยในครั้งแรกนั้นจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า simulator เพื่อทำการกำหนดขอบเขต เพื่อให้เครื่องรังสีรักษาทำการรักษาในตำแหน่งที่ถูกต้องแม่นยำในแต่ละครั้ง
การรักษาด้วยฮอร์โมน (Endocrine Therapy)
สำหรับกลุ่มที่ยังมีประจำเดือนอยู่ (Pre Menopause)
-ยาที่ไปแย่งจับตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen Receptor Antagonist) ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ Tamoxifen
-ยาที่ยับยั้งไม่ให้้ต่อมใต้สมองหลั่งสารที่ไปกระตุ้นการทำงานของรังไข่ (GnRH Analogue ) จึงทำให้การหลั่งเอสโตรเจนลดลง ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ Zoladex ยาในกลุ่มนี้มีผู้แนะนำให้ใช้ในรายที่ต้องการจะมีบุตรภายหลังการรักษามะเร็งเต้านม และผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า การใช้ยากลุ่มนี้เดี่ยวๆ ไม่สามารถที่จะยับยั้งการทำงานของรังไข่ได้ จึงควรใช้ร่วมกับยากลุ่ม Tamoxifen และผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มักจะให้ยากลุ่มนี้ภายหลังจากเสร็จสิ้นจากการให้ยาเคมีบำบัด
สำหรับกลุ่มที่หมดประจำเดือนแล้ว (Menopause)
-ยาที่ไปยับยั้งเอนไซม์อาโรมาเตส ที่จะเปลี่ยนแอนโดรเจนให้เป็นเอสโตรเจน (Aromatase Inhibitor) ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ Arimidex
ผลข้างเคียงของฮอร์โมนบำบัด
ผลข้างเคียงระยะสั้น ได้แก่ กลุ่มอาการเหมือนหญิงวัยทองที่หมดประจำเดือน ได้แก่ ร้อนวูบวาบ ขาดประจำเดือน ความต้องการทางเพศลดลง ช่องคลอดแห้ง อารมณ์เปลี่ยนแปลง ปวดข้อ อ่อนเพลีย
ผลข้างเคียงเมื่อใช้ระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มที่ไปยับยั้งเอนไซม์อาโรมาเตส คือปัญหาเรื่องกระดุกบาง/พรุน ทำให้กระดูกหักง่าย ซึ่งต้องพิจารณาในเรื่อง สารอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีที่เพียงพอ
การพยาบาลผู้ป่วย
การเตรียมผ้ป่วยและครอบครัวก่อนได้รับยาเคมีบําบัด
การประเมินผลทางห้องปฏิบัติการ เช่น complete blood count, BUN,
creatinine, SGOT, SGPT, alkaline phosphatase, albumin, total protein
การประเมินการทํางานของหัวใจ (EKG) ในกรณีที่ได้รับยาเคมีบําบัดที่มี
ผลต่อหัวใจ เช่น Doxorubicin
การประเมินสมรรถนะทางกายของผู้ป่วย (performance status) หาก
ผู้ป่วยมีสมรรถนะทางกายไม่ดี ผู้ป่วยอาจไม่สามารถทนต่อการรักษาและผลข้างเคียงของยาเคมี
บําบัดได่ เครื่องมือที่นิยมใช้ในการประเมิน ได้แก่ Karnofsky Scale หรือ Eastern CooperativeOncology Group (ECOG)
การประเมินความเสี่ยง ได้แก่ อายุ เนื่องจากผู้ป่วยสูงอายุอาจมีผลต่อ
ความสามารถในการทํากิจวัตรประจําวันและการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันผลข้างเคียงของยาเคม
การประเมินความรู้ความเข้าใจของผู้ป่วยก่อนให้ข้อมูล การให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยในด้านต่างๆ
การพยาบาลขณะได้รับยาเคมีบําบัด
ตรวจสอบความถูกต้องของชนิด ขนาด วิธีบริหารยาเคมีบําบัดให้ตรงกับคําสั่งการรักษา
จัดเตรียมยาฉุกเฉินและอุปกรณ์จําเป็นที่พร้อมใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีการแพ้ยา
จัดเตรียม spill kit สําหรับกําจัดขยะเคมีบําบัดที่อาจหกหรือตกแตกขณะบริหารยาได้อย่างถูกต้อง
ผู้บริหารยาควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันสารเคมี
ตรวจสอบคําสั่งการรักษา ชื่อ-นามสกุลผู้ป่วย H.N. ชื่อยา ขนาด จํานวนวิธีการบริหารยา
เลือกเส้นเลือดที่เหมาะแก่การให้ยา พร้อมเข็มที่ใช้อย่างเหมาะสม โดยเลือกจากบริเวณส่วนปลายก่อน
บริหารยาเคมีบําบัดตามขั้นตอน โดยใช้หลักปราศจากเชื้อ
แนะนําผู้ป่วยให้ระมัดระวังการเคลื่อนไหวบริเวณที่แทงเข็ม
การพยาบาลภายหลังได้รับยาเคมีบําบัด
วางแผนจําหน่ายผู้ป่วย ตั้งแต่เริ่มรับผู้ป่วยเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาลและก่อนจําหน่ายกลับบ้าน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
ทบทวนข้อมูลและความรู้แก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวตั้งแต่ก่อนรักษาแก้ไขข้อมูลหรือบอกข้อมูลที่ถูกต้อง