Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปเนื้อหาการดูแลผู้ป่วยที่รับรังสีรักษาและเคมีบำบัด - Coggle Diagram
สรุปเนื้อหาการดูแลผู้ป่วยที่รับรังสีรักษาและเคมีบำบัด
รังสีรักษา
ชนิดของรังสีรักษา
Electromagnetic Radiation
รังสีเอกซ์ (x-rays) มีความยาวคลื่นน้อยกว่า 10-8 เซนติเมตรได้จากการเร่งพลังงานอนุภาคอิเล็กตรอนให้มีพลังงานสูงพอ แล้วจับให้วิ่งเข้าชนเป้าที่ทำจากทังสเตนหรือทอง พลังงานของอนุภาคอิเล็กตรอนก็จะแปรเปลี่ยนออกมาในรูปรังสีเอกซ์
รังสีแกมมา(gamma-rays) มีความยาวคลื่นน้อยกว่า 10-8 เซนติเมตร คล้ายกับรังสีเอกซ์ แต่เป็นรังสีที่ถูกปลดปล่อยออกมาจาก radioactive isotopes nucleus ใน radioactive isotopes พร้อม ๆ กับรังสีอื่น ๆ อีกหลายชนิด แต่ในทางการแพทย์ส่วนใหญ่จะกรองเอาเฉพาะรังสีแกมมามาใช้
Particle Radiation
อนุภาคอื่น ๆ ได้แก่ โปรตอน, นิวตรอน, อนุภาคอัลฟา ก็สามารถนำมาใช้ในการรักษาได้แต่ ยังอยู่ในการวิจัยและ เครื่องมือราคาแพงมาก
อนุภาคอิเล็กตรอน (Electrons) เป็นอนุภาคที่มีประจุลบ ซึ่งถูกเร่งพลังงานให้สูงจนสามารถนำมาใช้ในการรักษาได้
ผลข้างเคียงของการทำรังสีรักษา
ผลข้างเคียงเฉียบพลัน
พบตั้งแต่เริ่มการรักษาไปจนถึงภายใน 8 สัปดาห์หลังการฉายรังสี ซึ่งเกิดขึ้นกับบริเวณ ที่ฉายรังสี เช่น การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังบริเวณที่ฉายรังสี การเกิดอาการอ่อนเพลีย ภูมิต้านทานต่ำจากเม็ดเลือด ขาวลดจำนวนลง เป็นต้น
ผลข้างเคียงระยะเรื้อรัง
ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสีเสร็จสิ้นไปแล้วนานหลายเดือนจนถึง หลายปี ซึ่งเกิดจากการฉายรังสีทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือด ฝอย เช่น ถ้าฉายรังสีบริเวณอุ้งเชิงกรานจะมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือลำไส้อักเสบแบบเรื้อรังหรือช่องคลอด ตีบตัน เป็นต้น
ความหมาย
การรักษาโรคมะเร็ง (Malignant Tumor) และรอยโรคที่ไม่ใช่โรคมะเร็ง (Benign tumor) ด้วยคลื่นแม่เหล็ก ไฟฟ้าหรือ อนุภาคซึ่งเป็นรังสี โดยอาศัยคุณลักษณะของรังสีแต่ละชนิดในการทำลายเซลล์
การพยาบาล
การพยาบาลขณะได้รับรังสีรักษา
การดูแลร่างกายขณะได้รับรังสีรักษา
การป้องกัน และการจัดการ Acute radiation side effect
การพยาบาลภายหลังได้รับรังสีรักษา
การป้องกัน และการจัดการ Late radiation side effect
การฟื้นฝูร่างกายภายหลังการได้รับรังสีรักษา
การพยาบาลก่อนได้รับรังสีรักษา
การเตรียมพร้อม ร่างกาย จิตใจ สังคม
การเตรียมผลการตรวจ ทางห้องปฏิบัติการต่างๆ
เคมีบำบัด
อาการข้างเคียงของการได้รับเคมีบำบัด
มีไข้
การที่มีอุณหภูมิในช่องปากมากกว่าหรือเท่ากับ 38 องศาเซลเซียส เป็นเวลามากกว่าหรือเท่ากับ 1 ชั่วโมง หรือมีอุณหภูมิรักแร้มากกว่าหรือเท่ากับ 37.8 องศาเซลเซียส
สาเหตุ ไข้อาจเป็นอาการนำของภาวการณ์ติดเชื้อ หรืออาการของโรคมะเร็งเอง อาจพบภาวะเม็ดเลือดขาว (ซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้เชื้อโรคต่าง ๆ) ต่ำลงและเกิดการติดเชื้อ
โลหิตจาง
อาการ ซีด เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก มึนศีรษะ อาจมีเลือดออกในทางเดินอาหารทำให้อุจจาระมีสีดำ แต่อาการที่พบบ่อยที่สุด คือ อ่อนเพลีย
สาเหตุ เกิดจากเม็ดเลือดแดงมีจำนวนลดลง ซึ่งอาจเป็นผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด มีเลือดออกในทางเดินอาหาร หรือมีการสูญเสียเลือด รวมทั้งภาวะ
มีจุดเลือดหรือจ้ำเลือด
มีจุดเลือดหรือจ้ำเลือดขึ้นตามตัว เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน มีจุดแดงเล็ก ๆ ที่ตาขาว ลำตัว แขน และขา ประจำเดือนมามาก หากเป็นแผลเลือดออกเลือดจะหยุดไหลได้ช้า แม้ว่าจะเป็นแผลขนาดเล็กก็ตาม
สาเหตุ เกิดจากจำนวนเกล็ดเลือดต่ำหลังได้รับยาเคมีบำบัด
เจ็บปากเจ็บคอ
อาการ อาจมีแผลหรือมีอาการปวดแสบ ปวดร้อนในปาก ช่องปากและเหงือกมีสีแดงเป็นมัน บวม และไวต่อความร้อนเย็นของอาหาร ริมฝีปากแห้ง มีเลือดออกมีฝ้าขาว มีหนอง หรือมีเมืองในปากมากขึ้น
สาเหตุ ยาเคมีบำบัดอาจมีผลทำลายเซลล์เยื่อบุช่องปากได้
คลื่นไส้ อาเจียน
อาการ อาจเกิดขึ้นหลังจากได้รับยา 2-3 ชั่วโมง หรือหลังจากรับยาแล้วนานเป็นวัน ท่านอาจรู้สึกว่ามีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวในปาก เวลาเรออาจมีน้ำดีที่มีลักษณะสีเขียวๆ และเปรี้ยวออกมาด้วย
สาเหตุ อาจเกิดจากยา โรค หรือความเครียด
ผมร่วง
ยาเคมีบำบัดบางชนิดอาจทำให้ผมร่วงได้
ความหมาย
การใช้ยาเพื่อทำการรักษาโรคมะเร็ง โดยยาเคมีบำบัดจะเข้าไปทําลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ซึ่งยาเคมีบําบัดที่ใช้ในการรักษามีอยู่หลายประเภท ในบางครั้งแพทย์อาจพิจารณาใช้ยาเพียงชนิดเดียว แต่บ่อยครั้งมักมีการให้ยาสองชนิดหรือมากกว่าในเวลาเดียวกันแก่ผู้ป่วย เรียกวิธีการนี้ว่า “การรักษาแบบผสม” โดยประเภทและจํานวนของยาที่ผู้ป่วยได้รับจะขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ตรวจพบเซลล์มะเร็ง ระยะหรือความรุนแรงของโรค ชนิดของเซลล์มะเร็งที่เป็น ผลการตรวจย้อมพิเศษ และการกระจายของเซลล์มะเร็งสู่อวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย