Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

epistaxis, สาเหตุ - Coggle Diagram

- - - - เลือดหยุดไหน ให้ตรวจร่างกายและโพรงจมูกซ้ำและรักษาสาเหตุ
      - ไม่หยุดไหลให้ทำการ ใช้วัตดุห้ามเลือด
- - - - ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการสูญเสียเลือด
      - ผลแลปอยู่ในการปกติ Hct 36 -48 % Hb 12 - 16 g/dl RBC 4.5-6.0 x 106 cell/mm3
    - - เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการสูญเลือเลือด
    - - ประเมินภาวะไม่สมดุลของสารน้ำและอิเล็โทรไลต์ จากอาการแสดงและผล lab
      - บันทึกสัญญาณชีพและสารน้ำเข้าออกร่างกาย
      - ประเมินอาการของภาวะไม่สมดุลของสารน้ำและอิเล็กโทรไลน์ เช่น อาการกล้าเนื้ออ่อนแรง สับส เบื่ออาหาร อาเจียน
      - ดูแลเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำ 5% D water ตามแผนการรักษา
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับเลือด PRC 250 ml
        
        ก่อนได้รับเลือด วัดและบันทึสัญญานชีพเพื่อเปรียบเทียบอาการผิดปกติ ตรวจสอบชื่อ-สกุล กรุ๊ปเลือดของผู้ป่วย บอกผู้ป่วยและญาติถึงเหตุผลที่ต้องได้รับเลือด จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ให้ผู้ป่วยขับถ่ายห้เรียบร้อยเพราะต้องใชช้เวลานาน เมื่อผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการให้เลือด ควรหยุดให้เลือดและส่งเลือดไปตรวจสอบความผิดปกติที่ธนาคารเลือด
        
        ขณะได้รับเลือด บันทึกสัญญาติชีพทุกครึ่งชั่วโมงจนเลือดหมด สังเกตอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะน 50 ml แรกเพื่อประเมินควาผิดปกติ หากผู้ป่วยมีกระสับกระส่าย ความดันโลหิตผิดปกติ มีไข้หนาวสั่น มีผื่นลมพิษ หน้าแดงปวดหัว ไอหายจลำบากควรรายงานแพทย์ทันที่
        
        หลังการได้รับเลือด สังเกตอาการผิดปกติ ่น ปฏิกิริยาเมือดเลือดแตก การติดเชื้อ อาการซีด เหลือง มีไข้ หนาวสั่น อธิบายห้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนหลังการได้รับเลือดและวิธีสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เม็ดเลือดแดงแตกจากปฏิกิริยาในร่างกายทำให้ผู้ป่วยซีด มีไข้ ติดเชื้อ อาการซีด ไข้หนาวสั่น ผื่นลมพิษที่ผิดหนัง การติดเชื้อในระบบต่างๆ เช่น อ่อนเพลีย ถ่ายเหลวข
      - ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
      - ดูแลช่วยเหลือการปฏิบัติกิจวันตประจำวัน
- - - - ความดันโลหิตสูง
      - ความผิดปกติของเกล็ดเลือดหรือสารที่ช่วยนการแข็งตัวของเลือด
      - การได้รับยา
        
        มีการกินยา Aspirin โดยยาจะออกฤทธิ์ลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือด กลไกการออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ที่ทำให้เกิดการอักเสบไซโคลออกซจิหรือที่เรียกว่า ค็อกซ์ (cyclooxygenase: COX) ยังกระตุ้นการสร้างสารที่ทำให้เกิดการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ที่มีชื่อว่า ทร็อมบ็อกเซนเอทู thromboxane-A2 ดังนั้น ผลที่ได้จากการใช้ยาแอสไพริน นอกจากจะบรรเทาอาการอักเสบแล้ว ยังทำให้เกล็ดเลือดเกาะกลุ่มกันได้ยากมากขึ้น ซึ่งขนาดยาที่สูงของแอสไพริน (325-650 มิลลิกรัม ต่อครั้ง) จะได้ผลดีในการบรรเทาอาการปวดและอักเสบ2-3 ส่วนขนาดยาที่ต่ำของแอสไพริน (75-150 มิลลิกรัมต่อวัน) มีผลการรักษาที่ดีในแง่ฤทธิ์ต้านเกล็ดเลือด
      - ผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และเมื่อ 20 เป็นที่แล้วเคยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ได้รับการทำบอลลูนหัวใจ