Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้คลอดในระยะคลอด - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้คลอดในระยะคลอด
การตรวจร่างกายและการตรวจครรภ์ระยะคลอด
การตรวจครรภ์ในระยะคลอด
การตรวจครรภ์
การดู
เพื่อตรวจหาสิ่งต่อไปนี้อายุครรภ์
ลักษณะของท้อง มีท้องหย่อนหรือไม่ หรือมีกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกออกจากกัน (Diastasisrecti )
แนวลำตัวทารกตามขวางหรือตามยาวกับมดลูก การเคลื่อนไหวของทารก รอยแผลผ่าตัด และสังเกตการหด รัดตัวของมดลูก
การคลำ
2.1) ประเมินอายุครรภ์และตรวจสภาพลักษณะของทารกในครรภ์
First Leopold Handgrip (Fundal Grip) เป็นการคลาส่วนยอดมดลูก เพื่อตรวจหา ระดับยอดมดลูก
Second Leopold Handgrip (Umbilical grip) คือการคลาว่าหลังของเด็กอยู่ด้านใดของแม่
Third Leopold Handgrip (Pawlik’s Grip) เป็นการตรวจหาส่วนนา (Presenting part)
Fourth Leopold Handgrip (Bilateral Inguinal Grip) ตรวจหาระดับของส่วนนา คือตรวจดูว่ามี Engagement หรือไม่
2.2). ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก
การประเมินโดยใช้ฝ่ามือคลา ทางหน้าท้อง
การวัดความรุนแรงของการหดรัดตัวของมดลูกของโดยเครื่องมืออิเลคโทรนิค (Fetalmonitoring)
การตรวจร่างกาย
ลักษณะที่แสดงออกทั่วไป
อาการซีดจากการดูเยื่อบุตา ผิวหนังหรือริมฝีปาก
อาการเหนื่อยหอบ อาการเขียวที่ปลายเล็บ
อาการบวม โดยดูบริเวณหน้าแข้ง มือ หน้า อาจมีภาวะความดันโลหิตสูง
ดูความสะอาดทั่ว ๆ ไป ผิวหนัง เล็บมือ เล็บเท้าและความผิดปกติอื่น ๆ
การตรวจอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
การบวมของ Vulva มีหรือไม่
มีมูกเลือด (Show) หรือเลือด (Bleeding) หรือไม่
มี Skin lesion เริม หูดหงอนไก่ หรือไม่
การมีเส้นเลือดดาขอด ( Varicose vein ) ที่บริเวณ vulva มีหรือไม่
มีการเปิดแยกของช่องคลอด (Vulva gaping) หรือไม่
มี Vaginal discharge หรือไม่ ซึ่งจะบ่งบอกการติดเชื้อ
ลักษณะน้า หล่อเด็กที่ไหลออกมาเป็นอย่างไร
ลักษณะรูปร่างของร่างกาย
มารดาที่รูปร่างเตี้ยสูงน้อยกว่า 140 ซม.
น้าหนัก ควรเปรียบเทียบกับครั้งก่อนๆ เพื่อประเมินอาการบวม
ความพิการ
การตรวจสัญญาณชีพ Vital signs
อุณหภูมิ สูงเกิน 37.5O C อาจแสดงถึงภาวะขาดน้า หรือการติดเชื้อของร่างกาย
อาการหายใจหอบ เหนื่อย
ชีพจร ถ้าชีพจรเบาเร็ว ( มากกว่า 100 ครั้ง/นาที ) ผิดปกติ
ความดันโลหิต ถ้าสูงเกิน 140/90 mmHg. ขึ้นไป มีอาการบวมหรือมีโปรตีนในปัสสาวะ
การประเมินสภาพทารกในครรภ์ในระยะคลอด
1) การฟังเสียงหัวใจทารก
ใช้อุปกรณ์ในการช่วยฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์เป็นระยะ ๆ
ฟัง และนับ อัตราความเร็วของการเต้นของ หัวใจทารก
สังเกตความสม่า เสมอของจังหวะหัวใจและอัตราการเต้นของหัวใจทารกภายใน 1 นาที
ควรฟังภายหลังกล้ามเนื้อมดลูกคลายตัวประมาณ 20-30 วินาที ถ้าฟังขณะมดลูกหดตัวจะทำให้ผลไม่ แน่นอน เพราะอัตราการเต้นเปลี่ยนแปลงโดยระยะแรกที่มดลูกหดตัวจะเร็วขึ้นเล็กน้อย เมื่อหดตัวมากขึ้น อัตราการเต้นจะช้าลง แต่ไม่ช้ากว่า 100 ครั้ง/นาที และจังหวะยังคงสม่ำเสมอ
2) (Electronic FetalMonitoring)
ซึ่งเป็นการประเมินผ่านภายนอก (External fetomonitoring) ใช้อุปกรณ์ plate sensor วางบนหน้าท้องในตำแหน่งยอดมดลูกและบริเวณที่ไดยิ้นเสียงหัวใจทารกในครรภ ์ (Fetaltransducer/ fetal heart sensor) ซึ่งผู้คลอดจะติดเครื่องมือดังกล่าวตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้ผู้คลอดมีความอึดอัดไม่สุขสบายได้
การประเมินทารกในครรภ์โดยวิธี External fetomonitoring จำแนกได้ 3 รูปแบบ
รูปแบบที่ 2 Late decerelation
อัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ ค่อยๆลดลงหลังจากมดลูกหดรัดตัวเต็มที่และกลับเข้าสู่ระดับปกติ เมื่อมีการคลายตัวของมดลูก ซึ่งเป็นรูปแบบที่ผิดปกติ เพราะ FHRที่ต่ำที่สุด
รูปแบบที่ 1 Early decerelation
อัตราการเต้นของหัวใจ ค่อยๆลดลงเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวและลดลงต่า ที่สุดเมื่อมดลูกหดรัดตัว เต็มที่สูงที่สุดและกลับเข้าสู่ Baseline สัมพันธ์กับ การหดรัดตัวของมดลูก
รูปแบบที่ 3 Variable decerelation
อัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ ไม่สัมพันธ์กับการที่มดลูกหดรัดตัว มีการลดลงของ FHR ต่ำกว่า baseline
การประเมินความก้าวหน้าในระยะคลอด
1) การหดรัดตัวของมดลูก (Uterine contraction)
ประเมินและบันทึก ดังนี้ ระยะเวลาของการหดรัดตัว (Duration)ความถี่ของการหดรัดตัว (Interval)และความรุนแรงของการหดรัดตัว (Severity)
โดยประเมินเป็นระยะ ๆ คือ latent phase ควรประเมินทุก 1 ชั่วโมง และ
เมื่อเข้าสู่active phase และถี่ขึ้นเป็นทุก 15-30 นาที
2) การตรวจภายใน
เพื่อประเมินการสั้นบาง และการเปิ ดขยายของปากมดลูกระดับส่วนนาของทารกในครรภ์
โดยประเมินเมื่อมีข้อบ่งชี้ หรือทุก 4 ชม. เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการคลอดการประเมินความก้าวหน้าของการคลอดจากการตรวจภายในช่องคลอด
ข้อบ่งชี้
เมื่อมารดาเจ็บครรภ์คลอด แรกรับใหม่ในรายที่ไม่มีข้อห้าม
มดลูกหดรัดตัวถี่ นาน มีมูกปนเลือดออกมามากขึ้น เป็นต้น
เมื่อถึงระยะเวลาที่เหมาะสมตามระยะเวลาที่กำ หนดในการดูแลผู้คลอด
ข้อห้าม/หลีกเลี่ยง
ในรายที่มีประวัติเลือดออกทางช่องคลอด
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
ในรายที่มีน้ำเดินมาจากบ้าน
ในรายที่ต้องการรักษาถุงน้ำไว้
ข้อปฏิบัติในการตรวจทางช่องคลอด
เตรียมของใช้ ถุงมือสะอาดปราศจากเชื้อ น้ำยาหล่อลื่นชนิดมีน้ำยาฆ่าเชื้อ
เตรียมผู้คลอด
ใช้มือซ้ายเปิดปากช่องคลอดบริเวณ Labia minora
การตรวจทางช่องคลอด
สภาพของช่องคลอด (Condition of vagina) ควรพิจารณาว่า ผนังช่องคลอดนุ่มและยืดขยายได้ดีหรือไม่ ในรายที่มีแผลเป็นส่วนล่างของช่องคลอด (Lower vagina)
ปากมดลูก (Cervix)
2.1 ปากมดลูกมีลักษณะนุ่ม (Soft) หรือแข็ง (Firm)
2.2 มีปากมดลูกบวมหรือไม่
2.3 มีการสั้นบาง (Effacement) และการเปิ ด ( Dilatation ) ของปากมดลูกไปเท่าใด
ถุงน้ำทูนหัว (Bag of water)
ตรวจหาส่วนนำ
4.1 ส่วนนาของเด็ก (Presentation) ควรพิจารณาว่า ส่วนอะไรของเด็กที่ลงมาในเชิงกราน
4.2 ถ้าส่วนนาเป็นศีรษะให้คลาหาส่วนสาคัญของเด็ก ได้แก่ รอยต่อแสกกลาง (Sagittalsuture) ขม่อมหลัง ( Small anterior fontanelle ) ขม่อมหน้า (Largeposterior fontanelle )
4.3 ระดับของส่วนนา (Level of thepresenting part) ควรพิจารณาว่า ส่วนนาลงมาถึงระดับไหนแล้ว
ขนาดของ Moulding (Degree of Moulding)
การเกยกันของกระดูกกะโหลกศีรษะทารก เพื่อลดขนาดหัวเด็กให้มีรูปร่างเหมาะสม
และบางส่วนมีขนาดเล็กลงเพื่อที่จะได้ผ่านช่องเชิงกรานได้ง่ายขึ้น
การตรวจประเมินช่องเชิงกราน (Pelvicmetry)
เป็นการตรวจสภาพช่องเชิงกรานเพื่อประเมินดูว่า
ช่องเชิงกรานกว้างพอที่ศีรษะจะผ่านได้หรือไม่
การประเมิน Pelvic inlet
ข. Obstetrical conjugate diameter
ค. Diagonal conjugate diameter
ก. True conjugate diameter
การประเมิน Midpelvis
ก. Interspinous diameter
ข. Anteroposterior diameter
การประเมิน Pelvic outlet
ก. Interischial tuberous diameter
ข. Subpubic angle
การเตรียมด้านร่างกายและจิตใจเพื่อการคลอด
การเตรียมผู้คลอดทางด้านจิตใจ
พยาบาลควรคำนึงถึงความรู้สึก และจิตใจผู้คลอดอย่างมาก ในการตรวจ
การเตรียมผู้คลอดทางด้านร่างกาย
การเตรียมความสะอาดร่างกายทั่วไป
การเตรียมความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์
การสวนอุจจาระเพื่อเตรียมคลอด
การเตรียมความสะอาดร่างกายทั่วไป
ให้มารดาอาบน้ำ ชำระร่างกายในรายที่เจ็บครรภ์ไม่มากและมีเวลา
เพียงพอ รายที่เจ็บครรภ์ถี่ไม่มีเวลา เพียงพอ ก็ควรเช็ดตัวให้สะอาด
การเตรียมความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ุ
2.1 การโกนขนบริเวณฝีเย็บทั้งหมด (full shave )
2.2 การโกนขนเฉพาะบางส่วน ( Mini – Preparation ) โกนเฉพาะส่วนของฝีเย็บ
2.3 การไม่โกนขนเลย (No – preparation)
การสวนอุจจาระเพื่อเตรียมคลอด
เพื่อช่วยให้การหดรัดตัวของมดลูกเป็นไปได้ตามปกติ
เพื่อความสะอาดระหว่างคลอด
เพื่อทำให้เนื้อที่ภายในช่องเชิงกรานว่างมากขึ้น เด็กจะเคลื่อนต่ำลงมาได้ดี
การดูแลมารดาในระยะคลอดปกติ การดูแลเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของสตรีในระยะคลอด (ไม่ใช้ยา)
การส่งเสริมความสุขสบายในระยะคลอด
6.5.1 การบรรเทาความเจ็บปวดของสตรีในระยะคลอด (ไม่ใช้ยา) ในระยะปากมดลูกเปิดช้า (Latentphase)
1) การกระตุ้นทางผิวหนังเพื่อลดสิ่งกระตุ้นความเจ็บปวด
3) การใช้กระบวนการเรียนรู้ (cognitive process)
2) การกระตุ้นประสาทสัมผัส
6.5.2 การบรรเทาความเจ็บปวดของสตรีในระยะคลอด (ไม่ใช้ยา) ในระยะปากมดลูกเปิดเร็ว (Activephase
การใช้เทคนิคการหายใจ เป็นการฝึกการหายใจสัมพันธ์กับระดับ ความปวดและการเปิดขยายของปากมดลูก
6.5.3 การบรรเทาความเจ็บปวดของสตรีในระยะคลอด (ไม่ใช้ยา)
1) ดูแลปรับเปลี่ยนท่า
2) ดูแลในการขับถ่ายปัสสาวะ
3) ดูแลทางด้านโภชนาการ
4) จัดสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมการพักผ่อน
5) ดูแลเพื่อบรรเทาอาการปวด
6) ดูแลทางด้านจิตใจพยาบาลควรสร้างสัมพันธภาพ