Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Premature RDS-NB - Coggle Diagram
Premature RDS-NB
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
มีภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากปอดมีพื้นที่แลกเปลี่ยนแก๊สลดน้อยลง
การวิเคราะห์ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
กลุ่มอาการหายใจลําบาก (Respiratory Distress Syndrome: RDS) คือ ภาวะหายใจลําบากในทารก เกิดก่อนกําหนดเนื่องจากปอดขาดสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) เป็นปัญหาระบบทางเดิน หายใจที่พบบ่อยในทารกเกิดก่อนกําหนด อาการและอาการแสดงของภาวะ RDS สามารถพบได้ทันทีหลังเกิด และจะแสดงอาการ รุนแรงท่ีสุดในช่วง 48 - 72 ชั่วโมงหลังเกิด ซึ่งทารกจะมีอาการหายใจเร็ว (อัตราการหายใจ มากกว่า 60 ครั้ง/นาที) ซึ่งเป็นอาการแรกที่ชัดเจน และพบได้มากที่สุด
พบการดึงรั้งของช่องระหว่าง ซี่โครงหรือใต้ซี่โครง มีภาวะหยุดหายใจ (Apnea) อาการเขียว (Cyanosis) หายใจออกมีเสียงดัง ปีกจมูกบาน ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะทําให้ทารกเสียชีวิตได้ เนื่องด้วยขณะตั้งครรภ์มารดามีภาวะ Fetal Distress หรือ ภาวะทารกเครียด เป็นการบ่งบอกว่า ทารกในครรภ์อยู่ในภาวะที่อันตราย เกิดจากการที่ทารกในครรภ์ได้รับออกซิเจนจากเลือดของมารดาไม่เพียงพอ หากให้การช่วยเหลือให้ทารกคลอดไม่ทันท่วงทีอาจทำให้ทารกในครรภ์เกิดความพิการทางสมอง หรืออาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตจากการขาดออกซิเจนได้ อีกทั้งทารกรายนี้มีน้ำหนักตัวเพียง 1,004 กรัม อาจมีภาวะหายใจล้มเหลว หรือภาวะช็อกตั้งแต่แรกเกิด ความ รุนแรงของอาการเหล่านี้ในภาวะ RDS จะมีความ รุนแรงมากขึ้นหากทารกมีอายุครรภ์และน้ำหนักตัวน้อยเนื่องจากความไม่สมบูรณ์ทางสรีรวิทยา และทารกรายนี้ยังมีภาวะ PDA ส่งผลให้เลือดไปที่ปอดมาก ทำให้การไหลลัดของปอดเพิ่มมากขึ้นส่งเสริมให้ผู้ป่วยเกิดภาวะพร่องออกซิเจนจึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบาก
ข้อมูลสนับสนุน
S: -
O:
Premature male NB GA 29 wks.
น้ำหนัก 1,004 กรัม
D/A : RDS
สัญญาณชีพ
PR = 168 ครั้ง/นาที
RR = 64 ครั้ง/นาที
X-rayปอดพบ Ground glass both lung พบPerihilarInfiltration ที่ปอดด้านขวา
มีภาวะ apnea 4 ครั้ง desat 4 ครั้ง (16/10/2561)
หลังคลอดมีอาการหายใจ Grunting
การหายใจไม่สม่ำเสมอ มีการหยุดหายใจเป็นช่วงสั้นๆ
ขณะมารดาตั้งครรภ์พบภาวะ Fetal distress
พบทารกมีภาวะ PDA ร่วมด้วย
วัตถุประสงค์และเกณฑ์การประเมิน
วัตถุประสงค์
ทารกไม่มีอาการหายใจลำบากและได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ
เกณฑ์การประเมินผล
O2 Sat = 90-95%
สัญาณชีพมีค่าปกติ ดังนี้
BT ปกติ 36.8-37.2๐C
RR ปกติ 30-50 ครั้ง/นาที
PR ปกติ 120-160 ครั้ง/นาที
BP ปกติ 60-96/30-62 mmHg
ไม่มีอาการที่แสดงของ RDS ได้แก่ หายใจเร็วมากกว่า 60 ครั้ง/นาที ปีกจมูกบาน หายใจ ออกมีเสียงดัง มีอาการเขียว โดยเฉพาะอาการหยุดหายใจ เป็นต้น
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ทารกได้รับเครื่องอัดอากาศแรงดันบวกเพื่อขยายทางเดินหายใจ ตามแผนการรักษาของแพทย์ On nasal CPAP PEEP 5 cmH2O FiO20.2, keep O2sat 90-95%
ดูแลให้ยา Aminophylline 1.5 mg. V q 12 hr. ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อรักษาภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจของทารก
ติดตามค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดตลอดเวลา ควบคุมให้ > 90-95% สังเกตและประเมินอาการหายใจลําบาก ได้แก่ หายใจเร็ว ปีกจมูกบาน อาการเขียวคล้ำ โดยเฉพาะอาการหยุดหายใจ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและจะได้ให้การช่วยเหลือทันที
ดูแลจัดท่านอนทารกนอนราบ ศรีษะสูงเล็กน้อย เพื่อให้ทารกหายใจสะดวกขึ้น
ดูแลให้ทารกได้พักผ่อนและนอนหลับได้อย่างเต็มที่ เพื่อลดการใช้ออกซิเจนของร่างกาย
วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงเพื่อติดตามอาการของผู้ป่วยโดยเฉพาะอัตราการหายใจ โดยให้น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที
ติดตามผลการตรวจทาง ห้องปฏิบัติการ CXR เพื่อประเมินอาการและความคืบหน้าของการรักษา
กิจกรรมของญาติ
สังเกตและเฝ้าระวังอาการหรืออาการแสดงของอาการหายใจลำบากเช่น หายใจเร็ว ปีกจมูกบาน อาการเขียวคล้ำ โดยเฉพาะอาการหยุดหายใจ
ประเมินผล
O2 Sat = 90-95%
สัญาณชีพมีค่าปกติ ดังนี้
BT ปกติ 36.8-37.2๐C
RR ปกติ 30-50 ครั้ง/นาที
PR ปกติ 120 –160 ครั้ง/นาที
BP ปกติ 60–96/30-62 mmHg
ไม่มีอาการที่แสดงของ RDS ได้แก่ หายใจเร็วมากกว่า 60 ครั้ง/นาที ปีกจมูกบาน หายใจ ออกมีเสียงดัง มีอาการเขียว โดยเฉพาะอาการหยุดหายใจ เป็นต้น
มีภาวะติดเชื้อในร่างกายเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกัน
ยังทำงานไม่สมบูรณ์
การวิเคราะห์ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
Early Neonatal Sepsis (EOS) หมายถึง การติดเชื้อในกระแสเลือดของทารกแรกเกิดภายในอายุ 72 ชั่วโมง ซึ่งอาจมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส โดยทารกเกิดก่อนกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกที่มีน้ำหนัก แรกเกิดน้อยมาก ทารกมักได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหลังเกิด เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิด EOS และอาจมีอาการ ผิดปกติของระบบหายใจและการไหลเวียนเลือดอายุครรภ์ที่น้อยเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ในทารกเกิดก่อนกำหนด และทารกกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เกิดก่อนกำหนดเนื่องจากมารดาเจ็บครรภค์ลอดก่อนกำหนด (preterm labor) มารดามีถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์ หรือภาวะการอักเสบภายในถุงน้ำคร่ำของมารดา ร่วมกับอวัยวะทารกแรกเกิดนั้น ยังทําหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ ระบบภูมิคุ้มกันยังทํางานได้ไม่สมบูรณ์ จึงทำให้ทารกรายนี้ติดเชื้อในระยะแรก นอกจากนี้ทารกยังมีภาวะลำไส้เน่าในทารกแรกเกิด (Necrotizing enterocolitis : NEC) ซึ่งส่งผลทำให้เกิดการติดเชื้อได้ จึงทำให้ต้องประเมินภาวะ Early Neonatal Sepsis (EOS) ภายใน 72 ชั่วโมง
ข้อมูลสนับสนุน
ข้อมูลสนับสนุน
S: -
O:
Premature male NB GA 29 wks.
น้ำหนัก 1,004 กรัม
D/A : EOS
BT = 36.9๐C
ผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการ
WBC = 13,200mm3
Neutrophil = 24.1%
Lymphocyte = 63.1% ANC = 2.144 103/ul
เกิดภาวะ Neutropenia
วัตถุประสงค์และเกณฑ์การประเมิน
วัตถุประสงค์
ทารกแรกเกิดไม่มีการติดเชื้อในกระแสเลือด
เกณฑ์การประเมินผล
ไม่มีอาการแสดงของการติด เชื้อ ได้แก่ อุณหภูมิกายไม่คงที่ มี ไข้ ซึมลง หายใจเร็วหรือหยุด หายใจ เป็นต้น
สัญาณชีพมีค่าปกติ ดังนี้
BT ปกติ 36.8-37.2๐C
RR ปกติ 30 - 50 ครั้ง/นาที
PR ปกติ 120 –160 ครั้ง/นาที
BP ปกติ 60–96/30-62 mmHg
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ WBC, Neutrophil, Lymphocyte, ANC อยู่ในเกณฑ์ปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาล เพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่มจากพยาบาลสู่ทารก และจากทารกสู่พยาบาล
ปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้หลัก Aseptic technique และสวมหมวก ผูกผ้าปิดปากและจมูก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
ดูแลให้ทารกได้รับยาปฏิชีวนะ ตามแผนการรักษา ได้แก่
Ampicillin 50 mg. V q 12 hr.
Gentamycin 4.5 mg. V q 36 hr.
วัดสัญญาณชีพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอุณหภูมิ หากอุณหภูมิทารกสูงกว่า 37.2 องศาเซลเซียสให้ทำการเช็ดตัวลดไข้ และให้ยาลดไข้ตามความเหมาะสม และเฝ้าระวังอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ เนื่องจากทารกคลอดก่อนกำหนดอาจเกิดภาวะช็อคได้
ติดตามผลการตรวจทาง ห้องปฏิบัติการ ได้แก่ WBC, Neutrophil, Lymphocyte, ANC เพื่อติดตามผลหลังให้การพยาบาล
กิจกรรมของญาติ
สังเกตและเฝ้าระวังอาการหรืออาการแสดงของอาการไข้สูง หรืออุณหภูมิที่ต่ำกว่าปกติ หากพบให้รีบแจ้งพยาบาลทันที
ประเมินผล
ไม่มีอาการแสดงของการติด เชื้อ ได้แก่ อุณหภูมิกายไม่คงที่ มี ไข้ ซึมลง หายใจเร็วหรือหยุด หายใจ เป็นต้น
สัญาณชีพมีค่าปกติ ดังนี้
BT ปกติ 36.8-37.2๐C
RR ปกติ 30 - 50 ครั้ง/นาที
PR ปกติ 120 –160 ครั้ง/นาที
BP ปกติ 60–96/30-62 mmHg
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ WBC, Neutrophil,Lymphocyte, ANC อยู่ในเกณฑ์ปกติ
เสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเนื่องจากความไม่สมบูรณ์ ของระบบทางเดินอาหาร
ข้อมูลสนับสนุน
ข้อมูลสนับสนุน
S: -
O:
ผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการ
WBC = 13,200mm3
BT = 36.9๐C
feed รับได้น้อยมี content เหลือค้างในกระเพาะอาหาร
ทารกรับ feed ไม่ได้ (09/10/61)
content ลักษณะเป็น bile มีเลือดปน (13/10/61)
X-ray abdomen พบLarge bowel obstruction
ทารกมีน้ำหนักตัว 950กรัม ลดลงจากน้ำหนักแรกคลอด 14 กรัม
วิเคราะห์ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ภาวะลำไส้เน่าอักเสบ (Necrotizing Enterocolitis: NEC) เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อของระบบทางเดินอาหารตายจากการอักเสบจนขาดเลือด มักเกิดบริเวณลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ในทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวน้อย และเป็นสาเหตุการตาย และทุพลภาพของทารกแรกเกิดที่พบได้มากที่สุด
โดยส่วนใหญ่พยาธิสภาพชนิดนี้จะเกิดกับทารกคลอดก่อนกําหนด และมักพบบริเวณ ileum ส่วนปลาย cecum และ ลําไส้ใหญ่ส่วนต้น
NEC เป็นภาวะฉุกเฉินของทางเดินอาหารที่เกิดได้บ่อยที่สุดในทารกคลอดก่อนกําหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มซึ่งมีน้ำหนักตัวน้อยมาก<1500 กรัม และน้ำหนักตัวน้อยอย่างยิ่งยวด< 1000
วัตถุประสงค์และเกณฑ์การประเมิน
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ทารกได้รับสารน้ำสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ
เพื่อรักษาอาการลำไส้เน่าในทารกแรกเกิดรายนี้
เกณฑ์การประเมินผล
ทารกไม่มีภาวะของการขาดสารน้ำและสารอาหาร เช่น น้ำหนักลด ผิวแห้ง ริมฝีปากแห้ง ปัสสาวะลดลง
มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 20/30 กรัม/วัน
ทารกไม่มีอาการอักเสบและ เน่าตายของระบบทางเดินอาหารอย่างเฉียบพลัน
ผลการตรวจ X-ray abdomen ปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ NPO 7 วัน ตามแผนการรักษาของแพทย์ และใส่สายสวนกระเพาะอาหารทางปาก เพื่อระบายลม
และเพื่อดูดสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหารออกเป็นระยะๆ บันทึกปริมาณและลักษณะของสิ่งที่ดูดได้
ดูแลให้สารน้ำสารอาหารทางหลอดเลือดดำ
TPN 5.2 ml./hr.
10% D/W 200 ml. V 2.5 ml./hr.
เพื่อให้ได้รับพลังงานที่เพียงพอต่อทารก
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาของแพทย์
Cef-3 50 mg. V q 12 hr.
เพื่อกำจัดและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
ตรวจวัดและบันทึกสัญญาณชีพ รวมทั้งสังเกตความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการท้องอืด อาเจียน ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน เป็นต้น
หลัง NPO เมื่อการทํางานของลําไส้ดีขึ้น และเริ่มได้รับนม ให้เริ่ม feed นมแม่และนมผสม (16/10/61)
BM/PF (24 Kcal/Oz) Sig 3 ml via OG drip in 2 hr.
สังเกตบันทึกจํานวนและลักษณะของนมที่เหลือค้างในกระเพาะอาหารก่อนให้นมทุกครั้ง
สังเกตอาการของความสามารถในการรับนมของทารกลดลง (Feeding intolerance) เช่น การประเมิน Bowl sound (ค่าปกติ 6-12 ครั้ง/นาที) Gastric content มีมาก ท้องอืด สำรอกนมบ่อย รายงานให้แพทย์ทราบ และหาสาเหตุต่อไป
ส่งเสริมและให้กำลังใจแก่มารดาในการบีบนม เพื่อให้ทารกได้รับนมมารดาทางสายยางอย่างต่อเนื่อง เพราะน้ำนมมารดามีภูมิคุ้มกันโรคและละความรุนแรงของโรค Necrotizing enterocolitis
ส่งเสริมให้ทารกดูดนมมารดาเองทันทีที่ทารกมีความพร้อม เช่น การดูดกลืนและการหายใจสัมพันธ์กัน อุณหภูมิร่างกายปกติ ไม่มีภาวะหยุดหายใจ เป็นต้น
ชั่งน้ำหนักทุกวัน น้ำหนักของทารกจะเพิ่มขึ้นวันละประมาณ 20-30 กรัม
ป้องกันหรือหลีกเสี่ยงภาวะที่จะทำให้ทารกมีการใช้พลังงานในร่างกายมากกว่าปกติ เช่น ภาวะอุณหภูมิ ร่างกายต่ำกว่าปกติ หายใจลำบาก ภาวะติดเชื้อเพิ่มขึ้น
ติดตามผล X-ray abdomen เป็นระยะตามแผนการรักษา เพื่อประเมินความก้าวหน้าหลังให้การพยาบ
กิจกรรมของญาติ
มารดาบีบนม เพื่อให้ทารกได้รับนมมารดาทางสายยางอย่างต่อเนื่อง
ประเมินผล
ทารกไม่มีภาวะของการขาดสารน้ำและสารอาหาร เช่น น้ำหนักลด ผิวแห้ง ริมฝีปากแห้ง ปัสสาวะลดลง
มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 20/30 กรัม/วัน
ทารกไม่มีอาการอักเสบและ เน่าตายของระบบทางเดินอาหารอย่างเฉียบพลัน
ผลการตรวจ X-ray abdomen ปกติ
บิดามารดามีความวิตกกังวลเนื่องจากเนื่องจากขาดความรู้เรื่องโรคและวิธีการรักษา
ข้อมูลสนับสนุน
S: -
O:
จากการสังเกต มารดาสีหน้าไม่สดชื่น มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของบุตร
G1P1A0L1
ทารก GA 29 wks. คลอดก่อนกำหนด
วิเคราะห์ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
เด็กเป็นบุคคลสำคัญของ ครอบครัว ในขณะที่เด็ก เกิดการเจ็บป่วย มีอาการ หายใจลำบาก บิดามารดาจะเกิดความวิตกกังวล กลัวเด็กจะเป็นโรคอันตราย หรือเป็นโรคร้ายแรง วิตกกังวลที่ไม่สามารถคาดเดาอาการของเด็กได้ เนื่องจากไม่ได้ดูแลบุตรอย่างใกล้ชิด
จากการที่บิดามารดาไม่เข้าใจอาการเปลี่ยนแปลงของเด็ก ขาดความรู้เรื่องโรคและวิธีการรักษา ดั้งนั้น จึงควรให้การพยาบาลครอบคลุมไปถึงครอบครัวของผู้ป่วยเพื่อลดความวิตกกังวลร่วมด้วย
วัตถุประสงค์และเกณฑ์การประเมิน
วัตถุประสงค์
เพื่อลดความวิตกกังวลของบิดามารดา
เพื่อให้บิดามารดามีความรู้ เกี่ยวกับโรคและแผนการรักษา
เกณฑ์การประเมินผล
สีหน้าของมารดาไม่มีความ วิตกกังวล มีสีหน้าสดชื่นขึ้น
บิดามารดามีความรู้ ความ เข้าใจ สอบถามเกี่ยวกับโรค และแผนการรักษาน้อยลง
กิจกรรมการพยาบาล
พยาบาลสร้างสัมพันธภาพกับมารดา ด้วยความเป็นมิตร ยิ้มแย้ม แจ่มใส เพื่อ สร้างความไว้วางใจให้กับมารดา
สอบถามและเปิดโอกาสให้มารดา ระบายความรู้สึก และพยาบาลคอยให้การสนับสนุน ให้กำลังใจและปลอบโยน มารดา เพื่อทำให้มารดาแสดงความคิดเห็นและความรู้สึก
เปิดโอกาสให้บิดามารดาซักถาม เกี่ยวกับความเจ็บป่วยของบุตรและ แผนการรักษา เพื่อทำให้บิดามารดามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาการป่วยของบุตร
อธิบายข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับการ เจ็บป่วยของบุตร และแผนการพยาบาล ที่ให้แก่บุตร เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และเกิดความสบายใจแก่บิดามารดา
ส่งเสริมและสนับสนุนให้บิดา มารดา เข้าเยี่ยมและให้การดูแลผู้ป่วย เพื่อลดความกังวลและส่งเสริมความสัมพันธ์
รายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับอาการ เจ็บป่วย และความก้าวหน้าในการ รักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บิดา มารดารับทราบข้อมูลเกี่ยวกับอาการป่วยของเด็ก เพื่อคลายความกังวล
กิจกรรมของญาติ
ซักถามข้อสงสัยกับแพทย์และพยาบาลเกี่ยวกับโรคและการเลี้ยงดูบุตร
ดูแลบุตรและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลด้วยความถูกต้องเหมาะสม
ประเมินผล
สีหน้าของมารดาไม่มีความ วิตกกังวล มีสีหน้าสดชื่นขึ้น
บิดามารดามีความรู้ ความ เข้าใจ สอบถามเกี่ยวกับโรค และ แผนการรักษาน้อยลง
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน :
มารดาอายุ 32 ปี G1P1A0L1 อายุครรภ์ 29 wks. bybullard score และ 30 wks. by date
มารดาได้มาพบแพทยเ์พื่อมาตรวจครรภ์ตามนัด พบภาวะ severe pre –eclampsia BP=190/130mmHg. Ultrasound Estimated Fetal weight คาดคะเนน้ำหนักทารกในครรภ์ได้ 1,099 กรัม พบภาวะทารกเจริญเติบโตในครรภ์ช้า (Intrauterine Growth Restriction) ร่วมกับมารดามีภาวะน้ำคร่ำน้อย (Oligohydramnios) จึง refer มาที่โรงพยาบาล
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลวัด BP = 220/160 mmHg. แพทย์ให้ 5% D/W 100 ml. + MgSO4 10 gm. ทาง IV Nicardipine 1 mg. ทาง IV Dexamethazone 6 mg. ทาง IM Ampicillin 2 gm. ทาง IV 0.9% NSS 1,000 ml. ทาง IV และตรวจพบ Late Deceleration แสดงถึงทารกในครรภ์มีภาวะ Fetal Distress แพทย์จึงคลอดโดยการผ่าตัดคลอด
หลังคลอดทารกมีน้ำหนักน้อย 1,004 กรัม Apgar8(แรกคลอด),9(นาทีที่1),10(นาทีที่5) ทารกมีอาการหายใจลำบากแบบ Grunting แพทย์จึงให้ On nasal CPAP และ admit NICU
พยาธิสภาพ
RDS
Respiratory Distress Syndrome คือภาวะหายใจลําบากในทารกเกิดก่อนกําหนดเนื่องจากปอดขาดสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) เป็นปัญหาระบบทางเดิน หายใจที่พบบ่อยในทารกเกิดก่อนกําหนด อาการและอาการแสดงของภาวะ RDS สามารถพบได้ทันทีหลังเกิด และจะแสดงอาการ รุนแรงท่ีสุดในช่วง 48 - 72 ชั่วโมงหลังเกิด ซึ่งทารกจะมีอาการหายใจเร็ว (อัตราการหายใจ มากกว่า 60 ครั้ง/นาที) ซึ่งเป็นอาการแรกที่ชัดเจน
NEC
Necrotizing enterocolitis : NEC เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อของระบบทางเดินอาหารตายจากการอักเสบจนขาดเลือด มักเกิดบริเวณลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ในทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวน้อย ภาวะลำไส้เน่าอักเสบมีพยาธิสรีรภาพจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง เช่น การเติบโตช้าในครรภ์ การคลอดก่อนกำหนด หรือมีปัญหาระหว่างทำคลอด เช่น รกลอกตัว ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บท้องคลอด จนทำให้ลำไส้เกิดการอักเสบ และนำไปสู่การทำลายเยื่อบุผิวลำไส้ รวมถึงเชื้อแบคทีเรียลุกลามเข้าไปสู่ผนังลำไส้ อาจทำให้เนื้อเยื่อในลำไส้ตาย เกิดก๊าซแทรกตัวเข้าไปตามชั้นของผนังลำไส้ หรืออาจลึกเข้าไปถึงระบบเลือดดำ ทำให้ลำไส้เกิดภาวะขาดออกซิเจน จนทำให้เด็กทารกมีอาการเจ็บป่วยขึ้นมา เช่น ท้องอืด พบเลือดในอุจจาระ (Occult Blood)
EOS
Early Neonatal Sepsis หมายถึง การติดเชื้อในกระแสเลือดของทารกแรกเกิดภายในอายุ 72 ชั่วโมง ซึ่งอาจมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส โดยทารกเกิดก่อนกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดน้อยมาก ทารกมักได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหลังเกิด เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิด EOS และอาจมีอาการผิดปกติของระบบหายใจและการไหลเวียนเลือดอายุครรภ์ที่น้อยเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในทารกเกิดก่อนกำหนด
อาการสำคัญ : CC
คลอดก่อนกำหนด GA 29 wks. หลังคลอดมีอาการหายใจ Grunting
ผู้ป่วยเด็กชาย อายุ 13 วัน