Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ ๒ ความมุ่งหมายและมูลเหตุแห่งการเล่าชาดก - Coggle…
บทที่ ๒
ความมุ่งหมายและมูลเหตุแห่งการเล่าชาดก
ความมุ่งหมายของชาดก
๒)เพื่อศึกษาธรรมะด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลิน
โดยนำคาถาชาดกในพระไตรปิฎก มาเป็นบทตั้งหรือบทนำแล้วยกนิทานมาเล่าเป็นอุทาหรณ์และเปรียบเทียบกับธรรมะ ซึ่งผู้ประพันธ์ได้แทรกหัวข้อธรรมะไว้ในนิทานนั้น ๆ ใช้วิธีเเต่งชาดกโดยมีนิทานประกอบ เป็นกลวิธีหนึ่งของการเเต่งคัมภีร์ ทำให้ผู้ศึกษาธรรมะไม่เบื่อหน่าย หรือท้อแท้ในการศึกษาธรรมะ เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน และเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งเเละถูกต้องของธรรมะนั้น ๆ เช่น ศึกษาธรรมะเรื่องโลภมากอยู่ในนิทานชาดกเรื่อง "สุวรรณหังสชาดก" เรื่องตายเพราะปากอยู่ในนิทานชาดก
เรื่อง "ติตติร ชาดก"
เรื่องชื่อไม่ใช่ของสำคัญ ในนิทานชาดกเรื่อง
"นามสิทธิชาดก"
๓) เพื่อแก้ความสงสัยของพระพุทธสาวก
นิทานชาดกส่วนใหญ่ เริ่มต้นด้วยพุทธสาวกมีความสงสัย หรือ มีคำถาม ได้กราบทูลถามขึ้นในธรรมสภา พระพุทธเจ้าแทนที่ จะทรงเเก้ปัญหาโดยตรง พระองค์ทรงแก้ความทรงสัยโดยทรงเล่านิทานเปรียบเทียบให้พุทธสาวกเห็นปัญหานั้น ๆ ทำให้ หมดความสงสัย หรือเข้าใจเรื่องราว เช่นพระพุทธองค์ทรงแก้ความสงสัยที่มีผู้ล้มเจ็บเป็นอันมากในเรื่องลูกชายโง่ ฆ่ายุง ใน "มกสชาดก" เป็นต้น
๑) เพื่อใช้สอนธรรมะ
พระพุทธเจ้าทรงทราบถึงอุปนิสัยของสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกว่า แต่ละคนมีกิเลส มากน้อยแตกต่างกันพระพุทธเจ้าองค์จึงทรงคิดหาวิธีการสอนธรรมะเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย คือ การเล่านิทานพร้อมกับยกอุทาหรณ์อุปมาอุปไมย จึงทรงใช้นิทานชาดก เป็นสื่อกลาง เป็นอุปกรณ์และเป็นอุทาหรณ์ จึงทรงแสดงธรรมะด้วยชาดก เพื่อทำให้พุทธศาสนิกชิกชนเข้าใจในธรรมได้แจ่มแจ้งขึ้นแล้ว
แบ่งบุคคลเป็น ๔เหล่า คือ
พวกที่ ๑ อุคฆฏิตัญญ คือ บุคคลผู้ได้ฟังพระสัทธรรมเทศนา
โดยย่อ ก็สามารถตรัสรู้มรรคผลได้โดยทันที
พวกที่ ๒ วิปจิตัญญ คือ บุคคลผู้ได้ฟังพระสัทธรรมเทศนาโดดยย่อ แล้วไม่สามารบรรลุธรรมได้
พวกที่ ๓ เนยยะ คือ บุคคลผู้ได้ฟังพระสัทธรรมเทศนาโดยย่อและพิสดารแล้ว ก็ยังไม่สามารถบรรลุธรรมได้
พวกที่ ๔ ปทประมะ คือ บุคคลอุปนิสัยไม่สมบูรณ์ไม่สามารถจะบรรลุธรรมใด ๆ
มูลเหตุการณ์เล่าชาดก
เหตุเกิดการเล่านิทานชาดก ๔ ลักษณะ คือ
๑) อัตตัชฌาสยะ
คือ เกิดขึ้นแต่พระอัธยาศัยแห่งพุทธเจ้าเอง
๒) ปรัชญาสยะ
คือ ทรงเเสดงธรรมเพราะอัธยาศัยของผู้ฟัง
๓) อัตถุปัตติกะ
คือ ถือเอาประโยชน์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุ
๔) ปุจฉาวสิกา เกิดจากคำถาม
คือ มีปัญหาเกิดขึ้นผู้ผู้ถามใคร่จะทราบจึงไปเฝ้าทูลถาม
เหตุเกิดนิทานชาดกมาจาก ๔ ดก
นิทานชาดกมีอยู่ทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง มีเหตุเกิดนิทานชาดกได้ ๔ ทาง คือ
๑) พระพุทธเจ้าทรงระลึกชาติได้
๒) พระพุทธเจ้าทรงนำนิทานเก่ามาดัดแปลงสั่งสอนพุทธศาสนิกชน
๓) ผู้รู้ทางพระพุทธศาสนานำเข้าเรื่องเดิมจากแหล่งต่าง ๆ มาเเต่งใหม่
๔) ผู้รู้ทางพระพุทธศาสนาผูกเรื่องเเต่งชาดกขึ้นเอง
โดยอาศัยเค้าโครงจากเรื่องอื่น
บ่อเกิดของนิทานชาดก ดังนี้
๑) นิทานชาดกมาจากคัมภีร์ที่เก่าเเก่กว่าคัมภีร์ชาดก
๒) นิทานชาดกมาจากคัมภีร์ชาวบ้าน
๓) นิทานชาดกมาจากเรื่องราวยุคโบราณในประวัติศาสตร์ หรือพงศาวดารของบ้านเมืองยุคโบราณก่อนพุทธกาล เช่นเรื่อง ทีฆาวุกุมาร
๔) นิทานเปรียบเทียบเชิงสั่งสอน พระบรมศาสดาหรือสาวกได้ผูกนิทานชาดกขึ้นมาเพื่อสั่งสอนธรรม
องค์ประกอบของนิทานชาดก
องค์ประกอบชาดก ๓ ประการ คือ
๑) ปรารถเรื่อง คือ บทนำ จะกล่าวถึงมูลเหตุที่มาของชาดก เช่น เรื่อง เวสสันดรชาดก พระภิกษุจะทูลถามพระพุทธองค์เรื่องฝนโบกขรพรรษ พระพุทธองค์จึงตรัส
๒) อดีตนิทาน หรือชาดก หมายถึงเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เมื่อพระสาวกทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า พุทธกาลเคยมีฝนโบกขรพรรษตกหรือไม่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าเคยมีฝนชนิดนี้ตกมาเเล้วครั้งหนึ่ง
๓) ประชุมชาดก เป็นเนื้อความสุดท้ายของชาดก กล่าวถึงบุคคลในชาดกว่าผู้ใดกลับชาติมาเกิดเป็นใครในปัจจุบัน
โครงสร้างอรรถกกถาช่ดก ๕ ส่วน เนื้อหานิทานชาดกในอรรถกถาชาดกมีโครงสร้างประกอบด้วย ๕ ส่วน คือ
๑) ปัจจุบันวัตถุ กล่าวถึงเรื่องปัจจุบัน สมัยพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่เป็นการปรารภว่าประทับอยู่ ณ ที่ไหน ทรงปรารภเรื่องอะไรจึงได้ตรัสชาดกนี้
๒) อดีตนิทาน เป็นชาดกในอดีตที่เคยมีมา
๓) คาถา เป็นพุทธพจน์ที่ปรากฏในพระไตรปิฎก บางเรื่องเป็นพุทธพจน์โดยตรง
๔) เวยยากรณะ เป็นการอธิบายคาถาที่ปรากฏในนิบาต ชาดกนั้น ๆ ที่ยกมาทรกไว้ในเเต่ละตอน
๕) สโมธาน เป็นการสรุปเรื่องราวของบุคคล สัตว์ หรือตัวละครสำคัญในเรื่องได้กลับชาติมาเกิด
โครงสร้างนิทานชาดก ๔ ตอน คือ
ตอนที่ ๑ เป็นบทนำเรื่อง
ตอนที่ ๒ เป็นอดีตนิทานชาดกที่พระพุทธองค์
ทรงนำมาสาธก
ตอนที่ ๓ เป็นคาถาประจำเรื่องนั้น ๆ
ตอนที่ ๔ ตอนสุดท้าย เป็นคติประจำใจที่ไม่มีอรรถกถา