Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Case Analysis, นางสาววิไลลักษณ์ รัตนพันธ์ รหัสนักศึกษา 611001047, อ้างอิง …

- - - - น้ำคร่ำน้อย
        
        เกิดการคลอดยาก (Dystocia)
  - - - ผลต่อมารดา
        
        การฉีกขาดปากมดลูก, ช่องทางคลอด, แผลฝีเย็บ
        
        การตกเลือดหลังคลอดเกิดขึ้นในกรณีมีการฉีกขาดของปากมดลูก
        และช่องทางคลอด
      - ผลต่อทารก
        
        มีก้อนเลือดใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ (Cephalthematoma) ซึ่งภาวะเลือดออกนี้ไม่ข้ามรอยต่อกะโหลกศีรษะอาจพบหลังคลอด 12 ชั่วโมงก่อนจะค่อยๆใหญ่ขึ้นและคงอยู่ภายหลังคลอดหลายสัปดาห์ขอบเขตค่อนข้างชัดเจนกลมกดไม่นุ่มใช้เวลานานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนกว่าจะยุบหายไป
        
        การบวมของหนังศีรษะบริเวณที่ cup จับกับศีรษะทารก (caput succedaneum) พบในทารกทุกรายเกิดเนื่องจากน้ำเหลืองไหลซึมจากหลอดเลือดเข้ามายังเหนือเยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกพบทันทีหลังคลอดก่อนจะข้ามร่องดอกะโหลกศีรษะนุ่มกดปุ่มขอบเขตไม่ค่อยชัดเคลื่อนไหวได้จะค่อยๆเล็กลมหายภายใน 2-3 วันหลังคลอด
    - - early deceleration
        
        fetal distress
  - - - hypoglycemia
      - การหายใจล้มเหลว
- - - - O : FHS 120-160 bpm
      - วัตถุประสงค์ ทารกในครรภ์ไม่เกิดอันตรายจากภาวะ fetal distress
      - O : ARM พบ Thicnk mecronium 50 cc
      - การพยาบาล
        
        1) ดูแลมารดา on O2 mask with bag เพื่อให้ทารกได้รับ O2 อย่างเพียงพอ
        
        2) จัดท่ามารดา นอนตะแคงหรือนอนยกก้นสูง เพื่อลดการกดของส่วนนำ
        
        3) ติดตาม monitor EFM และบันทึก EFM ทารกในครรภ์ เพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงของทารกในครรภ์
  - - - 3) ดูแลให้ทารกได้รับสารตามน้ำตามแผนการรักษาและได้รับสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
      - 4) ป้องกันการติดเชื้อโดยปฏิบัติการพยาบาลด้วยวิธีปลอดเชื้ออย่างเคร่งครัด
      - 2) ดูแลอุณหภูมิร่างกายตามปกติให้อยู่ในช่วง 36.5 - 37.4 ⁰c จัดให้ทารกนอนอยู่ในตู้อบเพื่อป้องกันการสูญเสียอุณหภูมิความร้อนจากผิวกาย
      - 5) พูดคุยกับบิดามารดาเกี่ยวกับอาการของทารก ตลอดจนบอกความก้าวหน้าในการรักษาพยาบาล
      - 1) ดูแลทางเดินหายใจทารกให้โล่งและให้ออกซิเจนแก่ทารก
        
        1.1 ดูแลจัดท่านอนในท่าที่ช่วยให้หายใจสะดวก ได้แก่นอนหงายหรือนอนตะแคงเพื่อให้ทารกมีการแลกเปลี่ยนแก๊สเพียงพอ
        
        1.2 ให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา คือ on O2 HFNC 6 LPM เพื่อให้ทารกมีการเเลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนได้เพียงพอ
- - - - S : มารดาบอกว่าเจ็บครรภ์มาก ยังไม่มีน้ำเดิน
      - O : BP = 131/67 mmHg
      - O : Uterine contraction ได้ I = 2’30” , D = 30”
      - O : PS = 8 คะแนน
      - O : PV ได้ Cervix dilate 2 cms , EFF 60% , MI Station0
      - O : ฟัง FHS ได้ 148 bpm
      - วัตถุประสงค์ เพื่อให้ความก้าวหน้าในระยะ Latent phase ปกติ เข้าสู้ระยะ Active phase ได้
      - การพยาบาล
        
        2)รายงานความก้าวหน้าของการคลอดให้มารดาทราบเป็นระยะ เพื่อลดความวิตกกังวล ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายขนส่งสาร epinephrine และ cortisol ทำให้มดลูกหดรัดตัวช้า
        
        5) ติดตามประเมินทารกในครรภ์ โดยการฟัง FHS ทุก 1 hr. หากพบ FHS < 110 , > 160 bpm จะได้ให้การรักษาอย่างทันท่วงที
        
        1) จัดท่าให้มารดานอนศรีษะสูง ลุกนั่ง หรือเดินไปปัสสาวะ เพื่อส่งเสริมการเคลื่อนต่ำของส่วนนำในวงจร Ferguson reflex
        
        6)กระตุ้นมารดาปัสสาวะ เพื่อสิ่งขัดขวางความก้าวหน้าทางการคลอด
        
        3) แนะนำวิธีบรรเทาปวด เมื่อมดลูกหดรัดตัว เช่น การหายใจ การนวด การลูบหน้าท้อง
        
        4) ประเมินความก้าวหน้าทางการคลอดโดยติดตามประเมิน Uterine contraction ทุก 1 hr. เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการหดรัดตัวของมดลูก
    - - O : PS = 8-10 คะแนน
      - วัตถุประสงค์ มารดามีความเจ็บคลอดลดลง
      - S : มารดาบอกว่ามีอาการเจ็บครรภ์มาก
      - การพยาบาล
        
        2) ให้คำแนะนำในการบรรเทาความปวด
        
        -การลูบหน้าท้อง ( abdominal effleurage ) โดยให้มารดาใช้อุ้งมือทั้ง 2 ข้าง ลูบหรือนวดเบาๆ จากบริเวณหัวหน่าว ไปยอดมดลูกขณะหายใจเข้าออก 1 ครั้ง
        
        -การหายใจลดปวด
        
        • ขณะปากมดลูกเปิด 1-3 cm ให้หายใจเข้าแบบช้า ( slow – deep chest breathing )
        
        • ขณะปากมดลูกเปิด 4-7 cm ให้หายใจแบบเร็วตื้น ( Shallow accelerated decelarated breathing)
        
        • ขณะปากมดลูกเปิด 8-10 cm ให้หายใจแบบเป่าปาก ( Shallow breathing with forced blowing out )
        
        -การนวด ( massage ) แนะนำมารดานอนตะแคง แล้วนวดด้วยหลังมือ โดยกดน้ำหนักลงบริเวณส่วนล่างของหลัง เพื่อช่วยการหลั่ง endorphin ลดความเจ็บปวด
        
        3) กระตุ้นมารดาปฏิบัติตามเทคนิคบรรเทาปวด
        
        1) อธิบายที่มาของความเจ็บปวดในระยะรอคลอด เพื่อให้มารดามีความกังวลลดลง
        
        4) จัดสิ่งแวดล้อม เพื่อลดสิ่งกระตุ้นให้มารดารู้สึกผ่อนคลาย
        
        5) เป็นกำลังใจ ชื่นชม เพื่อให้มารดาคลายความวิตกกังวล
    - - O : มารดาได้รับสารน้ำ 5% D/NSS 1000 ml + syntocinon 10 U IV rate 40 cc/hr.
      - วัตถุประสงค์ ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาเร่งคลอด
      - O : FHS 134 bpm
      - การพยาบาล
        
        1) ประเมินข้อห้ามในการใช้ยา syntocinon ทั้งด้านทารกและแม่
        
        มารดา : ภาวะ CPD , Prolapsed cord , คลอด > 5 ครั้ง , รกเกาะต่ำ
        
        ทารก : Fetal distress , ท่าของทารกผิดปกติ เช่น ท่าก้น
        
        2) อธิบายให้มารดาทราบ วัตถุประสงค์ของการให้ยา และข้อปฏิบัติของมารดา ขณที่ได้รับยา ซึ่งยาจะเข้าไปกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกมากขึ้น ทำให้มารดามีอาการเจ็บครรภ์มากขึ้นได้ และอาจมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน เพื่อลดความวิตกกังวลของผู้คลอด
        
        3) ดูแลให้มารดาได้รับ 5% D/NSS 1000cc + syntocinon 10 U IV rate 40 cc/hr. ด้วยเครื่องมือ infusion pump โดยหาก I,D ยังช้า สามารถปรับเพิ่ม rate 40 cc/hr. ได้ครั้งละ 4 drop/min ทุก 30 นาที จนกว่า I = 2’-3’ , D = 30”-45” และ maximum ไม่เกิน
        40 drop/min
        
        4) on EFM และติดตามผล เพื่อเฝาระวังการหดรัดตัวของมดลูก และติดตาม FHS เพื่อเฝ้าระวัง Fetal distress
      - O : Uterine contraction พบ I = 2’10” D = 45”
    - - O : Uterine contraction I = 3’10” , D = 45’ S++
      - O : PV พบ cervix dilate 5 cm eff 30% MI station 0
      - S : มารดาเจ็บครรภ์มาก รู้สึกว่าเจ็บถี่และแรงขึ้น
      - O : ฟัง FHS ได้ 134 bpm
      - O : PS = 10 คะแนน
      - วัตถุประสงค์ เพื่อให้ความก้าวหน้าในระยะ Active phase ปกติ เข้าสู่ระยะที่ 2 ของการคลอด
      - การพยาบาล
        
        1) จัดท่านอนศรีษะสูง ลุกนั่ง หรือเดิน เพื่อส่งเสริมการเคลื่อนต่ำของส่วนนำ ตามแรงโน้มถ่วงของโลก และส่งเสริมวงจร Ferguson reflex
        
        2) ดูแลกระเพาะปัสสาวะให้ว่าง เพื่อลดการขัดขวางการเคลื่อนต่ำ ของส่วนนำ
        
        3) แนะนำมารดาหายใจแบบเบาเร็วตื้น (Shallow accelerated decelerated breathing) การนวด และการนวดหน้าท้องลดปวด
        
        4) จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ ให้มารดาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
        
        5) ส่งเสริมความสุขสบายของร่างกายมารดา
        
        6) ประเมินความก้าวหน้าทางการคลอดโดยประเมิน contraction ทุก 30 นาที PV เพื่อดูความก้าวหน้าทางการคลอด ทุก 2 hr. หรือมี probable sign
        
        7) ฟัง FHS ทารก ทุก 30 นาที เพื่อประเมินทารกในครรภ์ และเฝ้าระวังภาวะผิดปกติ
    - - O : ขณะแบ่งคลอดมารดามีการแบ่งสั้นๆ และเมื่อหยุดแบ่ง ศรีษะทารกจะกลับเข้าไปในช่องคลอด
      - วัตถุประสงค์ เพื่อให้การคลอดระยะที่ 2 เป็นไปตามปกติ
      - O : มารดาบอกว่ามีอาการเหนื่อยล้า มีปากแห้ง
      - การพยาบาล
        
        3) ติดตามประเมิน Uterine Contraction ทุก 30 นาที เพื่อป้องกันมดลูกหดรัดตัวไม่ดี จะทำให้แรงแบ่งลดลง
        
        4) ให้การส่งเสริมความสุขสบายแก่มารดา เพื่อให้มารดามีร่างกายที่พร้อม
        
        2) ส่งเสริมการแบ่งอย่างถูกต้อง เพื่อให้ส่วนนำเคลื่อนต่ำ
        
        5) ประเมินความก้าวหน้าของการคลอด และสภาพของทารกในครรภ์เป็นรายๆ หากประเมินแล้วมารดาแบ่งนาน การคลอดไม่ก้าวหน้า เพื่อรายงานแพทย์วางแผนการรักษาต่อไป
        
        1) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าของการคลอด แนวทางการแบ่งที่ถูกวิธี เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของการคลอด และได้รับความร่วมมือของมารดา
    - - O : แพทย์พิจารณาช่วยคลอด โดยใช้ vacuum Extraction
      - วัตถุประสงค์ เพื่อให้มารดาและทารกปลอดภัยจากการทำสูติศาสตร์หัตถการ
      - O : มารดามีการแบ่งคลอดน้อย มีอาการอ่อนเพลีย
      - การพยาบาล
        
        1) เตรียมเครื่องมือ เครื่องใช้ตลอดจนอุปกรณ์เครื่องมือ ในการช่วยฟื้นคืนชีพ ทั้งมารดาและทารกให้พร้อมต่อการทำสูติศาสตร์หัตถการ
        
        2) อธิบายให้ผู้คลอดและญาติ ทราบถึงความจำเป็นในการช่วยคลอด ด้วยการใช้เครื่องสูญญากาศ
        
        3) ให้ข้อมูลการช่วยคลอด เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสีย เพื่อให้ผู้คลอดและญาติเข้าใจ และให้ความร่วมมือ
        
        4) เตรียมทีมในการช่วยเหลือ หากเกิดภาวะฉุกเฉิน
    - - O : เสียเลือดขณะทำคลอด 200cc
      - วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะตกเลือดในระยะคลอด
      - O : มารดามีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย
      - การพยาบาล
        
        2) ตรวจคลึงมดลูกด้วยท่าทางที่นุ่มนวล และสาธิตการคลึงมดลูกให้มารดาสามารถทำได้ด้วยตนเอง เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวเป็นระยะๆ ให้เส้นเลือดส่วนปลายปิดลดการเสียเลือด
        
        3) ไล่ก้อนลิ่มเลือดหรือเลือด เศษรก หรือเยื่อหุ้มทารกที่ยังค้างในโพรงมดลูกออก เพื่อลดการขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก
        
        1) ติดตาม v/s ทุก15 min ใน1 hr. แรก และทุก 30 นาทีในชั่วโมงที่ 2 และติดตามต่อทุก
        1 hr. จนกว่าสัญญาณชีพจรอยู่ในเกณฑ์ปกติ
        
        4) สังเกตปริมาณ ลักษณะเลือดที่ออกจากช่องทางคลอดและประเมินลักษณะฝีเย็บ
        
        5) ดูแลให้มารดานอนพักผ่อนบนเตียงเพื่อลดการใช้พลังงาน หากมีเลือดออกมากจัดท่าศีรษะต่ำ เพื่อให้เลือดไหล ไปยังสมองได้อย่างเพียงพอ
        
        6) ตรวจกระเพาะปัสสาวะหากมีปัสสาวะค้าง ให้สวนปัสสาวะเพื่อลดปัจจัยขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก
        
        7) ประเมินอาการและอาการแสดงของการตกเลือดหลังคลอดได้แก่ หน้าซีด อ่อนเพลีย ความรู้สึกตัวตลอด ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
      - O : BP อยู่ในช่วง 120/65 - 141/76 mmHg