Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ผู้สูงอายุในชุมชน, บรรณานุกรม คณาจารย์สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุ. (2563)…

- - - - เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากมีการพลัดตกหกล้ม
        
        S: ผู้สูงอายุบอกว่า “เมื่อสองเดือนที่แล้ว ทำความสะอาด
        O : fall score = 1.5 คะแนน (มีความเสี่ยงระดับที่ 1), มีปัญหาเกี่ยวกับสายตา ทั้งสายตาสั้นและสายตายาว, ประสิทธิภาพการได้ยินลดลง, มีอาการปวดหลัง มีภาวะกระดูกพรุน บาง
        
        เป้าประสงค์
        ไม่เกิดการพลัดตกหกล้ม
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ไม่มีบาดแผลหรือรอยฟกช้ำเนื่องจากการเกิดอุบัติเหตุและหกล้ม
        
        ผู้สูงอายุสามารถทรงตัวได้ดี
        
        fall score ไม่เกิน 3 คะแนน
        
        การพยาบาล
        
        ประเมินปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดการพลัดตกหกล้มได้ง่าย ดังนี้
        1.1 ประเมินการทรงตัว ในแบบประเมินที่มีการใช้บ่อย เช่น แบบประเมิน Fall score, Bergbalance scale เป็นแบบประเมินการทรงตัวโดยการทำกิจกรรม 14 กิจกรรม ขณะนั่งและยืน
        1.2 ประเมินการมองเห็น ผู้สูงอายุจะมีรูม่านตาขนาดเล็กลงปฏิกิริยาต่อแสงลดลง แยกสีได้ยากขึ้นมองเห็นภาพระยะใกล้ไม่ชัด ดังนั้นจะต้องมีการประเมินการมองเห็นของผู้สูงอายุโดยการประเมินการมองเห็นสามารถใช้เครื่องมือในการประเมินทั่วไปคือ snellen chart/ E-chart
        1.3 การประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันในผู้สูงอายุ พบว่าถ้าผู้สูงอายุยังมีการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันตามปกติอยู่จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดการหกล้มสูง ดังนั้นจึงต้องมีการประเมินเพื่อเป็นข้อบ่งชี้ว่าผู้สูงอายุสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองต่อไป หรือต้องการความช่วยเหลือ
        
        ให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุ ญาติ เพื่อสร้างความตระหนักในการป้องกันการหกล้ม และปรับพฤติกรรม ดังนี้
        2.1 จัดโครงการป้องกันการหกล้มในชุมชน ให้ความรู้ปัจจัยเสี่ยงต่อการหกล้ม ผลกระทบต่อการหกล้ม การติดตามเยี่ยมที่บ้าน
        2.2 รณรงค์ และสร้างระบบการป้องกันการหกล้มที่บ้าน มีการตรวจคัดกรองการหกล้ม การตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงต่อการหกล้ม
        2.3 แนะนำเรื่องการใช้ยา ไม่ควรซื้อยารับประทานเองหรือหยุดยาเอง ใช้ยาภายใต้คำสั่งแพทย์ และแนะนำให้นำยาทุกชนิดมาทุกครั้งที่มีนัดพบแพทย์
        
        ส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมการทรงตัว (OTAGO) เช่น ไทเก็ก เดินเร็ว โดยมีท่าบริหารร่างกายง่ายๆ ดังนี้
        3.1 นั่งตัวตรง นั่งเต็มเก้าอี้ หลังพิงพนัก ค่อยๆยกปลายเท้าข้างหนึ่งขึ้น ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นเปลี่ยนข้าง
        3.2 ยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อยเท่ากับความกว้างของสะโพกตัวเอง ใช้มือแตะที่พนักเก้าอี้เพื่อพยุงตัว จากนั้นยกขาและปลายเท้าไปด้านหลัง ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นเปลี่ยนข้าง
        3.3 ยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อยเท่ากับความกว้างของสะโพก ใช้มือแตะที่พนักเก้าอี้เพื่อพยุงตัว เตะขาไปทางด้านข้างโดยเหยียดขาให้ตรง ค้างไว้ 140 วินาที จากนั้นเปลี่ยนข้าง
        3.4 ยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อยเท่ากับความกว้างของสะโพก ใช้มือแตะที่พนักเก้าอี้เพื่อพยุงตัว เขย่งปลายเท้าขึ้นค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นเปลี่ยนท่าเป็นยืนด้วยส้นเท้าปลายเท้าจะกระดกขึ้น ค้างไว้ 10 วินาที
        3.5 ยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อยเท่ากับความกว้างของสะโพก ใช้มือแตะที่พนักเก้าอี้เพื่อพยุงตัว ค่อยๆย่อตัว งอเข่า เหมือนกำลังนั่งเก้าอี้อากาศ ค่อยๆ ยกตัวขึ้นช้าๆ ทำซ้ำ 10 ครั้ง
        3.6 ยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อยเท่ากับความกว้างของสะโพก ใช้ส้นเท้าอีกข้างหนึ่งก้าวขึ้นมาต่อกับปลายเท้าของเท้าอีกข้าง ส้นเท้าและปลายเท้าชิดกัน ค้างไว้ 10 วินาที หากรู้สึกเซ จะล้ม สามารถใช้มือแตะเก้าอี้ไว้ตลอดเวลาได้
        3.7 ยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อยเท่ากับความกว้างของสะโพก จากนั้นเดินต่อเท้า เพื่อเพิ่มการทรงตัวขณะยืน โดยให้ผู้สูงอายุยืนตรงหันด้านข้างเข้าหาพี่จับที่มั่นคง เช่นโต๊ะหรือราวจับ ใช้มือข้างหนึ่งจับพยุงตัวไว้มองตรงไปข้างหน้าวางเท้าขวาไว้ด้านหน้าเท้าซ้ายให้เท้าทั้งสองข้างวางเรียงเป็นเส้นตรงจากนั้นเดินต่อเท้าวางเท้าซ้ายไว้ด้านหน้าเท้าขวาโดยเดินต่อเนื่องประมาณ 3-5 เมตร
        
        แต่งกายด้วยเสื้อผ้าไม่หลวม ยาว หรือลุ่มล่าม รองเท้าใส่ได้กระชับพอดี ควรเป็นรองเท้าส้นเตี้ยและขอบมน พื้นควรเป็นดอกยางเพื่อเกาะติดพื้นได้ดี ควรเป็นรองเท้าหุ้มส้น หน้ากว้างเพื่อให้เท้าและนิ้วเท้าเคลื่อนไหวได้ดี กรณีมีความผิดปกติของเท้าจำเป็นต้องเลือกรองเท้าที่ออกแบบเป็นพิเศษ
        
        แนะนำการเปลี่ยนอิริยาบถช้าๆ นับ 1-10 ครั้ง ก่อนที่จะเปลี่ยนแต่ละท่า ไม่ควรก้มหน้าต่ำมากเกินไป ควรใช้การค่อยๆย่อตัว การยกของไม่ควรก้มหน้าหยิบจับ ควรใช้วิธีการย่อตัวหลังตรง แล้วยกสิ่งของขึ้น ประเมินสิ่งของที่ยกไม่ควรหนักเกินไป
        
        แนะนำเรื่องการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม วิตามิน มีแร่ธาตุครบ ไม่ควรงดอาหารเพราะจะทำให้เหนื่อยเพลีย งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
        7.จัดสภาพแวดล้อมที่บ้านให้ปลอดภัย ดังนี้
        7.1 ห้ามใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีมุมแหลม ไม่ใช้พื้นขัดมัน พื้นที่ลื่น ไม่วางของขวางทางเดิน ไม่ใช้พรมเช็ดเท้าที่ขาดและสีเดียวกับพื้น ห้ามขึ้นลงบันไดหรือเดินในที่แสงสว่างไม่เพียงพอ
        7.2 ควรวางของให้เป็นระเบียบ ติดเทปสีที่สว่างสะดุดตาที่พื้นต่างระดับ ติดราวยึดเกาะในห้องน้ำ ใช้เตียงที่มีระดับไม่สูงขณะนั่งเท้าเหยียบพื้นได้พอดี เป็นไปได้มีราวกั้นเตียง ห้องน้ำควรแยกพื้นที่เปียกและแห้ง โถส้วมเป็นแบบนั่งห้อยขา กระจก กรอบรูป อุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่สามารถสะท้อนแสงได้ควรหลีกเลี่ยง เป็นไปได้จัดให้ผู้สูงอายุมีห้องนอนชั้นล่าง
        
        กิจกรรมของผู้สูงอายุ
        
        ฝึกการบริหารเพื่อการทรงตัว
        
        จัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัย
        
        ระมัดระวังเมื่อจะเปลี่ยนท่า ค่อยๆ เปลี่ยนท่าช้าๆ
        
        กิจกรรมของผู้ดูแล
        
        จัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัย
        
        คอยดูแลผู้สูงอายุขณะทำกิจกรรมต่างๆ
        
        ประเมินผล : ยังไม่มีการติดตามและประเมินผล
      - 5. ไม่สุขสบายเนื่องจากมีอาการปวดตามตัว
        
        S: ผู้สูงอายุบอกว่า “คิดว่าเป็นโรคกระดูก เพราะปวดหลัง ไปหาหมอหมอบอกว่ากระดูกบางตอนแรกสั่งให้ทำกายภาพบำบัด หมอให้วิตามินดี วิตามินบี และแคลเซียมมาทาน” “ปวดเอว ปวดกระดูก ปวดร้าวจากเอวลามไปขาซ้าย ซักพักก็หาย จะเป็นตอนนั่งนานๆแล้วยืน เคย x-ray หลังหมอบอกว่ามีข้อนึงของกระดูกสันหลังเบี้ยวผิดปกติ” “เคยใส่ back support ก็ดีขึ้น”
        O: BMI 26.99 kg/m2 (แปรผลว่าน้ำหนักมากกว่าเกณฑ์) pain score ตอนปกติปวด 5-6 คะแนน ตอนปวดมาก 9 คะแนน
        
        เป้าประสงค์
        เพื่อให้ผู้สูงอายุเกิดความสุขสบายมากขึ้น
        เกณฑ์การประเมิน
        
        pain score ลดลง ไม่เกิน 3
        
        ผู้สูงอายุมีสีหน้าที่ดีขึ้น ไม่แสดงถึงอาการเจ็บปวด
        
        BMI อยู่ระหว่าง 18.5-24.9
        
        การพยาบาล
        
        การประเมินระดับความปวดโดยใช้ Pain Score และสอบถามตำแหน่งของความปวดร่วมกับสังเกตสีหน้า และท่าทาง เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น ขมวดคิ้ว บ่นปวด เป็นต้น
        
        แนะนำให้ผู้สูงอายุใช้การประคบร้อนและการประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการปวด เป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อที่ตึงหรือเกร็งคลายตัวลง ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
        2.1 การประคบร้อน ให้ประคบครั้งละ 15-20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง อาจใช้เจลสำหรับประคบร้อนแบบสำเร็จรูป ใช้กระเป๋าน้ำร้อน หรืออาจใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อน โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 45 องศาเซลเซียส
        2.2 การประคบเย็นเป็นการประคบลดอาการปวดบวมข้อ ข้อเคล็ด หรือ ปวดบวมจากการนวดกดจุด ที่เกิดจากการได้รับบาดเจ็บหรือเพิ่งมีอาการใหม่ ๆ ควรประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำเย็นทันที (ภายใน 24-48 ชั่วโมง) ประคบนาน 20-30 นาที วันละ 2-3 ครั้ง
        
        แนะนำผู้สูงอายุเกี่ยวกับการรับประทานยาแก้ปวด Paracetamol โดยให้ผู้สูงอายุรับประทานยาเมื่อมีอาการปวดหรืออาจจะให้ประเมินอาการปวดของตนเองโดยการให้คะแนน 1-10 ในกรณีที่คะแนนมากกว่า 4 คะแนนให้พิจารณาว่าความปวดนั่นทนได้หรือไม่ ถ้าปวดมากให้รับประทานยา Paracetamol 500 มิลลิกรัม 1 เม็ดทุก 4-6 ชั่วโมง และสังเกตอาการข้างเคียง เช่น ท้องเสีย เหงื่อออกมากผิดปกติ เบื่ออาหาร คลื่นไส้หรืออาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรง เป็นต้น
        
        แนะนำให้ผู้สูงอายุใช้เทคนิคการบรรเทาอาการปวดโดยไม่ใช้ยา เช่น เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวด ได้แก่ การดูโทรทัศน์ การฟังเพลง การอ่านหนังสือ หรือจะเป็นการฝึกการหายใจด้วยการหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกช้าๆ เพื่อเป็นการผ่อนคลายลดอาการปวดได้
        
        ดูแลให้ผู้สูงอายุใส่ back support เพื่อช่วยใช้พยุงหลังบรรเทาอาการปวด และเป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานน้อยลง และแนะนำว่าไม่ควรใส่ระยะยาวเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณลำตัวทำงานลดลง
        
        แนะนำวิธีการยกของหนักที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บและอาการปวดหลัง โดยมีวิธีดังนี้
        6.1 คำนวณระยะทาง ก่อนยกของให้วางแผนก่อนว่าจะเคลื่อนย้ายไปไว้ตรงจุดไหน
        6.2 เดินเข้าไปใกล้กับของให้มากที่สุด วางเท้าข้างหนึ่งให้ขนานชิดกับสิ่งของที่จะยก ส่วนเท้าอีกข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง
        6.3 ค่อย ๆ ย่อตัวลง งอเข่า และยืดหลังให้ตรง เพื่อที่กระดูกสันหลังจะอยู่ในแนวตรง และกระจายแรงกดที่หมอนรองกระดูกสันหลังไปเท่าๆกัน
        6.4 ใช้มือจับสิ่งของให้มั่นคงแล้วค่อยๆยกของโดยทิ้งน้ำหนักไปที่ขาทั้งสองข้าง ตั้งศีรษะให้ตรงอยู่ในแนวเดียวกับหลัง แขนทั้งสองข้างพยายามแนบให้ชิดกับลำตัวมากที่สุด
        6.5 ยืดลำตัวขึ้นช้าๆโดยใช้แรงกล้ามเนื้อขาค่อยๆดันตัวขึ้น การยกของควรใช้กล้ามเนื้อหลังให้ออกแรงน้อยที่สุด จะช่วยให้น้ำหนักของสิ่งของไปยังต้นขาทั้งสองข้างและลดภาระของกล้ามเนื้อหลัง
        6.6 ควรใช้ท่าย่อเข่าแทนการก้มตัวเพราะอาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ วางเท้าให้ห่างมาทางด้านหน้าเล็กน้อย แล้วย่อเข่าลงเพื่อให้แขนรับน้ำหนักของสิ่งของแทนการใช้หลังช่วงล่าง
        
        แนะนำให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายเบาๆเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เช่น รำไทเก๊ก โยคะ เป็นต้นและแนะนำให้หลีกเลี่ยงการอยู่ท่าเดิมนานๆ ควรเปลี่ยนท่าทางและจัดท่าทางให้เหมาะสม ในขณะที่ยืนให้ยืนตัวตรง ลงน้ำหนักขาทั้ง 2 ข้างเท่าๆกัน ไม่ยืนหลังค่อมและไม่สวมรองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน ในขณะที่นั่งควรนั่งหลังตรงและเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงพร้อมที่วางแขน
        
        แนะนำการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นอาหารที่มีแคลเซียมและโปรตีนเพื่อส่งเสริมการเสริมสร้างกล้ามเนื้อของผู้สูงอายุ เช่น เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ไข่ดาว ดื่มนมพร่องมันเนยแลผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองเป็นประจำ ปลาตัวเล็กที่รับประทานได้ทั้งกระดูก เช่น ปลาข้าวสาร ผักใบเขียวเข้ม ผักสีส้ม เช่น คะน้า กวางตุ้ง ตำลึง ใบยอ ฟักทอง แครอท
        
        ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและชั่งน้ำหนักเพื่อประเมินค่าดัชนีมวลกาย
        
        กิจกรรมของผู้สูงอายุ
        1.เตรียมประคบเย็นและร้อนเพื่อแก้ปวด
        
        รับประทานยาแก้ปวดเมื่อจำเป็น
        
        ทำกิจกรรมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากอาการปวด
        
        งดการยกของหนักๆ
        
        ใส่ back support
        
        รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
        กิจกรรมของผู้ดูแล
        
        ดูแลประคบร้อนและเย็นให้ปก่ผู้สูงอายุ
        
        ดูแลและเฝ้าระวังเรื่องการรับประทานยาของผู้สูงอายุ ให้ยารับประทานเมื่อจำเป็น
        
        ทำกิจกรรมร่วมกับผู้สูงอายุเพื่องเบี่ยงเบนความสนใจจากความปวด
        
        ช่วยเหลือผู้สูงอายุในการยกของหนัก
        
        ประเมินผล : ยังไม่มีการติดตามและประเมินผล
  - - - 3. มีภาวะโภชนาการเกินเนื่องจากมีพฤติกรรมการรับประทานไม่เหมาะสม
        
        S: ผู้สูงอายุบอกว่า “มักจะกินอาหารที่สั่งจากGrab เพราะที่หอไม่สะดวกในการทำอาหารกินเอง” “ไม่ชอบกินผักและผลไม้” “กินอาหารครบ 3 มื้อ แต่ไม่ครบ 5 หมู่” “ชอบกินขนมหวานหลังกินอาหารทุกมื้อ” “กินน้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำผลไม้ สัปดาห์ละครั้ง” “ชอบกินอาหารทุกประเภท กินได้หมดทุกอย่าง”
        O: BMI 26.99 kg/m2 (แปรผลว่าน้ำหนักมากกว่าเกณฑ์)
        
        เป้าประสงค์
        
        ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
        
        เกณฑ์
        
        ความถี่ในการสั่งอาหารจาก Grab ลดลง
        
        รับประทานผักและผลไม้ต่อมื้อมากขึ้น
        
        BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติ 18.5-24.9
        
        การพยาบาล
        
        ประเมินภาวะโภชนาการโดยใช้แบบประเมินภาวะโภชนาการ (Mini Nutritional Assessment: MNA) และประเมินค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้สูงอายุ
        
        ประเมินความรู้ ความเข้าใจ และผลกระทบ เกี่ยวกับภาวะโภชนาการเกินของผู้สูงอายุ
        
        ให้ความรู้และแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่มีประโยชน์แก่ผู้สูงอายุ เช่น อาหารหลัก 5 หมู่ และการดื่มน้ำ เป็นต้น
        3.1 โปรตีน ควรได้รับไม่เกินวันละ 250 กรัมต่อวัน โปรตีนสามารถรับประทานได้จาก เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื้อปลา ถั่วเหลือง เนื้อไก่ ไข่ไก่ นม เป็นต้น
        3.2 คาร์โบไฮเดรต ควรได้รับไม่เกินวันละ 916 กรัมต่อวัน ควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโพด ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ลูกเดือย เป็นต้น ควรงดหรือลดรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น น้ำตาลขาว ขนมปังขาว น้ำอัดลม น้ำหวาน เป็นต้น และปริมาณน้ำตาลที่ควรได้รับต้องไม่เกิน 16 กรัม หรือ 4 ช้อนชาต่อวัน
        3.3 ไขมัน ควรได้รับไม่เกินวันละ 500 กรัม หรือ 2-3 ช้อนโต๊ะต่อวัน ควรรับประทานไขมันที่ได้จากพืชแทนไขมันที่ได้จากสัตว์ เช่น น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก อะโวกาโด้ ปลาแซลมอน เป็นต้น ควรงดหรือลดรับประทานไขมันอิ่มตัว เช่น เนย กะทิ ชีส น้ำมันที่ได้จากสัตว์ เป็นต้น
        3.4 วิตามิน รับประทานผักและผลไม้ 2-3 ส่วน ควรงดรับประทานผลไม้ที่ให้รสหวานจัด เช่น ขนุน ลำไย ทุเรียน เงาะ มะม่วงสุก เป็นต้น
        3.5 แร่ธาตุ สามารถรับประทานได้จากผักใบเขียว รับประทานอย่างน้อย 4 ทัพพีต่อวัน รวมถึงอาหารทะเล
        3.6 น้ำดื่ม ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1,500 มิลลิลิตร หรือน้ำเปล่า 1 ขวดใหญ่
        
        แนะนำให้งดหรือลดอาหารที่ประกอบโดยการทอด หรือผัด ควรรับประทานอาหารที่ประกอบโดยการต้ม นึ่ง ตุ๋น แทน
        
        แนะนำให้งดหรือลดขนมหวาน เบเกอร์รี่ น้ำหวาน น้ำอัดลม เป็นต้น
        
        แนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที ควรออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น Otago ไทยเก๊ก เดิน แกว่งแขน เป็นต้น
        
        ประเมินผลโดยการชั่งน้ำหนัก คำนวณค่าดัชนีมวลกาย และวัดรอบเอวรอบสะโพก
        
        กิจกรรมของผู้สูงอายุ
        
        รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดการของหวาน น้ำอัดลม
        
        ลดการสั่งอาหารจาก Grab
        
        ดื่มน้ำให้เพียงพอ
        
        ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที
        
        กิจกรรมของผู้ดูแล
        
        จัดเตรียมอาหารสำหรับผู้สูงอายุ ลดอาหารประเภทผัด ทอด เพิ่มผักและผลไม้ในแต่ละมื้อ
        
        ประเมินผล : ยังไม่มีการติดตามและประเมินผล
      - 6. ซื้ออาหารเสริมมารับประทานเอง เนื่องจากพร่องความรู้ในการดูแลสุขภาพตนเอง
        
        S: ผู้สูงอายุบอกว่า “ซื้อวิตามินซีกับ fish oil มากินเอง เพราะเห็นคนอื่นกินแล้วดีเลยกินตาม และมีบางคนซื้อมาฝากบ้าง”
        O: -
        
        เป้าประสงค์
        ผู้สูงอายุมีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพตนเอง
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ผู้สูงอายุสามารถอธิบายหลักการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องได้
        
        การพยาบาล
        
        ประเมินความรู้ ความเข้าใจ และผลกระทบ เกี่ยวกับการรับประทานอาหารเสริมของผู้สูงอายุ
        
        ให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการรับประทานอาหารเสริมอย่างปลอดภัย
        2.1 ก่อนรับประทานอาหารเสริมชนิดใด ควรพิจารณาและขอคำปรึกษาจากแพทย์หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญในประเด็นต่าง ๆ เช่น ประโยชน์ต่อสุขภาพทั่วไปจากการบริโภคอาหารเสริมชนิดนั้น ประโยชน์และความเหมาะสมต่อสภาพร่างกายของผู้ที่ต้องการบริโภค ความปลอดภัยและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ วิธีการ ปริมาณ และระยะเวลาที่เหมาะสมต่อการบริโภค เป็นต้น
        2.2 ศึกษาข้อมูลบนฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนการบริโภคเกี่ยวกับชนิดของอาหารเสริม ส่วนผสมในอาหารเสริม และข้อมูลสำคัญสำหรับผู้บริโภค อย่างวิธีการบริโภคและผลข้างเคียงที่เคยเกิดขึ้นกับผู้บริโภคอื่น ๆ
        2.3 ไม่บริโภคอาหารเสริมเพื่อรักษาอาการป่วยที่ตนสงสัย แต่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยและคำแนะนำจากแพทย์ว่าควรบริโภคอาหารเสริมชนิดนั้น
        2.4 ไม่บริโภคอาหารเสริมแทนการใช้ยารักษา หรือบริโภคร่วมกับยารักษาชนิดใด หากไม่มีคำสั่งจากแพทย์
        2.5 แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสารสกัดมาจากธรรมชาติ แต่ส่วนประกอบต่าง ๆ ในอาหารเสริมก็ไม่ได้รับการยืนยันอย่างแน่ชัดว่าจะมีผลลัพธ์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคเสมอไป ทั้งนี้ อาหารเสริมอาจมีส่วนประกอบของสารเคมีที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภคได้หากบริโภคอย่างผิดวิธี หรืออาจส่งผลข้างเคียงต่อผู้บริโภคบางรายที่มีอาการแพ้ยาหรือสารใด ๆ ได้เช่นกัน ดังนั้น ผู้บริโภคที่มีความจำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริม ควรระมัดระวังในการบริโภคอยู่เสมอ
        2.6 หลังบริโภคอาหารเสริม หากพบผลข้างเคียงเป็นอาการเจ็บป่วยใด ๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาทันที และแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังบริโภคอาหารเสริมชนิดใดอยู่
        
        ประเมินความรู้หลังให้คำแนะนำ เกี่ยวกับแนวทางการรับประทานอาหารเสริมอย่างปลอดภัยของผู้สูงอายุ
        
        กิจกรรมของผู้สูงอายุ
        
        นำข้อมูลที่ได้จากพยาบาลไปใช้เพื่อการเลือกยาหรืออาหารเสริมอย่างถูกต้อง
        
        กิจกรรมของผู้ดูแล
        
        ตรวจสอบและดูแลความปลอดภัยของอาหารเสริมของผู้สูงอายุ
        
        ประเมินผล : ยังไม่มีการติดตามและประเมินผล
  - - - 2. มีปัญหาปัสสาวะเล็ดและราด เนื่องจากร่างกายมีความเสื่อมตามวัย
        
        S : ผู้สูงอายุบอกว่า “ตอนกลางวันปัสสาวะ 10 ครั้ง แต่ละครั้งปัสสาวะน้อย และเหมือนปัสสาวะไม่สุด หลังจากนั้นปัสสาวะเล็ดเป็นหยดๆ” “เวลาไอจามแรงๆ จะมีปัสสาวะเล็ดออกมาด้วย” “เวลาปวดปัสสาวะต้องเข้าห้องน้ำทันที ไม่สามารถอั้นได้” “ตอนกลางคืนต้องปัสสาวะ 1-2 ครั้งก่อนนอน กลางดึกในขณะที่นอนลุกมาปัสสาวะ 1-2 ครั้ง”
        O: ผู้ป่วยอายุ 71 ปี (วัยสูงอายุ)
        
        เป้าประสงค์
        มีการปัสสาวะเล็ดหรือราดลดลง
        เกณฑ์การประเมิน
        
        จำนวนครั้งในการปัสสาวะในตอนกลางวันและกลางคืนลดลง
        
        ผู้ป่วยสามารถกลั้นปัสสาวะได้นานขึ้น
        
        การพยาบาล
        
        ประเมินภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ด้วยแบบประเมินภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุเพื่อดูระดับความรุนแรงของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
        
        ให้ความรู้ผู้สูงอายุเกี่ยวกับปัจจัยการเกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ การเปลี่ยนตามวัยของผู้สูงอายุที่ให้ให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ชนิด อาการและผลกระทบของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
        
        แนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตได้แก่
        3.1 การจัดน้ำดื่มให้เหมาะสมลดปริมาณน้ำดื่มก่อนนอนประมาณ 2 ชั่วโมงเนื่องจากผู้สูงอายุมีการปัสสาวะในตอนกลางคืน
        3.2 หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มกระตุ้นการปัสสาวะเช่น เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คาเฟอีนและชา เป็นต้น
        3.3 การควบคุมน้ำหนักเพราะหากน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานจะเพิ่มความดันในช่องท้องทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดและราดได้ง่าย
        3.4 ปรับและจัดสภาพแวดล้อมห้องน้ำให้สะดวกระยะทางไม่ไกลมีแสงสว่างบริเวณทางเดินไม่มีสิ่งกีดขวางลักษณะห้องน้ำมีราวจับเวลานั่งหรือยืนเพื่อป้องการพลัดตกหกล้ม เนื่องจากผู้สูงอายุต้องเข้าห้องน้ำบ่อยครั้งและสวมใส่เสื้อผ้าที่สะดวกแก่การถอดไม่หลวมลุ่มล่าม
        
        แนะนำผู้สูงอายุในการทำบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานมีดังนี้
        4.1 อธิบายให้ขมิบกล้ามเนื้อรอบบริเวณทวารหนักและช่องคลอดในการขมิบไม่แขม่วท้องหรือหนีบก้นหรือต้นขาเพราะอาจทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นเน้นการขมิบที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเท่านั้น
        4.2 จัดท่าให้ผู้สูงอายุนอนหงายกับพื้นราบให้ฉันเขาสองข้างขึ้นให้ทำกล้ามเนื้อพื้นเชิงกรานโดยให้มีความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อยกห่างจากพื้น ในขณะที่ทำไม่ควรกลั้นหายใจ
        4.3 ขมิบเป็นระยะเวลา 10 วินาทีและคลาย 10 วินาทีอาจเริ่มที่ 3 หรือ 5 วินาทีก่อนแล้วจึงค่อยค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง 10 วินาที
        4.4 แนะให้ขมิบ 50 ครั้งต่อวันแต่ไม่ควรเกิน 25 ครั้งต่อครั้ง
        4.5 สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อทำติดต่อกันประมาณ 2-4 สัปดาห์
        
        แนะนำการฝึกกระเพาะปัสสาวะมีหลักการคือยืดเวลาการถ่ายปัสสาวะออกไป ฝึกกลั้นปัสสาวะไว้เมื่อรู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะโดยยืดเวลาไป 5-10 นาทีในการถ่ายปัสสาวะแต่ละครั้งจนสามารถยืดเวลาออกไปแต่ละครั้งห่างกันประมาณ 2-3 ชั่วโมง เทคนิคในการกลั้นปัสสาวะเช่น ผู้สูงอายุพูดกับตนเองว่าฉันควบคุมกระเพาะปัสสาวะของฉันได้ การหายใจเข้าออกลึกๆช้าหรือการทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อเบี่ยงเบนการการปวดปัสสาวะ เป็นต้น เพื่อเป็นการส่งเสริมความสามารถในการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะและลดจำนวนครั้งของการมีปัสสาวะเล็ดจากแรงดันในช่องท้องสูง
        
        แนะนำการทำความสะอาดผิวหนัง โดยทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศและเช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังมีการปัสสาวะเล็ดเพื่อป้องกันการเกิดแผลจากการระคายเคืองหรือติดเชื้อ
        
        แนะนำการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยเพื่อป้องกันภาวะท้องผูก ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพออย่างน้อย 1.5 ลิตรต่อวันและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ลดการเกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้
        
        เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุซักถามข้อสงสัยพร้อมทั้งความรู้ผู้ดูแลในการดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาการปัสสาวะไม่อยู่เกี่ยวกับการฝึกบริหารอุ้งเชิงกรานและกระเพาะปัสสาวะ เพื่อให้ญาติช่วยกระตุ้นดูแลผู้สูงอายุให้ปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างสม่ำเสมอและถูกต้อง
        
        กิจกรรมของผู้สูงอายุ
        
        บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
        
        ปรับแบบแผนการดำเินชีวิต เช่น งดดื่มน้ำก่อนนอน งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เป็นต้น
        
        ฝึกกลั้นปัสสาวะ
        
        กิจกรรมของผู้ดูแล
        
        ดูแลจัดสิ่งแวดล้อมสำหรับไปห้องน้ำของผู้ป่วยให้ปลอดภัย
        
        กระตุ้นให้ผู้ป่วยฝึกบริหารอุ้งเชิงกรานและฝึกกลั้นปัสสาวะ
        
        ประเมินผล : ยังไม่มีการติดตามและประเมินผล
  - - - ** ผลการประเมินตามแบบประเมินความสามารถเชิงปฏิบัติ (Barthel ADL Index) = 19 (กลุ่มติดสังคม)
        ** ผลการประเมินตามแบบประเมินความสามารถเชิงปฏิบัติดัชนีจุฬาเอดีแอล (Chula ADL Index) = 9 คะแนน (มีความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันมาก)
        ** ผลการประเมินภาวะเสี่ยงต่อการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน ผู้สูงอายุเคยมีประวัติหกล้มเมื่อ2เดือนก่อนเนื่องจากถูบ้านและพื้นมีความลื่นทำให้เกิดการหกล้ม ผลการประเมินได้ 2.5คะแนน (มีความเสี่ยงระดับ 2)
        ** ผลการประเมินความเสี่ยงการเกิดแผลกดทับ (Braden scale) = 23 คะแนน (ไม่มีความเสี่ยงในการเกิดแผลกดทับ)
  - - - พักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากมีพฤติกรรมการนอนไม่เหมาะสม
        
        S: ผู้สูงอายุบอกว่า “นอนประมาณวันละ 5 ชั่วโมง ก่อนนอนดูละครถึง 4 ทุ่มครึ่งและเล่นเกมจนถึงเที่ยงคืนจึงค่อยนอนและจะตื่นตอนเวลา ตี 5” “เมื่อนอนไม่หลับจะไม่ฝืนนอนแต่จะตื่นมาเล่นเกมแล้วปล่อยให้ง่วงเองแล้วจึงนอน” “ตื่นตอนกลางคืนเพื่อมาเข้าห้องน้ำทุกวัน” “มีสำลักน้ำลายตอนนอน” “ตอนกลางคืนเวลาพลิกตัวจะรู้สึกปวดเอว”
        O: -
        
        เป้าประสงค์
        เพื่อให้ผู้สูงอายุได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
        เกณฑ์การประเมิน
        
        นอนตอนกลางคืนอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง ขึ้นไป
        
        ผู้สูงอายุไม่นอนกลางวัน
        
        ก่อนนอนผู้สูงอายุลดการเล่นโทรศัพท์และดูโทรทัศน์
        
        จำนวนครั้งการลุกมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนลดลง
        
        การพยาบาล
        
        ประเมินคุณภาพการนอนหลับของผู้สูงอายุ
        
        ดูแลและแนะนำให้ผู้สูงอายุเข้านอน ตื่นนอนให้ตรงเวลา และตอนกลางวันหากจะงีบหลับก็ไม่ควรเกิน 60 นาที
        
        จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบเหมาะสมการนอนหลับจัดเครื่องนอนให้สะอาดและสุขสบาย หมอนและที่นอนไม่ควรนิ่มหรือแข็งเกินไป และสวมใส่เสื้อที่นิ่มสบายไม่คับเกินไปไม่มีเสียงหรือแสงรบกวน อุณหภูมิพอเหมาะ อากาศถ่ายเทสะดวกและในห้องนอนควรมีแสงไฟสลัว ๆ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ แนะนำวิธีการฝึกจิตใจให้สงบ กำหนดเวลาให้จิตว่างประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนนอนโดยการทำสมาธิ หรือสวดมนต์เพื่อช่วยส่งเสริมการนอนหลับ
        
        แนะนำท่านอนลดอาการปวดหลังให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ ดังนี้
        
        ท่าที่ 1 นอนตะแคงข้างแบบขาเหยียดเสมอกัน โดยอาจหาหมอนมารองระหว่างขาทั้ง 2 ข้าง ท่านี้จะช่วยลดท่าทางโค้งงอของกระดูกสันหลังนอนได้
        
        ท่าที่ 2 นอนหงายในแนวระนาบ ให้กระดูกสันหลังเป็นเส้นตรงตามสรีระร่างกายปกติมากที่สุด โดยอาจหาหมอนข้างเล็ก ๆ มารองขอเพื่อความสบายมากขึ้น
        
        ท่าที่ 3 นอนหนุนหมอนที่สูงในระดับที่พอดี ที่นอนต้องไม่นุ่มจนเกินไป ท่านี้จะช่วยลดอาการปวดต้นคอจนมาถึงหลังได้
        
        แนะนำการออกกำลังกายในช่วงเย็นอย่างน้อย 30 นาที เพื่อเป็นการช่วยส่งเสริมการนอนหลับให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และควรออกกำลังกายห่างจากเวลาเข้านอนอย่างน้อย 6 - 8 ชั่วโมง หรือจะเพิ่มกิจกรรมทางกาย เช่น การทำงานบ้าน ถ้าจะไปในสถานที่ใกล้ๆก็ใช้วิธีการเดินไป เป็นต้น เพื่อจะได้เป็นการเพิ่มกิจกรรมทางกาย เนื่องจากจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเคมีที่ช่วยลดความตึงเครียดให้กลับร่างกาย ส่งผลให้นอนหลับได้ดีขึ้น
        
        หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากในช่วงเย็นและจำกัดน้ำดื่มก่อนเข้านอนเพื่อป้องกันการลุกขึ้นมาถ่ายปัสสาวะช่วงกลางคืน และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนหลังเที่ยงวันหรือควรดื่มให้ห่างจากเวลาเข้านอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เช่น ชา โคล่า ช็อคโกแลต เป็นต้น
        
        แนะนำการรับประทานอาหารที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับ อาหารที่มีส่วนประกอบของ L-Tryptophan เช่น ถั่วเม็ดมะม่วงหิมมะพานต์ อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ นม หรือการดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆก่อนนอน เช่น ไมโล โอวัลติน จะช่วยส่งเสริมการนอนหลับ
        
        แนะนำการจัดเวลาโดยให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมอื่น ๆ บนเตียง นอกจากการนอน เช่น การดูโทรทัศน์ การเล่นเกม โดยในการเล่นเกมให้ลดเวลาเล่นเกมก่อนนอน 30 นาที เพราะการเล่นเกมจะส่งผลให้สมองตื่นตัวจนรู้สึกไม่อยากนอน อีกทั้งการเล่นเกมในเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นประจำยังส่งผลให้ร่างกายมีอาการปวดเรื้อรังเนื่องจากจะทำให้กล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณลำคอไม่มีการขยายตัวและยืดยุ่น ซึ่งส่งผลต่อการนอนหลับพักผ่อนได้
        
        กิจกรรมของผู้สูงอายุ
        
        จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะแก่การนอน
        
        ลดการเล่นโทรศัพท์และการดูโทรทัศน์ก่อนนอน
        
        นอนด้วยท่านอนเพื่อลดอาการปวดหลังตามคำแนะนำของพยาบาล
        
        ออกกำลังกายในช่วงเย็นอย่างน้อย 30 นาที
        
        ก่อนนอนลดการดื่มน้ำและลดเครื่องดื่มคาเฟอีน
        
        กิจกรรมของผู้ดูแล
        
        จัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะแก่การนอน
        
        กระตุ้นและดูแลให้ผู้สูงอายุลดการทำกิจกรรมบนเตียงก่อนนอน
        
        ประเมินผล : ยังไม่มีการติดตามและประเมินผล
  - - - ผลการประเมินสภาพสมองเบื้องต้นฉบับภาษาไทย MMSE – Thai 2002 ในผู้สูงอายุ การแx]ผล : ผู้สูงอายุปกติ เรียนระดับสูงกว่าประถมศึกษา มีคะแนนมากกว่าจุดตัด คือ คะแนน 30 คะแนน ไม่มีความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมจากเครื่องมือนี้ ผู้สูงอายุไม่สามารถตอบคำถามได้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนดในหัวข้อ Recall ทดสอบความจำระยะสั้น
  - - - 7. วิตกกังวลเนื่องจากรายได้ลดลง
        
        S: ผู้สูงอายุบอกว่า “มีค่าใช้จ่ายไม่พอ เพราะช่วงโควิดที่ผ่านมาทำให้รายได้ลดลงจาก 200,000-300,000 บาท เหลือ 30,000-50,000 บาท” “มีเครียดบ้างแต่ไม่มาก ลูกสาวบอกว่าไม่ต้องคิดมาก”
        O: จากการสังเกตผู้สูงอายุมีสีหน้าครุ่นคิด ซึมลงเล็กน้อย ขมวดคิ้วเล็กน้อย
        
        เป้าประสงค์
        ผู้สูงอายุมีความวิตกกังวลลดลง
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ผู้ป่วยมีสีหน้าที่ดีขึ้น ยิ้มแย้ม ไม่ขมวดคิ้ว
        
        ผลการประเมิน ST-5 มีคะแนนต่ำกว่า 3 คะแนน
        
        การพยาบาล
        
        ประเมินความวิตกกังวลของผู้สูงอายุโดยใช้แบบประเมินความวิตกกังวล
        
        สร้างสัมพันธภาพให้ผู้สูงอายุเกิดความไว้วางใจ และให้ผู้สูงอายุได้พูดคุย ระบายความรู้สึกเกี่ยวกับความวิตกกังวลของผู้สูงอายุ
        
        แนะนำการเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การฝึกหายใจ การทำจิตใจให้สงบ อ่านหนังสือ ฟังเพลง ไหว้พระ สวดมนต์
        
        กระตุ้นให้ญาติมีส่วนร่วมในการให้กำลังใจและแนะนำเข้าสังคมกิจกรรมต่างๆของกลุ่มผู้สูงอายุ พร้อมทั้งส่งเสริม ช่วยเหลือผู้สูงอายุในการทำกิจกรรมเข้าสังคมเพื่อผ่อนคลายจากความวิตกกังวล
        
        ดูแลสิ่งแวดล้อมให้ผู้สูงอายุพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ ลดสิ่งรบกวนต่างๆ เพื่อเป็นการเพิ่มความผ่อนคลาย
        
        ดูแลให้ความสุขสบายโดยจัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดโปร่งและรู้สึกสบาย ลดอาการวิตกกังวล
        
        กิจกรรมของผู้สูงอายุ
        
        ร่วมพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดความรู้สึกของตนเองแก่พยาบาล
        
        ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียด
        
        เข้าร่วมกิจกรรมในชุมชน
        
        กิจกรรมของผู้ดูแล
        
        พูดคุยและให้กำลังใจแก่ผู้สูงอายุ
        
        กระตุ้นให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมที่บ้านหรือกิจกรรมฝยชุมชน
        
        จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง สบาย
        
        ประเมินผล : ยังไม่มีการติดตามและประเมินผล
- - - - ลักษณะของส้วมที่ใช้ ส้วมที่ใช้เป็นชักโครก โดยรอบสะอาดดี (เชื่อมโยงกับข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1)
        การกำจัดขยะและปฏิกูล ไม่มีข้อมูล
        สัตว์เลี้ยงที่มี ไม่มีสัตว์เลี้ยง
        
        สภาพที่ตั้งของที่อยู่อาศัย พื้นที่โดยรอบเป็นหอพักและคอนโดมิเนียม ตรงข้ามเป็นตลาดนัดปาร์คอิน หน้าปากซอยทางมีห้างสรรพสินค้าแหลมทองตั้งอยู่ มีร้านอาหารหลายร้านโดยรอบ
        การคมนาคม มีถนน 2 เลนส์ตัดผ่านด้านหน้าหอ ไม่ไกลจากถนนใหญ่มาก มีรถยนต์ส่วนตัวสำหรับการเดินทาง 1 คัน