Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
CNS-acting drugs Pharmacology ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง - Coggle…
CNS-acting drugs Pharmacology
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง
โครงสร้างของเซลล์ต่าง ๆ ในระบบประสาทส่วนกลาง
Myelin sheath
Dendrite
Oligodendrocyte
Astrocyte
Axon initial segment
Axon
Neuron
Synapses
สามประสาน สารเคมีที่เกี่ยวกับ Psychopharmacology
Serotonin
Obsession
Compulsion
Memory
Dopamine
Reward
Motivation
Norepinephrine
Concentration
Energy
Alertness
กลไกการออกฤทธิ์หลักของยากันชัก
เพิ่มการทำงานของ GABA neurotransmission เพื่อให้เกิด
inhibitory signaling ที่มากขึ้น ผ่านกระบวนการต่าง ๆ
ปรับการทำงานของ synaptic release
ปรับการทำงานของ ion channels ให้ อยู่ในช่วง inactivation
นานขึ้นเพื่อลด epileptogenic discharge
ลดการทำงานของ synaptic excitation โดยการไปmodulate การทำงานของตัวรับที่เกี่ยวข้องกับ excitatory neurotransmission
การแพ้ข้าม (cross-allergy) ของยากันชัก
ในปัจจุบันพบว่ามีการแพ้ข้ามในยากันชักที่มีโครงสร้างวงแหวนอะโรมาติก (aromatic ring-containing AEDS)
CARBAMAZEPINE
LAMOTRIGINE
PHENYTOIN
PHENOBARBITAL
DOSAGE FORM CONCERNS
รูปแบบเภสัชภัณฑ์
ตัวย่อที่อาจพบ XL, XR, CR, LA, ER, SR, CHRONO
ระวังการบดแล้ว feed via NG tube เป็นข้อห้ามอย่างเด็ดขาด เพราะยาจะสูญเสียคุณสมบัติการออกฤทธิ์เนิ่นนาน
ยารูปแบบออกฤทธิ์เนิ่นนาน (extended-release, sustained release, controlled-release, Long-acting)
หากพบ order ลักษณะนี้ต้องแจ้งแพทย์ทันที
ตัวอย่างยากันชักที่จะมีปัญหาเรื่องการออกฤทธิ์ถ้าบดละเอียด
dilantin
Depakine Chrono
tegretol
ยาระงับปวด (analgesic)
แบบไม่เสพติด
พาราเซตามอล: ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้าง prostaglandin และเพิ่ม threshold ของการรับรู้ความเจ็บปวด พาราเซตามอลไม่มีฤทธิ์ลดการอักเสบพาราเซตามอลไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ไม่ต้องขึ้นกับมื้ออาหาร
Norgesic คือ Paracetamol 450 mg & Orphenadrine 35 mg
Paracetamol&Codeine
ชนิดเสพติด
มอร์ฟีน
เฟนตานิล
โคเดอีน
เพทธิดีน
การใช้ยา ergotamine ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
การใช้ยา ergotamine สeหรับรักษาโรคปวดศีรษะไมเกรนจะต้องใช้เฉพาะเวลาที่มีอาการปวดเท่านั้น ห้ามใช้ติดต่อกันทุกวันเพื่อป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรนเด็ดขาด
Sedative – Hypnotic drugs
ยาระงับประสาท – ยานอนหลับ
ยากลุ่ม Benzodiazepines (BDZs) และ nonBenzodiazepines มีทั้งยากินและยาฉีด
การแบ่งกลุ่มยาแบ่งได้ตาม ระยะเวลาการออกฤทธิ์(duration of action) และ ความแรง (potency)
ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์สงบประสาท ทำให้ง่วงซึมจนถึงนอนหลับ ทำให้กล้าม เนื้อผ่อนคลาย ต้านการชัก แต่เกิดการดื้อยา และมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดการติดยา ทั้งกายและจิตใจ
ข้อควรคำนึงด้านกฎหมาย
alprazolam 1 mg
เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทบางชนิดมีการนำไปใช้ในทางที่ผิดสูงมาก มีการจำกัดการสั่งใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือด้วยตัวอักษร
หลักการทั่วไปของ BDZs sedative hypnotics
ยาที่มีค่าครึ่งชีวิตยาว (long half-life) มีแนวโน้มทำให้ติดน้อยกว่า ยาที่มีค่าครึ่งชีวิตสั้น (short half-life) เช่น valium, chlordiazepoxide ทำให้ติดยากกว่า dormicum
ยาที่มี potency สูง และออกฤทธิ์เร็ว ทำให้เกิด anterograde amnesia
เอาไปใช้ในทางที่ผิดง่าย
ยาที่มีความแรงสูง (high potency) มีแนวโน้มจะทำให้ติดได้ง่ายกว่ายาที่มีความแรงต่ำ (low potency) เช่น dormicum, xanax ทำให้ติดง่ายกว่าvalium
ประเภทของยาต้านเศร้า
แบ่งตามสารเคมีที่ยาไปออกฤทธิ์
TCAs (tricyclic antidepressants)
amitriptyline, nortriptyline, imipramineออกฤทธิ์ยับยั้งการเก็บกลับ (reuptake) ของ serotonin, norepinephrine แต่ก็ไปออกฤทธิ์ต่อ histaminic-, alpha adrenergic receptor
อาการข้างเคียง เช่น ง่วงซึม มึนหัว เวียนศีรษะเวลาเปลี่ยนอิริยาบถ
ยามีโครงสร้างที่สามารถยับยั้งการทำงานของ sodium channels ได้ด้วยทำให้เกิดพิษต่อหัวใจ (cardiotoxicity)
ยาต้านเศร้ากลุ่ม SSRIs
[selective serotonin reuptake inhibitors]
ออกฤทธิ์ยับยั้งการเก็บกลับของserotonin เป็นหลัก โดยไม่ไปรบกวน receptor อื่น ท าให้อาการข้างเคียงบางด้านหายไป เช่น ง่วงซึม ความดันตกเมื่อเปลี่ยนท่ามีความปลอดภัยสูงกว่าเมื่อเทียบกับ TCAs ไม่มีผลต่อหัวใจ
ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ fluoxetine, sertraline, paroxetine, escitalopramยามีค่าครึ่งชีวิตยาวมาก สามารถกินได้วันละ 1 ครั้ง และระดับยาไม่แปรปรวนมากนัก
ยาต้านเศร้าที่มีกลไกอื่น ๆ
NE-Dopamine reuptake inhibitors: bupropion
Melatonin agonist: agomelatine
Serotonin reuptake enhancer: tianeptine
Serotonin antagonist and reuptake inhibitor: trazodone
NE reuptake inhibitor: reboxetine
ข้อควรระลึกในการใช้ยากลุ่มโรคทางจิตเวชแก่ผู้ป่วย
ถ้าไม่ได้แพ้ยา ห้ามหยุดยาเอง เพราะยากำลังค่อย ๆ จะออกฤทธิ์การขาดยามีผลต่อคอร์สการรักษา
อาการข้างเคียงบางอย่างอาจพบในช่วงหลัง ๆ ที่กินยาไปแล้วนาน ๆ เช่น ผอมลงน้ าหนักลด ความอยากอาหารลดลง หรือบางอย่างอยากอาหารเพิ่มขึ้นขณะที่อาการข้างเคียงบางอย่างมาไว เช่น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ มือสั่น ใจสั่น
Mood stabilizer: Lithium
เป็นโลหะที่ใช้สำหรับ ภาวะอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว(bipolar disorder)เป็นยาที่มี therapeutic range แคบภาวะ dehydration, hyponatremia จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดพิษจากลิเธียม
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง
CNS acting drugs หลายตัวมีความเกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทหลายระบบ นำไปสู่การมีหลายข้อบ่งใช้ (multi-target, multi-indication)
Fluoxetine: MDD, bulimia, depressed on top Psychotic disorder
Risperidone: Psychotic, ADHD
VPA: migraine, bipolar, epilepsy
Carbamazepine: Epilepsy, Trigeminal neuralgia
ยาอาจมีหลายข้อบ่งใช้ ดังนั้นต้องสอบถามย้อนกลับเกี่ยวกับโรคที่เป็นของผู้ป่วยเนื่องจากยาออกฤทธิ์ผ่านสารสื่อประสาท และ receptor หลายชนิด ดังนั้นต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งในการเห็นฤทธิ์การรักษา เน้นการกินยาต่อเนื่อง (good adherenceอาการบ้างเคียงจากยาบางอย่างอาจซ้อนทับกับอาการของโรค ต้องให้แพทย์วินิจฉัย)May cause of drowsiness; fall, driving, machine operation are may concern !Drug – Alcohol Interaction !!!
อาการแพนิค
อาการแพนิคทางร่างกาย
ใจสั่น ใจเต้นแรง เจ็บหน้าอก อ่อนแรงมึนศีรษะ รู้สึกร้อนหรือหนาวผิดปกติ คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการชา
อาการแพนิคทางใจ
อ่อนเพลีย การรับรู้บิดเบือน ความรู้สึกกลัวซึ่งเกือบเคลื่อนไหวไม่ได้เลย ความกลัวรุนแรงว่าสิ่งไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น
ภาวะไบโพลาร์
มีความเข้มข้นของอารมณืมากขึ้น ทั้งอารมณ์แบบสนุกสนาน ร่างเริง และก้าวร้าว
มีการแสดงออกและการคิดอ่านมากกว่าปกติ
มีพลังมากขึ้น ครึกครื้นผิดปกติ
ภาวะวึมเศร้า
อารมณ์เศร้า หรือร้องไห้ง่ายโดยไม่มีเหตุผล , ไม่อยากสังสรรค์ หรือออกสังคม
หงุดหงิด โกรธง่ายกว่าปกติ มองโลกในแง่ร้ายไปหมด
มองตนเองว่าไร้ค่า หรือเป็นภาระ ไม่รู้จะมีชัวิตต่อไปทำไม
โรคเครียด
กังวล ประสาทเสีย กระสับกระส่าย
รู้สึกผ่านปัญหายากๆในชีวิตไม่ได้
โกรธ และโมโหง่าย
นอนไม่หลับ , รู้สึกหมดแรง