Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิดการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน, นางสาวชุตินันท์ คชสีห์ 611120315 -…
แนวคิดการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
ขั้นตอนการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
ขั้นที่ 5 การดำเนินการแก้ปัญหาและเก็บรวบรวมข้อมูล
คือ การนำเอาเครื่องมือที่ใช้ดำเนินการวิจัย เช่น นวัตกรรมและสือต่างๆ แผนการสอน แบฝึกต่างๆ ไปใช้แก้ปัญหาการเรียนการสอน
ขั้นที่ 6 การวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผล
เป็นการจัดหมวดหมู่ของข้อมูล เพื่อนำไปใช้ตอบคำถามการวิจัย (หรือตรวจสอบสมมติฐานการวิจัยที่กำหนดขึ้น)
ขั้นที่ 4 การจัดทำเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งได้เป็น 2 ประเภท
(1) เครื่องมือที่ใช้ดำเนินการวิจัย เช่น นวัตกรรมและสื่อต่างๆ แผนการสอน แบบฝึกหัดต่างๆ ในงานวิจัยเชิงวิชาการจะต้องมีกระบวนการในการตรวจสอบคุณภาพของนวัตกรรม สื่อ แผนการสอน และแบบฝึกหัด
(2) เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล เช่น แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบสังเกต และตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ
ขั้นที่ 7 การรายงานผลการวิจัยและการเผยแพร่
เป็นการรายงานข้อเท็จจริงจากการวิจัยที่ค้นพบ อาจรายงานผลด้วยวาจาหรือเขียนรายงานการวิจัยหรือทั้งสองวิธี
ขั้นที่ 3 การออกแบบการวิจัย
เป็นการวางแผนเพื่อให้ได้คำตอบของคำถามการวิจัย การออกแบบการวิจัยประกอบด้วย
การกำหนดแผนแบบการวิจัย
ว่าวิจัยจะเป็นการวิจัยประเภทใด ดำเนินการวิจัยอย่างไร
วางแผนกำหนดแหล่งที่มาของข้อมูล
กลุ่มเป้าหมายหรือประชากรเป็นใคร กลุ่มตัวอย่างจะได้โดยการสุ่มแบบฝด จำนวนเท่าใด
การกำหนดวิธีการเก็บข้อมูลและเครื่องมือวิจัย
วิธีการเก็บข้อมูลเป็นวิธีที่จะให้ข้อมูลเพื่อนำไปตอบคำถามของการวิจัย
ขั้นที่ 8 การนำผลการวิจัยไปใช้พัฒนาการเรียนการสอน
สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์แก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ ผู้บริหารควรส่งเสริมให้มีขยายต่อยอดผลการวิจัยไปใช้ในห้องเรียนอื่นๆ
ขั้นที่ 2 ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี งานวิจัย ที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาแนวคิดทฤษฎีทำให้ได้เทคนิคในการแก้ปัญหา ได้นวัตกรรมเป็นรูปแบบหรือวิธีการแก้ปัญหาของครู เพื่อให้การวิจัยมีความเชื่อมโยงกับทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนการวิจัยแบบอื่นๆ
ขั้นตอนการวิจัยแบบ P-A-O-R
ขั้นที่ 2 ปฏิบัติการ
ขั้นที่ 3 สังเกต
ขั้นที่ 1 การวางแผน
ขั้นที่ 4 การสะท้อนการปฏิบัติ
ขั้นตอนการวิจัยปฏิบัติการแบบ Freeman
ขั้นที่ 2 การกำหนดคำถาม
ขั้นที่ 3 การรวบรวมข้อมูล
ขั้นที่ 1 การตั้งข้อสงสัย
ขั้นที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูล
ขั้นที่ 5 การทำความเข้าใจ
ขั้นที่ 6 การเผยแพร่
ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์ปัญหาการเรียนการสอน
แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ 1) ปัญหาขัดข้อง หมายถึง ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน 2) ปัญหาป้องกัน หมายถึง ปัญหายังไม่เกิดขึ้นในปัจจุบันแต่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต 3) ปัญหาเชิงพัฒนา หมายถึง ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคต แต่เป็นความต้องการที่จะทำงานให้ดีขึ้น ผลผลิตมีคุณภาพหรือประสิทธิภาพมากขึ้น
การสืบค้นความรู้
การสืบค้นความรู้จากฐานข้อมูลสำเร็จรูป
การสืบค้นความรู้จากอินเทอร์เน็ต
การสืบค้นความรู้จากตำรา บทความ เอกสารต่างๆ
ปัญหาการวิจัยกับการตั้งชื่อเรื่องวิจัย
การตั้งชื่อเรื่องงานวิจัย ส่วนใหญ่มี 3 ส่วนที่สำคัญ คือ
2) ใช้วิธีการใดหรือสื่อ/นวัตกรรมประเภทใดในการแก้ปัญหา
3) เป็นการศึกษากับใครที่ไหน คือบอกกลุ่มเป้าหมาย
1) ประเด็นปัญหา อ่านชื่อเรื่องแล้วจะต้องทราบว่า ปัญหาที่ต้องการแก้ไข/พัฒนา คือเรื่องใด พฤติกรรมใด
ตัวแปรของการวิจัย ประกอบด้วย ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม
ตัวแปรต้น (หรือตัวแปรอิสระ) ในการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน คือสิ่งที่ผู้วิจัยใช้ในการแก้ปัญหา/พัฒนาศึกษา หรือสิ่งที่เป็นสาเหตุที่ผู้วิจัยจัดกระทำขึ้นในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย
ตัวแปรตาม ในการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน คือ สิ่งที่เป็นผลจากตัวแปรต้น หรือพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไป
การกำหนดปัญหาวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน การทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ปัญหาการวิจัยได้มาจากแหล่งต่างๆ ได้จากประสบการณ์ของครู ผู้บริหาร ผู้ปกครอง ดังนี้
3) จากการวิเคราะห์ความต้องการพัฒนาการสอน
4) จากวิธีการระดมสมองโดยกระบวนการกลุ่ม
2) จากหลักฐานการเรียน เช่น ผลการเรียน
5) จากนโยบายของหน่วยงาน และ ความต้องการของหน่วยงาน
1) จากประสบการณ์ของครู ผู้บริหาร ผู้ปกครอง เช่น ปัญหาที่ได้จากการสอนจากครู
6) จากภาวะทางสังคม
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
ความหมายของการวิจัย
กระบวนการค้นคว้าหาความรู้อย่างมีระบบ เพื่อตอบประเด็นที่สงสัย โดยมีระเบียบวิธีอันเป็นที่ยอมรับในศาสตร์แต่ละศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
ประเภทของการวิจัย
2.1 ประเภทของการวิจัยจำแนกตามระเบียบวิธีวิจัย แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
2) การวิจัยเชิงบรรยาย เป็นการวิจัยเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
2.2) การวิจัยความสัมพันธ์ของตัวแปร เป็นการศึกษาเปรียบเทียบควมแตกต่างหรือความสัมพันธ์ของตัวแปรที่กำหนดขึ้นในงานวิจัย
2.3) การศึกษาพัฒนาการ เป็นการค้นหาพัฒนาการของสิ่งต่างๆ ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
2.4) การศึกษารายกรณี เป็นการศึกษาเรื่องที่สนใจในขอบเขตจำกัด และจำนวนตัวอย่างไม่มากนัก แต่ศึกษาอย่างลึกซึ้ง
2.1) การวิจัยเชิงสำรวจ เป็นการสำรวจสภาพและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินกิจกรรม หรือสำรวจทัศนคติต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
3) การวิจัยเชิงทดลอง เป็นการวิจัยเพื่อค้นหาว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผล ภายใต้สถานการณ์ที่มีการจัดกระทำตัวแปรต้นและมีการควบคุมตัวแปรต่างๆ เพื่อสังเกตตัวแปรตามที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถบอกความเป็นเหตุเป็นผลได้ชัดเจน
1) การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ เป็นการวิจัยเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงที่เป็นเรื่องราวในอดีต
2.2 ประเภทของการวิจัยจำแนกตามลักษณะของข้อมูล
1) การวิจัยเชิงปริมาณ เป็นการวิจัยที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่มีความแม่นยำชัดเจน
2) การวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการวิจัยที่ทำความเข้าใจปรากฎการณ์หรือสิ่งที่บุคคลกระทำขึ้นในสังคม
2.3 ประเภทของการวิจัยจำแนกตามประโยชน์การนำไปใช้
2) การวิจัยประยุกต์ เป็นการวิจัยที่ได้นำผลจากข้อความรู้ ทฤษฎีที่มีผู้ศึกษาไว้แล้วมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่มนุษย์
3) การวิจัยปฏิบัติการ เป็นการวิจัยที่มุ่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า มุ่งแก้ปัญหางานในหน้าที่ของตนหรือของทั้งหน่วยงาน
1) การวิจัยพื้นฐาน เป็นการวิจัยเพื่อนำไปใช้ทดสอบหรือสร้างกฎ ทฤษฎี เพื่ออธิบายปรากฎการณ์ที่เป็นพื้นฐานในการศึกษาเรื่องอื่นๆ
ความหมายของการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
เป็นวิจัยปฏิบัติการที่มุ่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงกับงานหรือพัฒนางานให้ดีขึ้น มีเป้าหมายคือการพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนของครูที่รับผิดชอบ
ประเภทของการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
4.2 การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนแบบร่วมมือ เป็นการทำวิจัยที่ครูทำเป็นกลุ่มจำนวน 1-2 คนขึ้นไป ร่วมกันวางแผนทำวิจัยเพื่อแก้ปัญหาการเรียนการสอนที่เหมือนกันหรือคล้างคลึงกัน
4.3 การวิจัยระดับสถานศึกษา เป็นการวิจัยปฏิบัติการที่จัดเป็นงงานในหน้าที่ความรับผิดชอบของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาในโรงเรียน เป็นการร่วมมือกันระหว่างครู ผู้บริหาร ผู้ปกครอง เพื่อแก้ปัญหาของโรงเรียน
4.1 การวิจัยในชั้นเรียน เป็นการทำงานของครูที่เผชิญปัญหาจากการสอน และพยายามแก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอนในชั้นเรียนของตนเอง เป็นการวิจัยโดยครูคนเดียว ผู้ได้รับประโยชน์คือผู้เรียน
4.1.1 การวิจัยในชั้นเรียนอย่างง่าย การวิจัยนี้ครูเริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหาการเรียนการสอนในชั้นเรียน ที่เน้นการแก้ไขที่สาเหตุของปัญหาของผู้เรียนบางคน หรือเนื้อหาบางเรื่อง กลุ่มเป้าหมายคือผูเรียนในห้อง
4.1.2 การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน การวิจัยลักษณะนี้มีความเข้มงวดทางวิชาการมากกว่าการวิจัยในชั้นเรียนอย่างง่าย โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหาการเรียนการสอนในชั้นเรียน ระบุประชากรการสุ่มตัวอย่าง อาจมีกลุ่มทดลองเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม มีการสร้างเครื่องมือวิจัยประเภทนวัตกรรม
ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
5.3 การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนมิใช่เป็นการวิจัยกลุ่มตัวอย่าง แต่เป็นการวิจัยกับผู้เกี่ยวข้องกับงานของนักวิจัยนั่นคือผู้เรียน
5.4 เป้าหมายของการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน คือการนำผลงานวิจัยมาปรับปรุงพัฒนางาน มิใช่การได้มีเล่มรายงานการวิจัยใว้นำเสนอผู้บริหารหรือขอเลื่อนตำแหน่ง
5.2 การปฏิบัติงานและประสบปัญหาแล้วครูแก้ปัญหาได้
5.5 การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนมิได้จบลงที่การสรุปและตีความผลการทดสอบสมมุติฐาน
5.1 การทำแผนการสอน ลงมือสอน และบันทึกผลการสอน กิจกรรมดังกล่าวจะช่วยให้ครูได้ทราบว่ามีปัญหาอะไร
การกำหนดวัตถุประสงค์กับกรอบแนวคิดการวิจัย วัตถุประสงค์งานวิจัยบ เป็นการกำหนดความต้องการในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ความจริงของผู้วิจัย เพื่อให้ทราบว่าผู้วิจัยมุ่งจะทำอะไรในการวิจัยครั้งนี้ ดังนั้นสัตถุประสงค์การวิจัยจะต้องบ่งชี้สิ่งที่ต้องการจะค้นพบอย่างชัดเจน สอดคล้องและครอบคลุมประเด็นปัญหาการวิจัย
หลักการเขียนวัตถุประสงค์การวิจัย ยึดหลัก SMART คำที่นิยมใช้ในการเขียน ได้แก่ เพื่อการศึกษา... เพื่อพัฒนาหรือเพื่อสร้าง... เพื่อเปรียบเทียบ... เพื่อทำนาย... เพื่อติดตาม... เพื่อวิเคราะห์... เพื่อตรวจสอบ... เพื่อสำรวจ... เพื่อทดสอบ... เพื่อประมวล...
การเขียนวัตถุประสงค์ในการวิจัย มีข้อคำนึง ดังนี้
4) ภาษาที่ใช้เขียนจะต้องสั้นกระทัดรัดได้ใจความ และมีความชัดเจน
5) วัตถุประสงค์จะต้องระบุวิธีการศึกษา ตัวแปร และกลุ่มเป้าหมายที่ศึกษา
3) วัตถประสงค์ของการวิจัยต้องสอดคล้องและครอบคลุมประเด็นปัญหาการวิจัย
6) สามารถกำหนดรูปแบบการวิจัยได้
2) สามารถกำหนดสมมุติฐานการวิจัยได้ (กรณีเป็นการวิจัยที่ต้องการทดสอบสมมุติฐาน)
7) การเขียนอาจเขียนในลักษณะการบรรยาย หรือคำถามก็ได้
1) วัตถุประสงค์ของการวิจัยจะต้องสอดคล้องกับชื่อเรื่อง ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
กรอบแนวคิดการวิจัย คือ การประมวลความคิดรวบยอดของงานที่วิจัยที่แสดงความเกี่ยวข้องระหว่างตัวแปรที่สึกษา
หลักสำคัญในการเขียนกรอบแนวคิด คือ จะต้องอ้างอิงแนวคิด หลักการหรือทฤษฎีที่นำมาใช้เป็นกรอบการทำวิจัย และแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หลักสำคัญในการเลือกกรอบแนวคิดในการววิจัย มีอยู่ด้วยกัน 4 ประการ คือ
2) ความง่ายและไม่สลับซับซ้อน
3) ความสอดคล้องกัน
1) ความตรงประเด็น
4) ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบัติ
นางสาวชุตินันท์ คชสีห์ 611120315