Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Late male preterm c severe birth asphyxia c moderate HIE c Neonatal…
Late male preterm c severe birth asphyxia c moderate HIE
c Neonatal seizure
ข้อมูลมารดา
ข้อมูลมารดา อายุ 26 ปี G2 P1 ANC no risk ผลเลือด : ปกติ Hx. Labor pain ไม่มีน้ำเดิน ไม่มีไข้ PV 6 cm. mi 0 stat Ampicillin 2 gm iv x 1 dose ต่อมาคลอด NL เวลา 18.24 น.
Birth Asphyxia
ภาวะขาดออกซิเจนแรกคลอด ทำให้เกิดการหายใจทางปาก หายใจไม่สม่ำเสมอและหัวใจเต้นช้าลง ส่งผลให้เกิดภาะเลือด เป็นกรด ค่าความเป็นกรด (pH) ต่ำลง ค่าความดันออกซิเจนใน เลือด (PaO2) ลดลง ค่าความดันคาร์บอนไดออกไซด์(PaCO2) เพิ่มขึ้น การกระจายของเลือดไปสู่อวัยวะต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป จากเดิม เพื่อให้หัวใจและสมองได้รับเลือดและออกซิเจนอย่าง สม่าเสมอ ปริมาณของเลือดที่ไปสู่ปอด ไต ลำไส้ และลำตัวจะ ลดลง ทำให้หลอดเลือดฝอยในปอดหดตวัวมีเลือดไหลลัดผ่าน foramen ovale และ ductus arteriosus เข้าสู่ระบบหลอดเลือด ของร่างกาย เพื่อไปเลี้ยงส่วนที่จำเป็นของร่างกาย คือ สมอง และ หัวใจ ถ้าภาวะขาดออกซิเจนแรกคลอด นานเกิน 5 นาที หัวใจและสมองก็จะขาดออกซิเจน ถ้าทารกไม่ได้ รับการช่วย เหลืออย่างทันทวงที่จะทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดมากขึ้น ทำให้เกิดหลอดเลือดฝอยในปอด หดตัวมากยิ่งขึ้น ทำให้การแลก เปลี่ยนก๊าซลดลง
ข้อมูลทารก
ข้อมูลทารก ด.ช.จีวร เฮียง (กัมพูชา ) อายุ 22 วัน เพศชาย คลอด NL 28 ต.ค.64 เวลา 18.24 น.GA 36+3 wks. APGAR 0-4-6 BW 2,680 กรัม แรกเกิด cord พันคอ 2 รอบ ไม่ร้อง ไม่หายใจ PPV HR > 100 PPV ต่ออีก 10 นาที ทารกหายใจหอบเหนื่อย มี subcostal Retraction On ETT no. 3.5 fail 2 ครั้ง ใส่ใหม่ครั้งที่ 3 ETT no. 3.5 ลึก 8 cms. Refer รพศ. Admit NICU มีปัญหาเรื่อง seizure Dx. moderate HIE on Cooling 4 วัน on Tube x 11days ,on O2 Cannula 0.1 lpm ถึงปัจจุบัน
LAB CBC WBC 34,000 plt 205,000 on Ampicillin 270 mg I q 12 hr.+Gentamicin 10 mg iv q 24 hr. ผล H/C no growth Off ATB 7 day
วันที่รับเคสไว้ในความดูแล 17พ.ย.64 On O2 Cannula 0.1 lpm หายใจไม่สม่ำเสมอ RR 56-58 bpm มี secretion จำนวนเล็กน้อย
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.มีภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลง
ข้อสนับสนุน
Hx. มี cord พันคอ 2 รอบ
Dx. severe birth asphyxia c moderate HIE
CT brain พบ Cephalhematoma
หายใจไม่สม่ำเสมอ
วัตถุประสงค์ - ไม่เกิดภาวะพร่องออกซิเจน
กิจกรรมการพยาบาล :
ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพของทารก ทุก 1 - 2 ชั่วโมง และดูแล on monitor เพื่อเฝ้าระวังและสังเกตสัญญาณชีพหากผิดปกติ รายงานแพทย์
ดูแล on O2 Cannula 0.1 LPM ตามแผนการรักษา เพื่อป้องกันภาวะพร่องออกซิเจน
ดูแลจัดท่านอนให้ศีรษะสูงประมาณ 30° เพื่อให้ปอดมีการขยายตัวได้ดีสามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้เต็มที่ และจัดท่าให้ทารกหายใจได้สะดวก โดยใช้ผ้าหนุนบริเวณไหล่ให้ศีรษะแหงนเล็กน้อย ไม่ให้คอพับปิดทางใจ
ฟัง Breath sounds ก่อนและหลังทำการดูดเสมหะ
ล้างมือก่อนและหลังดูดเสมหะทุกครั้ง และทำการ postural drainage ด้วยวิธี vibration ก่อนดูดเสมหะเมื่อจำเป็น เช่น secretion จำนวนมากลักษณะเหนียว แห้ง เป็นต้น
ใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ โดยการใช้ถุงมือ ,สายดูดเสมหะที่ปราศจากเชื้อ
จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ โดยลดแสงสว่าง ลดเสียง มีการวางแผนกิจกรรมการพยาบาลโดยให้การพยาบาลในเวลาเดียวกัน เพื่อลดการรบกวนทารกลดกิจกรรมต่างๆให้น้อยที่สุด เพื่อส่งเสริมการนอนหลับของทารก ช่วยลดการใช้พลังงานและออกซิเจน
ดูแลระบายเสมหะที่อุดกั้นทางเดินหายใจ โดย
ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจน ได้แก่ หายใจเหนื่อย หายใจเร็วขึ้น มี retraction nasal flaring , grunting , อกบุ๋มหรือมี cyanosis เป็นต้น
ดูแลให้ความอบอุ่นทารก ให้อุณหภูมิกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อป้องกันทารกสูญเสียพลังงาน ซึ่งส่งผลให้เพิ่มอัตราการหายใจได้
จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ โดยลดแสงสว่าง ลดเสียง มีการวางแผนกิจกรรมการพยาบาลโดยให้การพยาบาลในเวลาเดียวกัน เพื่อลดการรบกวนทารกลดกิจกรรมต่างๆให้น้อยที่สุด เพื่อส่งเสริมการนอนหลับของทารก ช่วยลดการใช้พลังงานและออกซิเจน
เกณฑ์การประเมินผล
-V/S อยู่ในเกณฑ์ปกติ ได้แก่ T = 36.8 – 37.2 ˚c HR = 120 – 160 bpm RR = 40 – 60 bpm BP= SBP 83-51 mmHg , DBP 56-25 mmHg , Mean 65-34 mmHgO2 Sat 92-95 %
สีผิว ริมฝีปาก ปลายมือปลายเท้าไม่มี cyanosis
ลักษณะการหายใจปกติ ไม่มี retraction ,ไม่มี nasal flaring ,ไม่มี grunting ,ไม่มี Apnea
ทางเดินหายใจโล่ง - film chest improve : aeration 8 ช่อง
การประเมินผล
ทารก Active ดี ลักษณะการหายใจไม่สม่ำเสมอ ไม่มี retraction ,ไม่มี nasal flaring ,ไม่มี grunting ,ไม่มี Apnea T=37 องศาเซลเซียส RR = 56-58 ครั้ง/นาที O2 sat 95-100 %
มีโอกาสเกิดภาวะ Hypo – Hyperthermia เนื่องจากศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของสมองยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่จากการคลอดก่อนกำหนด
ข้อมูลสนับสนุน
Preterm 36+3 wks. - Dx. severe birth asphyxia c moderate HIE
มีประวัติที่ NICU มีอุณหภูมิกายต่ำ BT = 35 °c (29/10/64- 4/11/64) - ประวัติ มีไข้ 37.5 °c (01/11/64)
วัตถุประสงค์ - ทารกไม่มีภาวะ Hypothermia – Hyperthermia
เกณฑ์การประเมินผล
อุณหภูมิกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ = 36.8˚c – 37.2 ˚c- ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะ Hypothermia เช่น ตัวลาย ผิวหนังซีดและเย็น เขียวตามปลายมือปลายเท้า ซึม Apnea เป็นต้น- ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะ Hyperthermia เช่น ผิวหนังแดงขึ้น และร้อน หายใจเร็วขึ้น เป็นต้น
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ทารกนอน Crib ตามแผนการรักษาของแพทย์ ควบคุมอุณหภูมิกายทารกให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม คือ 36.8 ˚c - 37.2˚c หากอุณหภูมิกายทารกสูงหรือต่ำกว่าเกณฑ์ ปรับเพิ่มหรือลดอุณหภูมิครั้งละ 0.1˚c
ดูแลเปลี่ยนผ้าอ้อมทุกครั้งหลังการขับถ่าย เพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อนแบบ evaporation
รบกวนทารกให้น้อยที่สุด โดยให้การพยาบาลอย่างรวดเร็วและนุ่มนวล เพื่อให้ทารกลดการใช้พลังงาน และป้องกันการสูญเสียความร้อน
สังเกตอาการของภาวะ Hypothermia ตัวลาย ผิวหนังซีดและเย็น เขียวตามปลายมือปลายเท้า ซึม Apnea เป็นต้น เมื่อพบว่า ทารกมีภาวะ Hypothermia ควรห่อตัวให้อบอุ่น หรือวางตัวทารกไว้ใต้ Radiant warmmer
สังเกตอาการของ Hyperthermia เช่น ผิวหนังแดงขึ้น และร้อน หายใจเร็วขึ้น เป็นต้น ควรแก้ไขตามสาเหตุของการมีอุณหภูมิร่างกายสูง เช่น ห่อตัวทารกมากเกินไป เป็นต้น
ติดตามอุณหภูมิกายทารก หากทารกมีอุณหภูมิกายผิดปกติ ติดตามวัดอุณหภูมิกายซ้ำทุก 15 - 30 นาที จนอุณหภูมิคงที่ 2 ครั้ง จากนั้นจึงวัดทุก 4 ชั่วโมง ตามปกติ
การประเมินผล
ทารกไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะ Hypo-Hyperthermia อุณหภูมิกายปกติ 37 °c
มีโอกาสเกิดภาวะ Hypo – Hyperglycemia เนื่องจากทารกคลอดก่อนกำหนด
ข้อมูลสนับสนุน
-Preterm GA 36+3 wks
-Dx. birth asphyxia
วัตถุประสงค์
ทารกไม่เกิดภาวะ Hypo – Hyperglycemia
เกณฑ์การประเมินผล
-ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะ Hyperglycemia ได้แก่ หายใจเร็ว ใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจ อาเจียนซึมลง ไม่ขยับแขนขา - ภาวะ Hypoglycemia ได้แก่ ซึม ไม่ดูดนม อาการสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ชัก หยุดหายใจ
-DTX 45 – 120 mg%
-V/S อยู่ในเกณฑ์ปกติ ได้แก่ T = 36.8 – 37.2 ˚c HR = 120 – 160 bpm RR = 40 – 60 bpmBP= SBP 83-51 mmHg , DBP 56-25 mmHg , Mean 65-34 mmHgO2 Sat 92-95 %
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินอาการและอาการแสดงของ
ภาวะน้ำตาลในร่างกายสูง (Hyperglycemia) ได้แก่ หายใจเร็ว ใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจ อาเจียนซึมลง ไม่ขยับแขนขา
2.วัดสัญญาณชีพ ติดตามและบันทึกทุก 1-2 ชม
3.ดูแลให้นม BM (20kcal/oz)จำนวน 60 ml ทาง OG gavage ทุก 3 ชั่วโมง ตามแผนการรักษาของแพทย์
4.ตรวจและบันทึกผลของน้ำตาลในเลือด ( dextrostix ) ตามแผนการรักษาของแพทย์
ภาวะน้ำตาลในร่างกายต่ำ (Hypoglycemia) ได้แก่ อาการสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ชัก หยุดหายใจ
ประเมินผล
ทารก Active ดี ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะ Hypo – Hyperglycemia
V/S อยู่ในเกณฑ์ปกติ T=37 ˚c RR = 56-58 ครั้ง/นาที O2 sat 95-100 %
มีภาวะขาดสารน้ำสารอาหาร เนื่องจากการดูดกลืนยังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์จากการคลอดก่อนกำหนด
ข้อมูลสนับสนุน
-Preterm 36+3 wks
-Dx. severe birth asphyxia c moderate HIE
-ทารกมีภาวะหายใจไม่สม่ำเสมอ
-ใส่สายให้อาหารทางกระเพาะอาหาร
-ไม่มี Sucking Reflex
วัตถุประสงค์ -ทารกได้รับสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
เกณฑ์การประเมินผล
-ทารกรับนมได้ ไม่มีอาเจียน ไม่มี gastric content สีผิดปกติ ท้อง soft ดี
-พลังงานที่ได้รับเพียงพอ ( 120 cal/kg/day )
-ปริมาณสารน้ำที่ได้รับและปริมาณสารน้ำออกจากร่างกายมีความสมดุล
-น้ำหนักตัวไม่ลดลงหรือลดลงไม่เกินวันละ 20 กรัม
-ริมฝีปากไม่แห้ง ผิวหนังไม่เหี่ยวย่น
กิจกรรมการพยาบาล
ลดการใช้พลังงานของทารก โดยให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวลและรวดเร็ว
สังเกต Reflex การดูด การกลืน และ bowel sound เพื่อประเมินความพร้อมของทารกในการ
ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะขาดสารน้ำสารอาหาร ได้แก่ ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ตึงตัวไม่ดีเหี่ยวย่น กระหม่อมบุ๋ม
ที่จะรับนม
ดูแลนวดทารกบริเวณแก้ม ริมฝีปาก รอบปาก เหงือก และเพดานปาก นวดก่อนให้นม ประมาณ 10 นาที นวด วันละ 1-2ครั้ง เพื่อกระตุ้นการทำงานของประสาทรับความรู้สึกบริเวรที่ควบคุมการเคลื่อนไหวให้ทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้พัฒนาการการดูดและกลืนดีขึ้น ดูดนมได้แรงและนานขึ้น
ก่อนให้นมทางสายยางทุกครั้ง ต้องทดสอบให้แน่ใจว่าสายยางอยูในกระเพาะอาหารและดู ลักษณะ จำนวน Content ในกระเพาะอาหาร และการดูดซึม ถ้ามี Content มากกว่า 50% ของนมที่ให้รายงาน แพทย์ทันที
ดูแลให้นม BM (20kcal/oz) จำนวน 60 ml ทาง OG gavage ทุก 3 ชั่วโมง ตามแผนการรักษาของแพทย์ หลังให้นมทุกครั้งต้องจัด Position ศีรษะสูง และเปิดปลายสายแขวนไว้สูงประมาณ 5 ซม. เพื่อระบายลมและลดอาการท้องอืดเพื่อป้องกันการสำลักนม
บันทึกการให้นมและปริมาณนมที่เหลือค้างในกระเพาะอาหารทุกครั้ง
ดูแลชั่งน้ำหนักทารกทุกวันตามเวลาที่กำหนด เพื่อประเมินภาวะขาดสารน้ำ สารอาหารของทารก
ประเมินผล
ทารกดูดกลืนได้น้อย ไม่มี Sucking Reflex ,สามารถรับนมทางสายยางได้ดี ไม่สำรอก ท้องไม่อืดผิวหนังทารกมีความตึงตัวดี
5.ทารกมีโอกาสสำลักเนื่องจากการดูดกลืนไม่มีประสิทธิภาพ จากการคลอดก่อนกำหนด
ข้อมูลสนับสนุน -Preterm 36+3 wks -Dx. severe birth asphyxia c moderate HIE - ทารกมีภาวะหายใจไม่สม่ำเสมอ- ไม่มี Sucking Reflex
วัตถุประสงค์ ทารกไม่มีภาวะสำลัก
วัตถุประสงค์ ทารกไม่มีภาวะสำลัก
-ทารกมี sucking reflex มากขึ้น
-ลักษณะการดูดและกลืนมีความสัมพันธ์กัน มีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้แก่ ดูดกลืนนาน และแรงมากขึ้น
-ไม่มีภาวะหยุดหายใจขณะดูดนม
-ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ (O2 Sat 92-95%)
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลนวดทารกบริเวณแก้ม ริมฝีปาก รอบปาก เหงือก และเพดานปาก นวดก่อนให้นม ประมาณ 10 นาที นวด วันละ 1-2ครั้ง เพื่อกระตุ้นการทำงานของประสาทรับความรู้สึกบริเวรที่ควบคุมการเคลื่อนไหวให้ทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้พัฒนาการการดูดและกลืนดีขึ้น ดูดนมได้แรงและนานขึ้น
ก่อนให้นมทางสายยางทุกครั้ง ต้องทดสอบให้แน่ใจว่าสายยางอยูในกระเพาะอาหารและดู ลักษณะ จำนวน Content ในกระเพาะอาหาร และการดูดซึม ถ้ามี Content มากกว่า 50%
รายงาน แพทย์ทันทีของนมที่ให้
.1.ตรวจวัดสัญญาณชีพประเมินสภาพร่างกายทั่วไป และสังเกต Reflex การดูด การกลืน และ bowel sound ของทารก เพื่อประเมินความพร้อมของทารกในการที่จะรับนม
ดูแลให้ทารกดูดนม BM (20kcal/oz) จำนวน 60 ml ขณะให้ทารกดูดนมควรประเมินความสัมพันธ์ในการดูดและกลืนช่วงจังหวะหยุดหายใจ ความสม่ำเสมอของสัญญาณชีพ และระดับความอิ่มตัวของออกซิเจน และการสำลัก
5.กระตุ้นการดูดของทารกเป็นระยะ ด้วยการลูบเบาๆ หรือเขี่ยเบาๆบริเวณริมฝีปาก และแก้ม
6.จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบ เพื่องส่งเสริมการดูดกลืนของทารก
สังเกต บันทึกการดูดกลืน ปริมาณนมที่ทารกสามารถดูดได้ และติดตามชั่งน้ำหนักทุก
การประเมินผล
-ทารกดูดนมเองได้น้อย ไม่มี Sucking reflex
-การดูดและกลืนไม่สัมพันธ์กัน ขณะดูดนมมีระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนลดลง 88-90%
6.บิดามารดาวิตกกังวลและขาดการมีปฏิสัมพันธ์กับทารก เนื่องจากการเจ็บป่วยของทารก และถูกแยกไปรับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตทารกแรกเกิด
ข้อมูลสนับสนุน
-Preterm 36+3 wks
-ทารกถูกแยกไปรับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตทารกแรกเกิด
-ทารกต้องได้รับการสังเกตอาการและช่วยหายใจด้วยการ on O2 Cannula
วัตถุประสงค์
-เพื่อลดความวิตกกังวลของบิดามารดา
-บิดามารดาได้สร้างสัมพันธภาพ และมีโอกาสแสดงบาบาทบิดามารดาได้มากขึ้น
เกณฑ์การประเมิน
-บิดามารดา มีสีหน้าสดชื่นขึ้น
-บิดามารดาเข้าใจอาการและแผนการรักษาของทารกมากขึ้น -ยอมรับฟังให้ความร่วมมือในการรักษาพยาบาลและมาเยี่ยมบุตรสม่ำเสมอ
-บิดามารดาเข้าเยี่ยมทารกอย่างสม่ำเสมอและมีสัมพันธภาพกับทารกมากขึ้น
กิจกรรมการพยาบาล
า
2.ให้ข้อมูลแก่บิดามารดาถึงอาการเจ็บป่วยของทารกด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย แผนการดูแลรักษาและเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆที่ใช้กับทารกรวมทั้งการพยาบาลที่สำคัญที่จำเป็นต้องให้ในช่วงนั้นๆ เช่น การให้ออกซิเจนทางจมูก ( on Cannula ) หรือการให้อาหารทางสายยาง
ให้กำลังใจ เปิดโอกาสและสนับสนุนให้บิดามารดามีส่วนร่วมในการดูแล เพื่อสร้างสัมพันธภาพกับทารก เช่น การพูดคุยสัมผัสกับทารก เช็ดตัว เปลี่ยนผ้า การป้อนนม และทำ oral care ให้ทารกซึ่งจะทำให้บิดามารดารู้สึกว่าได้ทำบทบาทของตนเองอย่างมีคุณค่า
ให้สุขศึกษาตามแบบฟอร์มแบบแผนการจำหน่ายและ ให้มารดามีส่วนรวมในการให้นมทารกที่สามารถทำได้ และเมื่อแพทย์อนุญาตให้ดูดนมมารดาได้ สอนวิธีการให้นมบุตร ท่าอุ้มที่ถูกต้อง และคอยดูแลช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา
1.ประเมินความวิตกกังวลและท่าทีต่างๆที่แสดงออกของบิดามารดาต่อความเจ็บป่วยของทารกและการอยู่โรงพยาบาลนาน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ระบายความรู้สึกต่างๆ รวมทั้งยอมรับท่าทีและปฏิกิริยาที่ตอบสนองต่อความเครียดนั้น ให้การต้อนรับด้วยท่าทีที่เป็นมิตร พร้อมจะให้ความช่วยเหลือและเปิดโอกาสให้ซักถามเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของบุตร พร้อมจัดให้ได้พูดคุยกับกุมารแพทย์ที่ทำการรักษา ถึงอาการที่เป็นและแนวทางการรักษา
การประเมินผล
-เนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 ในปัจจุบัน บิดามารดาไม่สามารถเข้าเยี่ยมทารก และแสดงบทบาทได้อย่างเต็มที่ แต่บิดามารดาสามารถโทรมาสอบถามอาการของทารกได้ตามเวลาที่กำหนด-บิดามารดายอมรับอาการเจ็บป่วยของทารกและให้ความร่วมมือในการรักษาเป็นอย่างดี